ครอบครัวเรื่องเล่าของเรา

ฉันเป็นทาสของแม่เลี้ยง

สวัสดี! ฉันชื่อลูซี่ ชีวิตฉันไปๆมาๆระหว่างสองบ้าน แต่ฉันไม่เคยคิดเลยว่าจะกลายเป็นลูกจ้างในบ้านหลังหนึ่ง และเรื่องนี้ก็ทำให้ฉันรู้สึกเหนื่อยหน่ายอยู่เสมอ พ่อแม่ของฉันหย่ากันนานแล้ว ฉันและพี่สาวอยู่กับแม่ตามการตัดสินของศาล แต่พ่อของชั้นก็ได้รับอนุญาติให้ใช้เวลาอยู่กับพวกเราทั้งคู่มากๆได้ นั่นจึงเป็นสาเหตุที่เราเคยชินกับการใช้ชีวิตแบบครึ่งหนึ่งของวันหยุดสุดสัปดาห์ หรือเทศกาลใช้เวลาอยู่ที่บ้านพ่อ

ฉันรักพวกท่านทั้งคู่เท่ากัน แต่พูดตรงๆแล้วพ่อของฉันค่อนข้างอารมณ์ร้าย บางวันเขาจะตะโกนใส่และลงโทษฉันกับพี่สาว ไม่ว่าเรื่องที่เราทำผิดมันจะเล็กน้อยแค่ไหน ฉันจะยกตัวอย่างให้ฟังแบบเร็วๆสักเรื่องนึง ครั้งหนึ่งเราใช้เวลาในวันฮัลโลวีนกับพ่อ เราทำชุดกันทั้งวันและหิวมาก

ในตู้เย็นแทบไม่มีอะไรกิน แอนนี่พี่สาวของฉันจึงตกลงว่าจะสั่งพิซซ่า เธอถามพ่อว่า ” ได้ไหมคะ ” แต่เค้าปฏิเสธอย่างไม่มีเหตุผล พ่อเสนอว่าเราควรทำอาหารอะไรสักอย่างทานกันเอง แต่เราไม่อยากทำ และก็อยากกินพิซซ่า โดยเฉพาะวันนี้มันเป็นวันหยุด

เรื่องแค่นี้เอง พ่อกลับโกรธจนคลั่ง!? เค้าตะโกนใส่เราและก็ขังเราไว้ในห้องโดยไม่ให้ทานข้าวเย็น และแน่นอนว่าไม่มีการออกไปเล่น trick or treat จากนั้นเราก็ต้องทนหิวอยู่อย่างนั้นและโมโหมากจนกระทั่งวันรุ่งขึ้น ตั้งแต่ตอนนั้นฉันและแอนนี่ก็ไม่ใช่แฟนคลับของวันฮาโลวีนอีกต่อไป พ่อไม่ได้แย่ขนาดนั้นตลอด แต่ในเมื่อแอนนี่อายุมากกว่าฉัน 5 ปี เธอจึงถูกลงโทษบ่อยกว่า เมื่อถึงตอนที่เธอโตพอ เธอจึงบอกว่าอยากไปอยู่กับแม่ เป็นการถาวรและไม่ไปเยี่ยมพ่ออีก! แต่ฉันทำแบบเดียวกันไม่ได้ และซึ่งบางทีก็ไม่อยากทำแบบนั้น ในวันละคืนที่บ้านของพ่อ ที่ไม่มีแอนนี่ ความสนุกสนานยิ่งลดน้อยลงไปอีก ฉันก็มีเพื่อนบางคนในระแวกนั้น แต่พ่อไม่อยากให้ฉันเล่นกับพวกเพื่อนๆ เหล่านั้นตลอดทั้งวัน เพราะพ่อบอกว่าอยากจะใช้เวลาบางช่วงกับฉันด้วย แต่เรามักลงเอยด้วยการดูรายการกีฬาทางทีวี ขณะที่เขาพยายามสอนฉันเรื่องทีมแต่ละทีมโค้ชและนักกีฬาทีมหรืออะไรทำนองนั้น ฉันไม่อาจพูดได้ว่าทั้งหมดนั้นทำฉันไม่มีความสุขเลยสักนิด เพราะฉันมองว่าฉันยังมีพ่ออยู่ในชีวิต ต่อมาพ่อของฉันแต่งงานกับจูเลีย ที่จริงเธอก็ไม่เลวเลย แต่เราไม่ค่อยได้มีปฏิสัมพันธ์กันเพราะเธอยุ่งตลอดเวลา กับการไปตามร้านเสริมสวย คลาสโยคะแล้วก็เต้นซุมบ้า ไม่กี่เดือนต่อมา พ่อก็เรียกฉันเข้าไปในห้องแล้วก็บอกว่าแม่เลี้ยงของฉันกำลังท้อง!

ฉันกำลังจะมีน้องชายหรือไม่ก็น้องสาว นั้นเป็นข่าวที่ดีมากเพราะฉันอยากมีน้องมาตลอด ฉันตื่นเต้นมากจริงๆ! และกระทั่งสัญญาว่าจะดูแลน้องเมื่อไหร่ก็ตามที่เขาหรือเธอเกิดมา อะไรที่ทำให้ฉันพูดไปแบบนั้นน่ะ ฉันยังไม่รู้เลย ตอนนี้เมื่อพ่อมีภรรยาใหม่ลูกที่กำลังจะเกิดมาพ่อก็เลยทำงานตลอดวัน จนกระทั่งที่ฉันไปเยี่ยมเขานั่นจึงทำให้จูเลียต้องมาดูแลฉันตอนที่เขาอยู่ที่ทำงานด้วยความที่ท้องเธอเลยตัวใหญ่มาก ฉันจึงต้องช่วยทำอาหาร , ล้างจาน , ทำความสะอาดบ้านแล้วก็อื่นๆ

ตอนแรกฉันคิดว่าการทำงานบ้านทั้งหมดด้วยตัวเธอเองนั้นเป็นเรื่องยาก แต่แล้วฉันก็รู้สึกตัวว่าเธอแค่ใช้งานฉันน่ะ!? เพื่อที่จะได้ไปนั่งคุยกับเพื่อนหรือนั่งอ่านนิตยสารการเลี้ยงลูกในห้อง ระหว่างที่ฉันทำงานเป็นทาสอยู่ฉันล่าง!

ฉันพยายามบอกเรื่องที่เกิดขึ้นให้พ่อรู้ แต่เขาก็เข้าข้างจูเลียเสมอ พ่อทำแม้กระทั่งยึดโทรศัพท์ของฉันไปเพื่อที่จะได้ว่าไม่มีอะไรมารบกวนฉันตอนช่วยงานเธอ อะไรๆไม่ได้เปลี่ยนไปมากนักหลังจากที่น้องชายฉันเกิด เว้นก็แต่เรื่องที่ว่าตอนเนี้ยนอกจากทำอาหาร ทำความสะอาด ซื้อของและนำข้าวของต่างๆขึ้นไปให้แม่เลี้ยงที่อยู่ชั้นบน

ฉันยังต้องดูแลน้องชายระหว่างที่เธอพักผ่อนด้วย ฉันถึงขนาดรู้สึกว่าถูกริดรอนชีวิต และนั่นเท่ากับว่าไม่มีเรื่องที่ชวนรื่นเริงเลยในช่วงฤดูร้อน ฟางเส้นสุดท้ายมาพร้อมกับเหตุการณ์ที่พ่อพาฉันไปหาอะไรกิน แล้วก็บอกให้ฉันมาอยู่กับเค้ากับจูเลีย แบบถาวร! คุณรู้ไหมฉันไม่ได้รู้สึกประหลาดใจเท่าไหร่ เพราะหลายครั้งเท่าที่จำได้ จูเลียบอกเขาว่าเธออยู่อย่างปราศจากความช่วยเหลือของฉันไม่ได้และตอนนี้ถ้าฉันอยู่กับพวกเค้าพ่อก็จะไม่ต้องจ่ายเงินค่าเลี้ยงดูลูกให้แม่อีก แถมยังมีทาสให้ใช้งานฟรี ฉันสับสนและสัญญาว่าจะกลับไปทบทวนข้อเสนอของเค้า ฉันแค่ปฏิเสธเค้าต่อหน้าตรงนั้นทันทีไม่ได้ เพราะเค้าอาจจะโมโห และฉันก็ไม่อยากทำให้เค้าโมโห อีกอย่าง..ยิ่งเมื่อฉันนึกถึงน้องชายของฉันและเกรงว่าอารมณ์โมโหร้ายของพ่อจะทำลายช่วงเวลาที่เราได้อยู่ด้วยกัน ดังนั้นการที่ต้องกลับไปคิดเรื่องทั้งหมดนี้ ทำให้ใจฉันแทบจะแตกสลาย เมื่อฉันกลับไปเยี่ยมพ่อและครอบครัวของเขาอีกครั้ง พวกเขาดูจะคาดหวังในตัวฉันหรือการตัดสินใจของฉัน ฉันต้องใช้ความมุ่งมั่นทั้งหมดเพื่อยืนหยัดและก็บอกว่าฉันจะอยู่กับแม่ ซึ่งรู้ว่าพ่อจะต้องไม่พอใจ ฉันอยากจะคิดว่าเขาจะต้องเสียใจที่ฉันไม่อยู่กับเขาเพราะเขาคิดถึงฉัน แต่ฉันก็ไม่อาจสลัดความคิดที่ว่า เขาแค่คิดว่าพลาดโอกาสการมีแรงงานทาสใช้ฟรีในบ้าน และสิ่งนี้ก็ทำร้ายความรู้สึกฉันมากจริงๆ พี่สาวเองยังบอกให้ฉันกล้าเข้าไว้แล้วก็พูดไปเลย ฉันคิดว่าถ้าฉันพูดสิ่งที่เลวร้ายที่สุดก็อาจจะเกิดขึ้น นั้นเป็นเหตุผลที่ทำให้ฉันบอกพ่อไปว่า ฉันไม่ต้องการใช้เวลาของฉันไปกับการเป็นคนงานที่นั่นแต่ฉันก็อยากใช้เวลาทำเรื่องสนุกๆกับพ่อ เพราะฉันคิดถึงพ่อ แต่นี่ก็เป็นความจริง! พ่อไม่พูดอะไรฉันก็ยังต้องใช้เวลาส่วนใหญ่เหมือนกับเมื่อก่อน เว้นอย่างหนึ่ง

เค้าเริ่มให้ค่าแรงฉัน อย่างเช่นไม่กี่เหรียญสำหรับการรีดผ้า 5 เหรียญสำหรับทำความสะอาดบ้าน และอีก 5 เหรียญถ้าทำฉันทำอาหารอะไรสักอย่างเพิ่มให้ นี่มันประหลาดมากและฉันไม่รู้จะรับมือยังไง ฉันอยากจะบอกพวกคุณเหลือเกินว่าเรื่องของฉันน่ะจบลงอย่างมีความสุข แต่ก็ไม่ อย่างน้อยที่สุดอะไรๆยังไม่เลวร้ายกว่านี้ ตอนนี้ผ่านไป 3 เดือนแล้วที่ฉันรอคอยอยู่ ฉันยังคงไปเยี่ยมพ่อ เขาก็ยังให้เงินฉันแทนที่จะให้ความรักและความเอ็นดูแบบพ่อแม่ แต่อย่างที่พี่สาวบอกฉันไม่นานมานี้ อย่างน้อยฉันก็ยังมีความสามารถในการหาเงินได้ ส่วนพ่อก็อารมณ์เย็นขึ้นนิดหน่อย และไม่ตะโกนใส่ฉันอีกแล้ว

คุณรู้ไหมฉันได้สิ่งที่ดีที่สุดจากครอบครัวทั้งสองฝั่งแล้ว มีแม่และมีพ่อในชีวิต แต่ไม่รู้จะทำให้พ่อปฏิบัติต่อฉันเหมือนลูกสาวแบบไม่ใช่ลูกจ้างได้อย่างไร ถ้าคุณมีความคิดเห็นสำหรับเรื่องนี้แบ่งปันความคิดของคุณ ในช่องคอมเม้นท์และกดไลค์ให้ช่องด้วยนะคะ

เรื่องเล่าที่เกี่ยวข้อง

0 0 votes
Article Rating
Subscribe
Notify of
guest
0 Comments
Inline Feedbacks
View all comments
Back to top button
0
Would love your thoughts, please comment.x
()
x

ปิดโปรแกรมบล็อคโฆษณา

กรุณาปิดโปรแกรมบล็อคโฆษณาก่อนนะ เพราะเว็บจะอยู่ได้ก็จากป้ายโฆษณา