ครอบครัวเรื่องเล่าของเรา

พ่อแม่ของฉันหย่ากัน และให้ฉันเลือกว่าจะอยู่กับใคร

ไงฉันชื่อรูธเรื่องราวของฉันจะเศร้าหน่อยเพราะมันเกี่ยวกับพ่อแม่ฉันที่พึ่งหย่ากันไม่นานมานี้ ตอนนี้ฉันก็รู้สึกยากที่จะพูดถึงเรื่องนี้แต่ฉันคิดว่าการแบ่งปันเรื่องราวของฉันเป็นสิ่งสําคัญและบางทีอาจจะช่วยคุณสักคนพ้นจากสภาวะแบบนั้นได้ อันดับแรกของเล่าแบ็กกราวให้ฟังหน่อย พ่อแม่ของฉันแต่งงานกันมานาน 20 ปีในสายตาฉันพวกเขาดูเหมือนคู่แต่งงานในอุดมคติพวกเขาแตกต่างกันมากแต่ฉันคิดว่ามันเป็นเรื่องธรรมดาเมื่อคนที่แตกต่างกันมากสองคนมาเติมเต็มกันและกันเหมือนชิ้นส่วนสองชิ้น

พ่อเป็นคนตัวโตเงียบคมมักจะยิ้มให้ใครๆอย่างอบอุ่น ส่วนแม่ตรงกันข้ามโดยสิ้นเชิงเป็นคนที่เหมือนดอกไม้ไฟ พูดตลอดเวลาทํานุ่นทํานี่หัวเราะเสียงดังและก็ทําเรื่องน่าขายหน้าไปทั่ว พวกเขาเหมือนกันตรงไหนฉันไง ฉันเป็นลูกคนเดียวและพวกเขาเอ็นดูฉันมากฉันก็รักพวกเขาทั้งคู่แต่ฉันเป็นลูกแม่ ไม่เคยมีปัญหากับคําถามโง่ๆที่คนชอบถามเด็กๆเลยว่าหนูรักใครมากกว่ากัน แม่เป็นคําตอบเสมอ แต่แล้วหลังวันเกิดครบ 15 ปีพ่อแม่ก็เรียกฉันมาคุย ฉันเกลียดประโยค “เราต้องคุยกัน” เพราะฉะนั้นเลยหวั่นวิตกขึ้นมาสังหรณ์แย่ๆของฉันถูกต้องตอนที่ฉันได้ยินประโยคที่เด็กทุกคนต้องหวาดผวา พ่อกับแม่ตัดสิ้นใจแล้วว่าเราต้องหย่ากัน ลูกโตแล้วและหวังว่าลูกจะเข้าใจ อืม… ฉันก็ตอบรับด้วยความเข้าใจและไม่ได้ถามอะไรเลยด้วยซ้ำ แต่สิ่งนึ่งที่รบกวนฉันก็คือฉันไม่เห็นได้อย่างไรว่าพวกเขาเข้ากันไม่ได้อีกแล้ว นี่เป็นเพราะฉันอยู่แต่ในโลกสีรุ้งสดใสของฉัน ขณะที่มีรอยร้าวขนาดใหญ่เกิดขึ้นในครอบครัวหรือเปล่า ทันใดนั้นชีวิตของพวกเราก็เหมือนอยู่ในขุมนรก พ่อแม่เริ่มทําตัวแบบคนที่เจริญแล้วและเริ่มแบ่งทรัพย์สินกัน จนกระทั่งมาถึงของที่พวกเขามีร่วมกันสิ่งที่มีค่าที่สุดนั่นก็คือฉัน ต่างฝ่ายต่างอยากให้ฉันไปอยู่ด้วยและพร้อมที่จะแสดงจุดยืนของพวกเขา แม่คะพ่อคะหนูยังเป็นคนอยู่นะไม่ใช่สิ่งของ! มาถามหนูหน่อยไหม! ในที่สุดเมื่อพวกเขาคิดว่าฉันใกล้จะเป็นผู้ใหญ่แล้วฉันก็ควรจะเลือกเองได้และให้ไปถกเรื่องนี้กันในศาล โว้..ฉันรู้ว่าวันนึงฉันต้องโตขึ้น แต่ไม่คาดคิดมาก่อนว่าจะเร็วขนาดนี้

เรายังคงอยู่ด้วยกันสามคน แต่นี่ไม่ใช่บ้านแสนสุขของเราอีกต่อไปแล้ว ฉันสังเกตเห็นอย่างนึ่งที่ทําให้ฉันกังวลมาก แม่พยายามจะเอาอกเอาใจฉันทุกทาง เธอเริ่มซื้อข้าวของแพงๆมาให้ พาฉันออกไปใช้เวลาที่สปาและร้านอาหารและทั้งหมดนี้เธอก็ทําเหมือนเป็นเพื่อนรักของฉันมากกว่าเป็นแม่ มันก็ดีแต่นี่ไม่ทําให้ฉันรู้สึกดีเลย ส่วนที่แย่ที่สุดคือเมื่อเราอยู่ด้วยกันตามลําพังเธอจะพยายมโน้มน้าวฉันว่าพ่อของฉันเป็นคนอ่อนแอ หรือไม่ก็ยุ่งเกินไปที่จะสนใจฉันและอะไรที่ไม่ใช่เรื่องดี แล้วพ่อฉันระหว่างนี้ล่ะ เขาทําเหมือนเขาแพ้ไปแล้วซึ่งก็คือทําตัวเศร้าๆทานอาหารเย็นคนเดียว และมองฉันเหมือนขอความเห็นใจ ก่อนจะขึ้นศาลฉันบังเอิญได้ยินอะไรบางอย่างที่ฟังแล้วเจ็บปวดอย่างมาก แม่และพ่อแอบคุยกัน เมื่อแม่บอกว่า “ถ้าคุณรับรองว่าคุณไม่มีทางดูแลรูธได้ฉันจะให้คุณเจอเธอตอนไหนก็ได้อย่างอิสระ ไม่อย่างนั้นฉันจะกล่าวหาว่าคุณเป็นคนโมโหร้ายและจะทําทุกวิถีทางเพื่อกำจัดคุณ! ทําตามที่ฉันบอก เพราะคุณก็รู้ว่ายังไงเธอก็จะเลือกฉัน” เหมือนฉันถูกสายฟ้าฟาด ฉันตาสว่างทันทีว่าแม่ของฉันเป็นคนชั่งบงการตลอดเวลา และการแบล็คเมล์แบบนี้ก็เลวร้ายมากฉันได้ยินพ่อบอกยอมแพ้ เพื่อให้มีโอกาสเจอฉัน ความรู้สึกต่างๆท่วมท้นและฉันก็ตัดสิ้นใจได้ วันถัดมาทุกคนต้องตะลึงเมื่อบอกว่าจะอยู่กับพ่อ แม่ฉันเหมือนถูกตบหน้าและพ่อฉันก็ร้องไห้ทั้งน้ำตาตรงนั้นต่อหน้าทุกคน

หลังจากฉันอยู่กับพ่อ แม่ก็จากไปฉันรู้สึกข่มขื่นอย่างมากเมื่อมิตรภาพของเราสิ้นสุดลงเธอก็โทรหาฉันซ้ำแล้วซ้ำเล่าแค่เพื่อจะบอกว่าฉันเป็นคนอกตัญญที่น่ารังเกียจขนาดไหนฉันไม่รู้จะตอบเธอยังไง หลังเหตุการณ์ทั้งหมดนี้เธอก็ยังเป็นแม่และฉันก็รักเธอ ถึงยังนั้นฉันก็ไม่ได้คิดว่าฉันทําอะไรผิด เวลาเดียวกันพ่อก็มีความสุขมาก ดูแลฉันแล้วก็ถามความคิดเห็นฉันเสมอและปฏิบัติต่อฉันอย่างดี ฉันมีอิสระซึ่งดีกับเด็กหญิง 15 ปีมากๆ แต่ครั้งนึ่งฉันก็ลองใช้อิสระนั้นในทางที่ผิด ฉันอยากไปงานเทศการณ์ดนตรีข้ามคืนและพ่อของฉันก็บอกตอนนั้นชัดๆ แล้วว่าไม่อนุญาตเพราะฉันยังเด็กเกินไป ฉันร้องไห้โวยวาย แต่เขาบอกว่านี้ไม่ใช่สิ่งที่ฉันจะต่อรองได้ พอสิ้นหวังทันใดนั้นฉันตะโกนใส่พ่อว่า “พ่อรู้ไหมถ้าไม่ให้หนูไปอะ หนูจะโทรหาแม่และไปอยู่กับแม่!” และอารมณ์แบบของความเห็นใจนั่นก็กลับมาอยู่บนพ่ออีกครั้ง พ่อบอกว่าโอเคทําตามอย่างที่ลูกต้องการเถอะและก็ออกจากห้องไปเงียบๆ ฉันยืนอยู่ตรงนั้นไม่อยากจะเชื่อเลยว่าฉันทําเรื่องแย่ขนาดไหน ฉันพึ่งแบล็คเมล์พ่อของฉันเอง ฉันละอายใจมากจริงๆ ฉันตระหนักได้ว่าฉันมีนิสัยของแม่อยู่ในตัวมากแค่ไหน นิสัยแบบเดียวกับคนที่ช่างเจ้ากี้เจ้าการที่ไร้ซึ่งความละอายแบบที่ฉันเกลียด แต่หลังจากนั้นฉันก็เริ่มเข้าใจเธอ มากขึ้นอีกนิดหน่อย เธอบงการฉันและแบล็คเมล์พ่อ เพราะเธอสิ้นหวังและเธอก็ใช้วิธีที่รุนแรงกว่าการค่ำครวญอย่างเด็กวัยรุ่นแบบฉัน การรับรู้เรื่องนี้ช่วยให้ฉันควบคุมตัวเองได้ดีขึ้นนิดหน่อยและไม่นานก็ทําให้ฉันกลับไปใกล้ชิดแม่อีกครั้ง ฉันเข้าใจแล้วว่าเธอไม่ใช่ผู้ร้าย แค่ใช้วิธีของตัวเองในตอนที่ไม่มีหนทางอื่น ดังนั้นพวกคุณ บางทีเรื่องของฉันอาจทําให้คุณผ่านพ้นกับเรื่องที่ตามมาจากการที่พ่อแม่หย่าร้างได้ มองเข้าไปในตัวเองแล้วคุณจะพบลักษณะนิสัยที่คุณมีร่วมกับพ่อแม่ของคุณ บางทีหลังจากเรื่องทั้งหมดคุณจะเข้าใจพวกเขาได้ดีขึ้นและอยู่กับสถานะภาพของพวกเขาและตัวคุณเองได้อย่างสงบสุข

ช่วยคอมเม้นให้เรื่องราวของฉัน และแบ่งปันให้กับเพื่อนๆของคุณ ฉันหวังเป็นอย่างยิ่งว่าเรื่องของฉันจะมีส่วนช่วยใครสักคนและก็ขอบคุณที่ติดตาม

เรื่องเล่าที่เกี่ยวข้อง

0 0 votes
Article Rating
Subscribe
Notify of
guest
0 Comments
Inline Feedbacks
View all comments
Back to top button
0
Would love your thoughts, please comment.x
()
x

ปิดโปรแกรมบล็อคโฆษณา

กรุณาปิดโปรแกรมบล็อคโฆษณาก่อนนะ เพราะเว็บจะอยู่ได้ก็จากป้ายโฆษณา