ครอบครัว

พี่สาวฝาแฝดของฉันตายอย่างฮีโร่และฉันรู้สึกเหมือนอยู่ตัวคนเดียว

สวัสดีฉันชื่อ “โสรยา” เมื่อไม่กี่สัปดาห์ที่แล้วฉันเพิ่งฉลองวันเกิดครบรอบอายุ 15 ปีไปพ่อแม่และเพื่อนๆของฉันพยายามอย่างเต็มที่เพื่อทำให้วันนี้เป็นวันที่พิเศษที่สุดสำหรับฉันแต่พวกเขาทำไม่สำเร็จเพราะฉันใช้เวลาเกือบทั้งวันร้องไห้ในห้องโดยที่ล็อคประตูจากด้านในคุณอยากรู้ไหมว่าทำไมนั่นก็เพราะวันนี้ไม่ควรเป็นวันพิเศษแค่สำหรับฉันคนเดียวแต่มันควรเป็นวันพิเศษของพี่สาวฝาแฝดของฉันด้วยแต่ตอนนี้เธอได้เสียชีวิตไปแล้วพี่สาวของฉันชื่อ “โฟเซีย” โอ…ฉันแทบรับไม่ได้กับการพูดถึงเธอในอดีตที่ผ่านมาเสียชีวิตอย่างน่าสงสารเมื่อประมาณ 6 เดือนที่ผ่านมาฉันคิดถึงเธอมากและหวังว่าคุณคงจะเข้าใจความรู้สึกของฉัน ฉันคิดว่าคนที่มีพี่น้องฝาแฝดเหมือนฉันคงจะเข้าใจความรู้สึกของฉันดีพวกเขารู้ดีว่ามันเป็นยังไงกับการที่มีใครสักคนคอยอยู่เคียงข้างนับตั้งแต่วินาทีแรกที่คุณลืมตาดูโลกหรือแม้กระทั่งก่อนที่คุณจะเกิดมามันช่างเป็นประสบการณ์ที่แสนวิเศษที่ไม่มีอะไรจะมาเทียบได้แล้วในชีวิตฉันรู้ว่ามีบางคนที่อาจไม่ค่อยลงรอยกับพี่น้องหรือแม้กระทั่งกับพี่น้องฝาแฝดของพวกเขาก็ตามแต่นั่นไม่ใช่กรณีของฉันกับ “โฟเซีย” เราทั้งคู่มีความสุขด้วยกันมากและคงไม่มีใครที่จะมีพี่สาวที่แสนดีเหมือนพี่สาวของฉันคนนี้ได้อีกแล้ว

แม้ว่า “โฟเซีย” และชั้นจะเป็นฝาแฝดกันเราก็ไม่ได้เหมือนกันหมดซะทีเดียวซึ่งฉันหมายถึงสิ่งที่อยู่ข้างในเพราะบุคลิกของเราสองคนแตกต่างกันโดยสิ้นเชิงภายนอกเราเป็นผู้หญิง 2 คนที่เกือบจะเหมือนกันทุกอย่างเพียงแค่  “โฟเซีย” สูงกว่าชั้นนิ้วครึ่งแม่ของเราพยายามที่จะสร้างความแตกต่างให้ลูกๆของเธอด้วยการทำทรงผมของเราให้ไม่เหมือนกันมาตั้งแต่เรายังเป็นเด็กแต่นั่นก็ยังคงทำให้พ่อของเราสับสนอยู่บ้างในบางครั้ง “โฟเซีย” เกิดก่อนฉัน 15 นาทีแม่ของฉันเคยพูดล้อเล่นว่าพี่สาวของฉันเป็นคนปูทางสำหรับให้ฉันเกิดมาในโลกนี้และคุณรู้ไหมว่ามันเป็นแบบนั้นจริงๆ “โฟเซีย” แก่กว่าฉัน 15 นาทีและดูเหมือนว่า 15 นาทีนี้ได้สร้างบางสิ่งที่แตกต่าง 15 นาทีนี้เองที่ทำให้ “โฟเซีย” นำหน้าฉันไปทุกอย่างในขณะที่พี่สาวของฉันมีความมั่นใจและเด็ดขาดแต่ฉันกลับเป็นคนขี้อายและขี้ขลาดในขณะที่เธอพร้อมเสมอที่จะทำอะไรแต่ฉันกลับมักลังเลในการตัดสินใจ “โฟเซีย” เรียนรู้การเขียนและการอ่านได้เร็วกว่าฉันโดยเฉพาะกับการเรียนภาษาแม่ของเราและมันก็เป็นแบบนี้ได้เกือบทุกเรื่องแต่คุณรู้ไหมพี่สาวของฉันกลับไม่เคยสร้างความกดดันให้ฉันเลยแม้แต่น้อยตรงกันข้ามสิ่งแรกที่เธอรีบทำคือการแบ่งปันทักษะที่พึ่งได้เรียนรู้มากับฉัน

ตัวอย่างเช่นพี่สาวของฉันเป็นคนแรกที่เรียนรู้การขี่จักรยานเป็นก่อนและวันที่  “โฟเซีย”  ได้สอนให้ฉันขี่จักรยานก็ยังคงเป็นหนึ่งในช่วงเวลาที่ดีที่สุดในวัยเด็กของฉันตอนที่เราอายุ 10 ขวบพ่อได้มอบของขวัญให้กับลูกสาวของเขาเราได้รับจักรยานกันคนละคันน่าเสียดายที่เขาไม่มีเวลาสอนวิธีการขี่มันให้กับเราเนื่องจากครอบครัวของเราไม่ได้ร่ำรวยอะไรและแม่ก็ไม่ได้ทำงานเพราะเธอต้องอยู่ดูแลบ้านและลูกๆดังนั้นจึงต้องทำงานหนักมากเพื่อทำให้ครอบครัวของเขามีความเป็นอยู่ที่ดีดังนั้นพวกเราจึงต้องเรียนรู้วิธีขี่จักรยานด้วยตัวเองและอีกครั้งมันไม่ใช่ปัญหาเลยสำหรับคนอย่าง “โฟเซีย” เธอเรียนรู้ที่จะขี่มันได้อย่างรวดเร็วแต่ฉันกลับไม่ประสบความสำเร็จสักทีฉันไปหาพ่อและขอให้เขาช่วยแต่เขาไม่เคยมีเวลาให้เลยฉันอารมณ์เสียมากและหลังจากที่ฉันทำจักรยานล้มลงอีกครั้งฉันทิ้งมันไว้อย่างนั้นที่ถนนและเข้าไปซ่อนตัวในพุ่มไม้หลังบ้านฉันไม่อยากให้ใครเห็นว่าฉันร้องไห้

หลังจากนั้นไม่นานพี่สาวของฉันก็หาฉันเจอเธอกอดและให้กำลังใจฉันพร้อมทั้งเสนอว่าจะช่วยฉันเอง แน่นอนว่าความพยายามของ “โฟเซีย” ที่จะหัดให้ฉันขี่จักรยานนั้นเป็นอะไรที่ค่อนข้างทุลักทุเลเพราะเราต่างยังเป็นเด็กทั้งคู่บางครั้งพวกเราก็พากันขี่ตกหลุมและพากันล้มด้วยกันทั้งคู่แต่หลังจากที่พวกเราได้รับบาดแผลและรอยพกช้ำมากมายในที่สุดฉันก็ทำสำเร็จฉันขี่จักรยานได้แล้วแล้วก็ต้องขอขอบคุณพี่สาวของฉันสำหรับทุกอย่างฉันขี่จักรยานเล่นเป็นวงกลมไปตามถนนได้อย่างมั่นใจและมันเป็นชัยชนะที่แท้จริงสำหรับเราทั้งคู่และฉันก็มีความสุขมากในตอนนั้นแต่มาตอนนี้ฉันกลายเป็นเกลียดจักรยานอย่างเข้าไส้และนี่คือเหตุผลของเรื่องนี้ สิ่งนี้เกิดขึ้นกับ “โฟเซีย” ในระหว่างที่เกิดพายุทอร์นาโดอย่างไม่คาดคิดครอบครัวของเราอาศัยอยู่ในเมืองที่เกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติแบบนี้อยู่เสมอแต่นี่มันเป็นพายุลูกแรกของปีที่เกิดขึ้นอย่างไม่ทันตั้งตัวทั้งฉันและครอบครัวพวกเราไม่ได้รับแจ้งถึงภัยคุกคามที่ใกล้เข้ามาแล้วเราก็ไม่ได้เตรียมความพร้อมมาก่อนหากพ่อแม่ของฉันรู้เกี่ยวกับอันตรายนี้ก่อนล่วงหน้าพวกเขาคงไม่มีวันปล่อยลูกสาวออกไปข้างนอก

พ่อกับแม่มีแค่เราสองคนเพราะพวกเขาไม่สามารถมีลูกได้อีกและพวกเขาก็มักตามใจพวกเราอย่างมากจนบางครั้งก็มากเกินไปสำหรับเราด้วยซ้ำพวกเราคิดกันแบบนั้นแต่มาคราวนี้ทุกอย่างเกิดขึ้นโดยไม่คาดคิดวันนั้นพี่สาวและฉันไม่ต้องไปโรงเรียนแต่พ่อต้องไปทำงานฉันอยู่ที่บ้านกับแม่ส่วน “โฟเซีย” ออกไปข้างนอกยังไม่กลับแล้วเมื่อคืนก่อนเถอะพักค้างคืนกับเพื่อนของฉันเมื่อพายุเกิดเริ่มขึ้นพอได้ไปที่ศูนย์พักพิงพร้อมกับเพื่อนร่วมงานของเขาเขาคิดว่าเราทุกคนอยู่ด้วยกันที่บ้านและคงปลอดภัยดีดังนั้นเขาจึงไม่ได้โทรกลับบ้านในขณะที่ยังมีโอกาสนั้นอาจเป็นสาเหตุที่แม่ของฉันเริ่มตื่นตระหนกหลังจากที่ได้รับคำเตือนเกี่ยวกับพายุที่กำลังจะมาแม่ของฉันก็โทรไปที่บ้านเพื่อนที่ “โฟเซีย” ไปพักด้วยและขอให้แม่ของเพื่อนช่วยดูแลให้เธออยู่ที่บ้านด้วยจนกว่าพายุจะสงบลงแต่แม่ไม่ได้โทรหา “โฟเซีย” โดยตรงเพราะกลัวว่าพี่สาวของฉันอาจเสี่ยงด้วยการพยายามกลับมาบ้านเองซึ่งมันมีเหตุผลในเรื่องนี้อยู่

แม่กลัวพายุทอร์นาโดที่ใกล้เข้ามาเร็วมากเธอจึงรวบรวมสิ่งที่จำเป็นทั้งหมดอย่างรวดเร็วและรีบลากฉันลงไปที่หลบภัยที่ตั้งอยู่ในชั้นใต้ดินของบ้านเราทันทีแต่เธอไม่ได้ให้เวลาฉันในการหาแมวของเราเมื่อมีการประกาศเตือนขึ้นแมวกำลังอยู่ข้างนอกบ้านฉันขอร้องแม่ให้รอสักหน่อยจนกว่ามันจะกลับมาเพราะมันไม่เคยไปไหนเกินกว่า 2 3 ช่วงตึกจากบ้านของเราเลยแต่แม่ของฉันตื่นตระหนกมากและขังฉันไว้ในห้องใต้ดินพร้อมกับเธอ เธอบอกว่าชีวิตแมวไม่คุ้มค่าพอที่เราจะเสียชีวิตไปด้วยฉันโกรธแบบว่าโกรธมากๆก่อนที่พายุทอร์นาโดจะเริ่มขึ้นในขณะที่สัญญาณโทรศัพท์ยังใช้ได้อยู่ฉันได้ส่งข้อความถึงพี่สาวของฉันเกี่ยวกับเรื่องที่แม่ไม่ยอมให้การช่วยเหลือแมวของเราและฉันได้รับข้อความตอบกลับว่าโอ้ไม่นะถ้าอย่างนั้นฉันจะรีบกลับบ้านให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ “โฟเซีย” ของฉันผู้ที่มันจะทำอะไรรวดเร็วที่สุดเสมอ

และในที่สุดสิ่งนี้มันก็ฆ่าเธอทันทีที่ลมและสายฝนสงบลง “โฟเซีย” รีบคว้าจักรยานและรีบออกจากบ้านเพื่อนของเธออย่างเร่งรีบนะว่าทุกคนจะพยายามทุกวิถีทางเพื่อห้ามเธอบ้านของเราอยู่ไม่ไกลและลงพายุก็สงบลงแล้วแต่ทอร์นาโดได้ทำให้สายไฟบางส่วนบนถนนของเราขาดแล้วมันยังคงมีกระแสไฟหลงเหลืออยู่และเมื่อพี่สาวของฉันเลี้ยวเข้าสู่ถนนบ้านเราแค่ตรงข้ามถนนจากบ้านของเพื่อนบ้านบางทีอาจจะกระโดดจากจักรยานเข้าไปสายไปที่เปลือยเปล่าด้วยรองเท้าที่เปียกฝนชุ่มฉันเองก็ไม่รู้จริงๆแต่เมื่อพายุสิ้นสุดลงพวกเราก็ออกจากห้องใต้ดินแต่พี่สาวของฉันเธอก็ไม่รอดแล้วหลังจากนั้นชีวิตของพวกเราก็ไม่เหมือนเดิมกันอีกต่อไปเราทุกคนต่างเปลี่ยนไปทั้งฉันแม่และพ่อของฉันการจากไปของ “โฟเซีย” ทำร้ายจิตใจของแม่อย่างรุนแรงจนทำให้เธอกลายเป็นคนเก็บตัวและเย็นชาซึ่งแตกต่างจากเมื่อก่อนอย่างสิ้นเชิงส่วน

พ่อก็ได้แต่โทษตัวเองเช่นกันแม้ว่าเขาจะเปลี่ยนไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิงแต่เขาก็ยังคงทำดีที่สุดเพื่อให้ครอบครัวมีความเป็นอยู่ที่ดีเหมือนเดิมเหมือนว่าเรื่องนี้ไม่เคยเกิดขึ้นสำหรับฉัน ฉันสูญเสียพี่สาวฝาแฝดของชั้นผู้ซึ่งเป็นเหมือนทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตของฉันและฉันไม่ได้รับการให้กำลังใจสนับสนุนใดๆจากพ่อแม่เขาพวกเขาก็ยังคงคอยโทษตัวเองอยู่ตลอดเวลาแม้ว่าฉันจะเป็นคนเดียวที่น่าจะเป็นสาเหตุที่ทำให้เธอต้องตายถ้าฉันไม่ได้ส่งข้อความนั้นถึง “โฟเซีย” เธอก็คงรออย่างใจเย็นที่บ้านเพื่อนของเธอจนกว่าจะแน่ใจว่าทุกอย่างเรียบร้อยดีแม่ของฉันพูดถูกและชีวิตแมวนั้นก็ไม่คุ้มกับความเสี่ยงใช่ไหมแต่ยังไงก็ตามฉันก็หาแมวของเราไม่พบและคิดว่ามันก็คงตายไปแล้วเหมือนกันเป็นเวลานานที่ฉันยังคงไม่รู้ว่าจะดำเนินชีวิตไปอย่างไรดีคุณรู้ไหมฉันไม่เคยเชื่อเรื่องความเชื่อที่ทุกคนพูดกันว่าฝาแต่จะรู้สึกซึ่งกันและกันในแบบพิเศษหรืออ่านความคิดของกันและกันได้

แต่หลังจากนั้นมันเกิดขึ้นกับฉันจริงๆฉันเริ่มคิดว่าฉันเพียงแค่ไม่ได้สังเกตมันในขณะที่พี่สาวของฉันยังมีชีวิตอยู่ ฉันไม่รู้ตัวว่ามันมีหลายสิ่งหลายอย่างในชีวิตของเราสองคนที่เชื่อมต่อถึงกันมาถึงตอนนี้ฉันรู้สึกได้ถึงความว่างเปล่าอย่างสุดทนที่ไม่มีอะไรจะสามารถมาเติมเต็มได้และความเงียบฉันได้ยินความเงียบมันน่าขนลุกที่เรากับว่ามีใครสักคนมาปิดเพลงอันแสนไพเราะซึ้งเล่นคลออยู่สักที่ในเบื้องหลังฉากชีวิตของฉัน ฉันไม่รู้จะอธิบายความรู้สึกนี้ออกมาเป็นคำพูดยังไงแต่อย่างน้อยฉันหวังว่าคุณคงจะพอเข้าใจมันบ้างแล้วฉันก็ฝันเห็น “โฟเซีย” ตลอดเวลาบางครั้งฉันฝันถึงความทรงจำในวัยเด็กที่ฉันมีร่วมกับเธอฉันไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าฉันเห็นความฝันเหล่านั้นผ่านมุมมองของตัวเองหรือของพี่สาวกันแน่และบางครั้งในความฝันฉันก็ได้พูดคุยกับเธอราวกับเธอยังมีชีวิตอยู่หลังจากนั้นแม่ก็บอกฉันว่าเธอมักจะได้ยินฉันละเมอพูดออกมาดังๆจากในห้องของฉันและทุกครั้งมันก็ทำให้แม่รู้สึกกลัวฉันเองก็กลัวเหมือนกันเพราะปฏิกิริยาของแม่ที่ตอบสนองต่อเรื่องทั้งหมดนี้ตั้งแต่ที่ฉันเริ่มฝันซ้ำๆกันหลายครั้ง

แม่ก็เริ่มเฝ้าถามถึงเรื่องราวเกี่ยวกับฝันราวกับว่าพี่สาวของฉันยังคงมีชีวิตอยู่จริงๆสำหรับฉันมันดูเหมือนว่าเรื่องราวความฝันเหล่านี้ได้ปลุกให้แม่ตื่นขึ้นมามีชีวิตชีวาอีกครั้งมันน่าขนลุกมากแล้วมันก็ไม่ควรจะเป็นแบบนี้ฉันไม่เชื่อว่ามันเป็นเรื่องเกี่ยวกับความลึกลับหรืออะไรทำนองนั้นแต่ฉันเชื่อว่ามันเกิดจากบางอย่างจากจิตใต้สำนึกของฉันที่คอยช่วยให้ฉันผ่านพ้นโศกนาฏกรรมนี้ไปให้ได้ฉันจึงไปถามนักจิตวิทยาที่โรงเรียนว่ามันเป็นไปได้หรือไม่และเขาก็เห็นด้วยว่ามันอาจเป็นไปได้และเขาแนะนำให้ฉันแบ่งปันเรื่องราวของฉันกับใครบางคนเพราะเห็นได้ชัดว่าฉันต้องการสื่อมันออกมา

นั่นจึงทำให้ฉันมาที่นี่ความตายของพี่สาวชั้นมันเป็นอะไรที่เจ็บปวดสำหรับฉันเหลือเกินและฉันหวังว่าทุกคนจะให้กำลังใจฉันในคอมเม้นหลังจากชมวีดีโอนี้จบแล้วอย่าลืมแชร์ให้กับเพื่อนๆดูแลตัวเองและทุกคนที่คุณรักกันด้วยนะคะ 

เรื่องเล่าที่เกี่ยวข้อง

0 0 votes
Article Rating
Subscribe
Notify of
guest
0 Comments
Inline Feedbacks
View all comments
Back to top button
0
Would love your thoughts, please comment.x
()
x

ปิดโปรแกรมบล็อคโฆษณา

กรุณาปิดโปรแกรมบล็อคโฆษณาก่อนนะ เพราะเว็บจะอยู่ได้ก็จากป้ายโฆษณา