ครอบครัวเรื่องเล่าของเรา

พ่อแม่ฉันรักน้องสาวมากกว่า

สวัสดี! ฉันคือเจนนิเฟอร์ และฉันมีเรื่องจะสารภาพ ฉันใช้เวลานานหลายปีไปกับการเกลียดใครบางคนที่อยู่ใกล้ตัวฉันมาก และตอนนี้ฉันก็ละอายใจตัวเองนิดๆ นี่คือ เรื่องราวของฉัน

ฉันมีน้องสาวชื่อสเตลลา ตอนที่เธอเกิด ฉันอายุได้ 4 ขวบ ฉันจำได้ว่า ฉันกระตือรือร้นที่จะมีน้องสาวตัวน้อยที่จะเล่นด้วยกัน อืม ตอนนั้นฉันก็ยังเป็นเด็ก บอกไว้ก่อน แต่อะไรๆ ก็ผิดพลาด บางอย่างก็ไม่ได้สวยงามตั้งแต่เริ่มต้น

สเตลลาเกิดมามีน้ำหนักน้อยกว่าเกณฑ์ และต้องอยู่ในโรงพยายาล เธอต่อสู้อยู่นานหลายสัปดาห์ ทุกๆ คน ทั้งญาติและเพื่อนต่างเป็นห่วงเธอ ในตอนนั้นฉันเองก็ถูกทุกคนลืม แค่ 3 อาทิตย์ก่อน ฉันยังเป็นศูนย์กลางของความสนใจของทุกคน ทุกคนเล่นกับฉันและให้ของฉัน แต่ตอนนี้ใครๆ ก็พูดถึงสเตลลา และไม่มีใครสนใจเลยว่าฉันเป็นอย่างไรบ้าง! ฉันหาวิธีดึงดูดความสนใจของผู้ใหญ่จนได้ คือเริ่มอาละวาด แต่หลังจากนั้นพ่อแม่ก็อธิบายให้ฟังว่าแค่อาละวาดไม่ได้ทำให้ทุกคนลืมสเตลลา และฉันควรเห็นแก่ตัวให้น้อยกว่านี้

บอกตรงๆ ฉันเคืองมาก แต่เรื่องนี้ก็ผ่านไปโดยที่ไม่มีใครสังเกตุเห็น ในที่สุดเมื่อพวกเขาพาสเตลลากลับมาที่บ้าน ฉันไม่รู้สึกอะไรเลยตอนที่มองสิ่งมีชีวิตหน้าตาน่าเกลียดนั้นแผดร้อง แน่นอนว่าฉันเล่นกับเธอไม่ได้อย่างที่พวกเขาเคยสัญญา แต่อย่างน้อยที่สุดฉันก็ได้พ่อแม่กลับมา แต่ไม่มีใครพร้อมที่จะใช้เวลาทั้งวันเล่นหรือเดินกับฉันอีก พ่อแม่ของฉันมีสิ่งที่สำคัญกว่าต้องทำ นั่นคือพาสเตลลาไปหาหมอ ฉันต้องเรียนรู้ที่จะจัดการอะไรๆ ของตัวเอง และได้รับความสนใจแค่ครึ่งเดียวของที่ฉันควรจะได้ทั้งหมด

จากนั้นฉันก็ไปโรงเรียนไม่มีอะไรดีขึ้น สเตลลาโตมาเป็นเด็กขี้โรคและพ่อแม่ของฉันก็อุทิศเวลาความพยายามและเงินไปกับการรักษาเธอจากโรคต่างๆ ขณะเดียวกันเธอเป็นเด็กธรรมดาไม่ว่าจะทั้งในโรงเรียน งานอดิเรก หมู่เพื่อน พ่อแม่ก็ให้ความสนใจกับฉันแต่ไม่มากเท่าที่ฉันอยากได้และฉันก็แก้ปัญหาส่วนใหญ่ด้วยตัวเอง ฉันขมขื่นน้อยใจพ่อแม่มากแล้วเริ่มเกลียดสัตว์ประหลาดที่ทำอะไรเองไม่ได้อย่างน้องสาว

เมื่อฉันเป็นวัยรุ่นอะไรๆ ก็แย่ลงกว่าเดิม ไม่ว่าอะไรก็มักขึ้นว่า “สเตลลาอย่างนั้น สเตลลาอย่างนี้” ขณะที่พอฉันโตก็ดูเหมือนพ่อแม่จะคิดว่าหน้าที่ของพวกเขาจบไปแล้ว ฉันพยายามทำตัวกบฏเพื่อให้ได้รับความสนใจมากขึ้น ขอให้ช่วยหรือแม้แต่พูดกับพวกเขา ตอนนี้เองพ่อแม่ถึงอธิบายให้ฟังว่าพวกเขารักฉันมาก แต่พวกเขามองว่าฉันเป็นตัวของตัวเอง ไม่ต้องการกำลังใจขนาดนั้น

แม่ “ดูสิเจนนี หนูแข็งแกร่งขนาดนี้! หนูรับมือกับอะไรๆ ได้ทุกอย่างเลย! สเตลลาอ่อนแอ.. น้องป่วยตลอดเวลาแล้วใครจะดูแลน้อง”
พ่อ “แต่หนูไม่มีปัญหาอะไรเลยไม่ว่าจะเป็นอย่างไร! เราภูมิใจในตัวหนูมาก!”

ใช่! ความภูมิใจมันก็ฟังดูดีนะแต่กำลังใจสักนิดล่ะ ส่วนที่เลวร้ายที่สุดเกิดขึ้นเมื่อฉันต้องไปโรงเรียนใหม่ที่อยู่ต่างเมือง เพราะเหตุนั้นเองฉันจึงต้องหันไปสนใจเธอใหม่ที่โรงเรียนแทนพ่อแม่ ฉันขอพวกเขามานานหลายปีแล้วว่าฉันอยากได้กีตาร์

ทุกอย่างก็ดูจะไปได้ดี น้องสาวฉันเข้าโรงเรียนสุขภาพดูเหมือนจะโอเค และในที่สุดก็หาสมดุลในครอบครัวได้ เราไม่ได้คุยกันมากนักกับสเตลลาฉันไม่ได้ชอบอะไรเหมือนเธอและไม่นึกอยากคุยด้วยเวลาที่เธอพยายามจะคุยกับฉันแบบอึกๆ อักๆ ดังนั้นฉันจึงแน่ใจว่าคงได้กีตาร์ แต่ตอนนั้นสเตลลาก็เกิดติดเชื้อในปอดต้องพักอยู่ในบ้านนานหลายเดือน และหลังจากหมอบอกพ่อแม่ว่าจำเป็นต้องพาเธอไปพักฟื้นริมทะเลอย่างน้อย 1 เดือน

เดากันต่อได้ไหมว่าฉันเจออะไร? “ขอโทษนะที่รัก..ไปอยู่ริมทะเล 1 เดือนต้องใช้เงินมาก! ดังนั้นเราไม่สามารถซื้อกีตาร์ได้ในตอนนี้ รออีกหน่อยได้ไหมจ๊ะ?” ฉันโมโหมากกี่ครั้งแล้วที่เจ้าหญิงตัวน้อยนั้นได้ทุกอย่าง และฉันก็ออกจากบ้านเหมือนหมาเร่ร่อน

ตอนนั้นฉันไม่ได้พยายามจะใช้เหตุผลกับพ่อแม่เลย แค่ออกจากบ้านเดือดดาลด้วยความโกรธและผิดหวัง ฉันยังนึกภาพกระทั่งว่าชีวิตที่ไม่มีสเตลลาจะดีสักแค่ไหน แล้วไม่ได้รู้สึกสงสารยายนั่นเลยสักนิด ความรู้สึกนี้ไม่หายไปตลอดเทรม แล้วพอกลับบ้านมาในช่วงคริสมาสต์ด้วยความโกรธและขมขื่น สถานการณ์ก็ดูไม่ได้เปลี่ยนไปเลยสักนิดและเมื่อถึงตอนเปิดของขวัญ ฉันก็ต้องผงะอึ้งเมื่อสเตลลาเอากีตาร์มาให้

ฉันไม่เข้าใจอะไรเลย ฉันรู้ว่าพ่อแม่ไม่มีเงิน สเตลลาบอกว่านี่เป็นของขวัญของเธอเอง (แต่มันมาอย่างไรกัน) เธอสารภาพว่าเธอรู้สึกไม่ดีที่ฉันไม่ได้กีตาร์ เพราะงั้นก็เลยใช้เงินเก็บส่วนตัวทั้งหมดไปซื้อและกระทั่งทำงานพิลึกๆ ช่วงฤดูใบไม้ร่วงเพื่อเก็บเงิน ฉันร้องไห้อย่างช่วยไม่ได้รู้สึกละอายใจมากเมื่อจำสิ่งที่ฉันคิดทั้งหมดกับน้องสาวได้ กลายเป็นว่าฉันไม่รู้จักเธอเลยสักนิดและทำตัวเหมือนพวกที่สนใจเรื่องของตัวเองอย่างเห็นแก่ตัว

ฉันคิดว่าตอนนั้นเองที่ฉันรู้สึกว่าโตขึ้น ตอนนี้ฉันพยายามจะพัฒนาความสัมพันธ์กับพ่อแม่และน้องสาว บทเรียนที่ฉันได้เรียนรู้คือ “การเกลียดใครสักคนโดยไม่รู้จักเขาดีพอเป็นการทำตัวอย่างเด็กๆ และมันย้านกลับมาส่งผลร้ายกับตัวคุณเอง”

แชร์คอมเมนต์ไว้ถ้าคุณเคยทำเรื่องผิดพลาดที่ทำให้คุณละอายใจ และกดไลค์เรื่องราวของฉัน เล่าให้เพื่อนของคุณฟัง เพื่อที่พวกเขาจะได้รู้ว่าการทำตัวเห็นแก่ตัวไม่ใช่เรื่องที่ดีเลย

เรื่องเล่าที่เกี่ยวข้อง

0 0 votes
Article Rating
Subscribe
Notify of
guest
0 Comments
Inline Feedbacks
View all comments
Back to top button
0
Would love your thoughts, please comment.x
()
x

ปิดโปรแกรมบล็อคโฆษณา

กรุณาปิดโปรแกรมบล็อคโฆษณาก่อนนะ เพราะเว็บจะอยู่ได้ก็จากป้ายโฆษณา