แม่ของผมติดเกม ชีวิตของเราจึงมีแต่ความยุ่งเหยิง!
คุณรู้มั้ยคนชอบบอกกันว่าเด็กๆไม่ควรเล่นวีดีโอเกมให้มากเพราะจะทำให้ติดได้แล้วผมก็ไม่เคยเชื่อเลยจนกระทั่งแม่ของผมกลายเป็นคนติดเกมผมชื่อ “เจอรี่” ผมอายุ 12 ปีและชอบการเล่นเกมบนโทรศัพท์มือถือมากผมชอบเกมส์แนววางแผนเกมส์ 1 สุดๆ ผมสร้างเมืองของตัวเองทำสงครามกับผู้เล่นคนอื่นๆและยังสร้างกลุ่มพันธมิตรกับคนอื่นด้วยโอเคผมรู้ว่าผมใช้เวลากับการเล่นเกมมากเกินไปแต่ไม่งั้นจะให้ผมทำอะไรล่ะผมไม่ใช่คนเด่นดังที่โรงเรียนแล้วผมก็ไม่มีเพื่อนมากนักดังนั้นโดยทั่วไปผมจึงใช้เวลาทั้งวันไปกับการเล่นเกมรวมถึงเวลาอยู่ในห้องเรียนด้วยและนั่นก็คือเหตุผลหลักที่โรงเรียนโทรเรียกแม่ของผมมาพบสิ่งที่
โอ้!!! พระเจ้าผมกลัวมากจริงๆ ว่าเรื่องนี้จะเกิดขึ้นแม่ผมทำงานหนักมากแล้วแม่ก็ต้องหาเวลาเพื่อปลีกตัวมาโรงเรียนดังนั้นผมเลยรอว่าจะต้องเจอบทลงโทษครั้งใหญ่ครูของผมบอกแม่ว่าความติดเกมของผมพัฒนาไปอีกขั้นแล้วและนั่นจึงทำให้แม่จำเป็นต้องมีมาตรการอะไรสักอย่างเร่งด่วนแต่ผมก็ต้องประหลาดใจที่แม่ไม่ได้ตะคอกดุด่าผมเลยแม่รู้ว่าผมเหงาแล้วไม่ได้ติดใจอะไรกับการที่ผมจะหาความสนุกในบางครั้งแต่แน่ละเราต้องมีข้อจำกัดผมจะต้องไม่เล่นเกมในห้องเรียนแล้วต้องทำผลการเรียนให้ดีขึ้นผมยังคงชื่นชมแม่มากกับวิธีที่แม่ปฏิบัติต่อผมไม่กี่สัปดาห์ถัดมาก็เล่นเกมที่ผมเล่นมีข้อเสนอพิเศษมาให้คือให้ชวนเพื่อนมาเล่นแล้วจะได้อัญมณี 10 ชิ้น 10 เลยนะคุณนึกภาพออกไหมในที่สุดผมก็จะเอาไปพัฒนาอาคารประจำเมืองได้แล้ว
โอเคนั้นอาจไม่มีความหมายอะไรเลยสำหรับคุณงั้นเอาเป็นว่ามันมากมายทีเดียวก็แล้วกันแต่เรื่องก็คือผมไม่มีเพื่อนที่จะชวนมาเล่นด้วยเลยดังนั้นผมเลยรอจนถึงตอนค่ำเมื่อแม่กลับมาจากที่ทำงานแล้วมาถึงบ้านโทรศัพท์แม่มาและติดตั้งเกมตอนทานมื้อเย็นแม่ของผมสังเกตเห็นว่าบนโทรศัพท์มีเครื่องหมายกระพริบอยู่เกมส่งการแจ้งเตือนเข้ามา ผมอับอายนิดหน่อยแต่ก็บอกแม่ว่าผมติดตั้งเกมบนโทรศัพท์แม่เพราะอยากได้โบนัสแล้วผมก็เตรียมตัวจะฟังคำเทศนากับเรื่องที่ว่าคุณไม่ควรแตะต้องสิ่งของของคนอื่นอยู่แล้วแต่การสนทนาของเราไม่ได้เป็นไปตามที่ผมคาดหมายแม่ของผมดูสนใจขึ้นมานิดหน่อย เมื่อเริ่มถามผมเกี่ยวกับเกมนี้ผมคิดว่าแม่คงเริ่มสนใจในตัวผมสิ่งที่ผมทำและนั่นก็ทำให้ผมมีความสุขมาก
ไม่กี่วันต่อมาผมนั่งอยู่ในชั้นเรียนแล้วก็ยังเป็นช่วงเวลาที่น่าเบื่อมากแต่ผมก็พยายามอย่างดีที่สุดเพื่อเรียนวิชาเคมีไม่ว่าผมคิดว่าวิชานี้งี่เง่าขนาดไหนก็ตามมันยากที่จะตั้งสมาธิกับการเรียนเพราะโทรศัพท์ในกระเป๋าของผมสั่นอยู่ตลอดเวลาผมรู้ว่าต้องเป็นเกมแน่แล้วผมก็พยายามที่จะไม่สนใจผมให้สัญญาเอาไว้แล้วนี่ก็อย่างที่คุณรู้แต่เมื่อถึงจุดหนึ่งความอดทนของผมก็หมดลงผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูแล้วเห็นข้อความจำนวนหนึ่งจากเกมแล้วทั้งหมดนั่นมาจากแม่ของผมเองแม่ขอทรัพยากรในเกมบางอย่างกับผมฮ่าๆ ผมส่งข้อความหาแม่ผมไม่คิดเลยนะว่าแม่จะอยากเล่นเกมนี้ไม่ตอบกลับมาว่าบางครั้งนี้ก็เป็นวิธีที่น่าสนใจที่สุดในการฆ่าเวลาเล็กๆน้อยๆหลังจากหยุดไปพักหนึ่งแล้วของที่แม่ขอไปล่ะอยู่ไหน
ว๊าวผมดีใจมากเลยที่แม่ของผมเล่นเกมเดียวกันไม่อยากเชื่อสุดๆแต่เราก็เริ่มคุยกันมากขึ้นต้องขอบคุณเกมนี้เลยเจ๋งสุดยอดแต่หลังจากเรื่องนี้ผ่านไปเดือนนึงทุกอย่างก็เริ่มผิดเพี้ยนแม่เป็นไข้หวัดใหญ่แล้วหมอสั่งให้แม่นอนพักตลอดทั้งสัปดาห์และนั่นก็คือสัปดาห์ที่เหมือนตกนรกเลยหลังจากเลิกเรียนผมต้องกลับมาดูแลแม่ทำอาหารออกไปซื้อของและทำงานบ้านทั้งหมดด้วยตัวเองผมรู้ว่าผมเป็นผู้ชายคนเดียวในบ้านแล้วผมควรดูแลทุกอย่างแต่ผมก็เพิ่งอายุแค่ 12 ปีเองนะดังนั้นจึงเป็นธรรมดาที่เวลาแค่สัปดาห์เดียวบ้านของเราจึงกลายเป็นยุ่งเหยิงไปหมดระหว่างสัปดาห์นั้นแม่ผมใช้เวลามากมายกับการเล่นเกมแม่บอกว่าแม่ไม่มีอะไรทำและเล่นเกมก็ช่วยให้เวลาผ่านไปเร็วขึ้นผมก็เลยคิดว่าโอเคทำไมจะเล่นไม่ได้ล่ะ
สุดท้ายแม่ของผมก็หายดีแต่เมื่อผมตื่นขึ้นมาในเช้าวันจันทร์หวังว่าแม่ของผมจะเตรียมตัวกลับไปทำงานและทำอะไรอะไรในบ้านเหมือนอย่างเคยผมกลับพบว่าแม่นอนอยู่บนเตียงกำลังเล่นโทรศัพท์ผมทักว่านี่แม่ แม่ไม่ต้องไปทำงานเหรอแต่แม่แค่ตอบกลับมาว่าแม่รู้สึกไม่ค่อยดีแล้วจะอยู่บ้านต่ออีกสักระยะเห็นได้ชัดเลยว่าแม่ไม่ได้ป่วยแล้วผมบอกว่าแม่ไม่ต้องลุกนะบ้านของเราลบไปหมดแล้วผมก็เบื่อจะกินแต่ซีเรียลทุกวันแล้วเหมือนกันไม่ต้องทำอะไรบ้างสิแต่คำพูดเหล่านี้ยิ่งทำให้แม่ผมโกรธแม่ตะโกนใส่ผมแล้วให้ผมออกไปโรงเรียนแต่แม่ไม่เคยทำแบบนี้เลยนะมีอะไรสักอย่างไม่ปกติแล้วจากนั้นผมก็นึกได้ว่าแม่มีเหตุผลอย่างอื่นที่นอนอยู่กับบ้านแม่อยากเล่นเกมนั่นเองดังนั้นการเสพติดเกมก็เป็นเรื่องจริงแล้วตอนนี้แม่ของผมก็กำลังประสบภาวะนั้นอยู่
หลายวันผ่านไปผมพยายามจะบอกให้แม่กลับไปทำงานแต่ทุกครั้งจะจบลงที่แม่ตะโกนใส่ผม ผมรู้สึกไร้อำนาจเราอยู่ด้วยกันแต่เราเจอหน้ากันและกันแค่วันละหนเมื่อแม่เอาเงินให้ผมออกไปซื้ออาหารแล้ววันหนึ่งแทนที่จะเอาเงินให้ผมแน่ผมก็ยื่นบัตรเครดิตให้แทนเหมือนทุกทีผมไปที่ร้านซื้อซีเรี่ยวแบบกล่องจำนวนหนึ่งนมและพิซซ่าแช่แข็งอีกหลายชิ้นเพื่อที่ผมจะได้อุ่นในไมโครเวฟเอาเองได้แต่ผมจ่ายไม่ได้เพราะในบัตรมีเงินไม่พอผมอายคนที่ร้านมากผมดูงี่เง่าสุดๆไปเลยผมวิ่งกลับบ้านความตื่นตระหนกเมื่อกลับถึงบ้านผมเป็นผู้ชาย 2 คนนั่งอยู่ที่โซฟาในบ้านเราพวกเขาเห็นผมได้เดินเข้ามาบอกว่าเธอคือ “เจอรี่” ใช่ไหมเราทำงานกับแม่ของเธอและดูเหมือนเธอจะไม่อยู่บ้านนะช่วยเอาจดหมายนี้ให้เธอได้ไหมจากนั้นพวกเขาก็ไปแต่แม่ของผมอยู่บ้านแม่แค่ทำเป็นไม่สนใจเพื่อนร่วมงานของตนแล้วผมรู้เลยว่าบางทีจดหมายนั่นคงเป็นข่าวร้าย
ผมคิดถูกในจดหมายบอกว่าแม่ของผมถูกไล่ออกเพราะไม่กลับไปทำงานนานหลายสัปดาห์ผมไม่อยากเชื่อเลยว่าแม่ผมจะสูญเสียการควบคุมชีวิตตนเองไปโดยสิ้นเชิงมันต้องเป็นแบบนี้สิแต่ผมก็ทำอะไรไม่ได้เหมือนกันแน่นอนที่สุดว่าแม่ผมต้องการความช่วยเหลือแต่แม่ไม่ฟังผมดังนั้นทั้งหมดที่ผมทำได้คือการไปโรงเรียนแล้วบอกครูทุกสิ่งทุกอย่างและนั่นก็คือสิ่งเดียวที่ผมทำได้ครูรับฟังผมบอกผมไม่กลับไปบ้านและจากนั้นไม่นานพวกเขาจะจัดการอะไรๆ ให้แต่ผมไม่รู้ว่าครูจะทำอะไรกันแน่ในตอนค่ำกริ่งประตูดังขึ้นผมไปเปิดประตูแล้วตรงนั้นก็มีครูของผมกับคนแปลกหน้าอีก 2 คนที่หน้าตาดูขึงขังพวกเขาเข้ามาและสำรวจภายในบ้านผมอับอายกับสภาพเละเทะที่เป็นอยู่มากบ้านเราดูแย่สุดๆกล่องพิซซ่าเรียงซ้อนกันเป็นตั้งซีเรียลหกเรี่ยราดเต็มพื้นและมีดอกไม้เหี่ยวๆ ที่ตั้งอยู่ตรงขอบหน้าต่างอีกคนแปลกหน้าทั้งสองเข้าไปในห้องของแม่และคุณครูของผมก็บอกให้ผมเก็บข้าวของเตรียมออกเดินทางเพื่อที่ว่าเราจะไปอยู่ที่บ้านป้าผมในวันนี้
แต่เมื่อพวกเขาบอกว่าเราผมคิดว่าเธอหมายถึงผมกับแม่ผมได้ยินแม่ทะเลาะกับคนสองคนนั้นแล้วร้องตะโกนโวยวายผมกลัวมากไม่รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้นปรากฏว่าคุณครูของผมรายงานทุกอย่างกับนักสังคมสงเคราะห์และตอนนี้ก็มีโอกาสที่แม่ของผมจะถูกตัดสิทธิ์การเลี้ยงดูผม โอ้!!! พระเจ้าผมไม่ได้คิดเลยว่าเรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้นแต่ผมก็ไม่ได้พูดอะไรครูพาผมไปที่บ้านป้าแล้วเธอก็ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้ปกครองชั่วคราวของผมส่วนแม่ผมถูกไปส่งบำบัดอาการเราคุยกันทางโทรศัพท์หลายครั้งแม่ร้องไห้ตลอดเวลาและกล่าวขอโทษแต่นั่นยิ่งไม่ทำให้อะไรๆ ดีขึ้นตอนนี้ผมอาศัยอยู่กับป้าผู้ที่เคยพบเมื่อราวๆ 7 ปีก่อนและแม่ของผมก็อยู่ที่ไหนสักแห่งไกลออกไปผมรู้สึกผิดในเรื่องราวที่ต้องแยกจากกันแล้วผมก็ยังไม่อยากทำให้แม่กลับมาสู่โลกแห่งความเป็นจริงได้ผมเอาเรื่องนี้ไปร้องเรียนกับครูและที่สำคัญคือผมเป็นคนที่ทำให้แม่ติดเกมนี่เองตอนนี้ผมได้แต่หวังว่าแม่ของผมจะพยายามอย่างดีที่สุดเพื่อขจัดอาการติดเกมออกไปได้แล้วหางานเพื่อที่จะได้ไม่ถูกตัดสิทธิ์พ่อแม่แล้วเราจะได้กลับมาอยู่ด้วยกันอีกครั้ง
ขอบคุณนะทุกคนคุณจะทำอย่างไรถ้าเห็นพ่อแม่คุณมีอาการเสพติดอะไรสักอย่างคุณคิดว่าคุณอาจเป็นต้นเหตุของพวกเขาหรือเปล่าบอกผมไม่ชอบคอมเม้นต์ทีนะและแน่นอนกดไลค์วีดีโอและแบ่งปันให้เพื่อนของคุณด้วยล่ะบาย