เพื่อนกัน

ฉันไล่เพื่อนรักที่กำลังท้องออกจากบ้านและฉันไม่เสียใจเลย

สวัสดีทุกคน ฉันอยากจะมาเล่าเรื่องให้ฟังว่ามนุษย์แต่ละคนต่างก็มีโชคชะตาที่แตกต่างกันออกไปไม่มากก็น้อยนี่มันไม่ใช่เรื่องที่น่าตลกก็ฉันจะมาบอกคุณว่าฉันทรยศเพื่อนรักของฉันอย่างไรบอกก่อนว่านี่มันเป็นความคิดเห็นส่วนตัวของฉันเพราะว่าฉันได้เห็นเรื่องราวทั้งหมดจากมุมมองที่แตกต่างออกไปก่อนอื่นฉันชื่อว่า “ทอนญ่า” และฉันเพิ่งอายุครบ 17 ปีเมื่อไม่นานมานี้ทุกอย่างเริ่มต้นเมื่อประมาณ 10 หรือ 11 ปีที่แล้วฉันก็ไม่แน่ใจเหมือนกันตอนนั้นฉันยังเป็นเด็กและอาศัยอยู่กับพ่อแม่ในบ้านหลังเล็กๆที่แสนสบายในเขตชานเมืองตอนนั้นฉันมีเพื่อนเพียงคนเดียวคือ “โอลีฟ” เธอแก่กว่าฉัน 1 ปีครึ่งและอาศัยอยู่บนที่ดินใกล้ๆกันพ่อแม่ของเธอค่อนข้างยากจนพวกเขาไม่มีบ้านเป็นของตัวเองและต้องอาศัยอยู่ในรถบ้านเก่าๆที่จอดอยู่บนที่ดิน

แต่พวกเขาเป็นคนสุภาพและนิสัยดีมากดังนั้นพ่อแม่ของฉันจึงสนับสนุนมิตรภาพของฉันที่มีต่อ  “โอลีฟ”  ในเวลานั้น “โอลีฟ” กับฉันสนิทกันมากเราถึงขั้นทำพิธีรักษามิตรภาพของเราให้เป็นอมตะแต่ตอนนี้ฉันรู้แล้วล่ะว่ามันไร้สาระและงี่เง่าสิ้นดีแต่ว่าในตอนนั้นสำหรับเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆอย่างเรามันเป็นเรื่องที่แสนยิ่งใหญ่จริงๆที่ใกล้ๆบ้านของเรามีต้นโอ๊กเก่าแก่อยู่ต้นหนึ่งและ “โอลีฟ” ก็แนะว่าเราน่าจะสลักคำลงไปว่า “โอลีฟ” และ “ทอนญ่า” เพื่อนกันตลอดไปที่บนเปลือกไม้ฉันจำได้ว่า “โอลีฟ” ขโมยมีดพ่อของเธอมาและฉันยังจำได้อีกว่ามันโชคดีแค่ไหนแล้วที่เราไม่ทำมีดบาดมือตัวเองในขณะที่เราสลักชื่อและฉันยังจำได้อีกว่าชื่อของฉันมันถูกสะกดผิดฉันคิดว่าคุณเองก็คงมีความทรงจำดีๆในวัยเด็กเช่นกันใช่ไหมล่ะและนั่นจึงเป็นสาเหตุว่าทำไมพวกเราจึงว้าวุ่นใจกันอย่างหนักตอนที่รู้ข่าวว่าพ่อของฉันได้งานในเมืองหลวงของรัฐและเราจะต้องย้ายไปอยู่กันที่นั่นเราทั้งผู้ร้องไห้กันหนักมากตอนนั้นเราคิดว่าพวกผู้ใหญ่งี่เง่าพวกนี้กำลังต้องการแยกเราออกจากกันเราที่สนิทกันราวกับเป็นพี่น้องกันแท้ๆและเพื่อให้ทุกอย่างมันง่ายขึ้นสำหรับฉันพ่อแม่ของฉันฉันได้สมัครอีเมลให้ฉันและ “โอลีฟ” และบอกว่าพวกเรายังส่งข้อความถึงกันและยังคงติดต่อกันได้เหมือนเดิม

 “โอลีฟ” กับฉันเขียนอีเมลถึงกันเป็นเวลา 1 ปีแต่หลังจากนั้นความถี่ในการเขียนก็ลดลงเรื่อยๆจนกระทั่งเราหยุดติดต่อกันไปโดยปริยายจนฉันลืมรหัสผ่านของอีเมลไปแล้วและไม่ได้สร้างมันขึ้นมาใหม่ฉันไปโรงเรียนและมีเพื่อนใหม่ที่นั่นแต่อย่างไรก็ตามฉันก็ไม่ได้ขาดการติดต่อกับ “โอลีฟ” อย่างสิ้นเชิงนะ 3 ปีต่อมาพ่อแม่ของเธอส่งเธอมาหาเราในเมืองเราทั้งคู่ต่างมีความสุขเหลือล้นที่ได้เจอหน้ากันอีกครั้งเรื่องการละเลยการติดต่อกันทางอีเมล์ก็ถูกลืมไปสิ้นเราใช้เวลาด้วยกันตลอดทั้งวันด้วยความจริงใจต่อกันเราเดินเล่นด้วยกันในสวนสาธารณะและนั่นก็มีเรื่องที่มันไม่ลงรอยกันระหว่างเราสองคนเกิดขึ้นฉันไม่สามารถหยุดเล่าเรื่องชมรมการแสดงที่โรงเรียนที่ฉันพึ่งได้สมัครไปก่อนหน้านี้และตอนนี้ฉันกำลังเตรียมการแสดงครั้งแรกของฉันอยู่แต่ดูเหมือนว่า “โอลีฟ” ไม่ได้สนใจสิ่งที่ฉันเล่าเท่าไหร่นักฉันจึงถามเธอว่าเธอได้ทำกิจกรรมอะไรที่โรงเรียนของเธอบ้างหรือเปล่าและเธอก็ตอบว่าเธอไม่ได้ทำอะไรเป็นพิเศษมันไม่ใช่เพราะว่าไม่มีวิชาเลือกมากพอในโรงเรียนในเมืองเล็กๆนะแต่เป็นเพราะ  “โอลีฟ”  ไม่สนใจอะไรทั้งนั้นสิ่งเดียวที่เธอสนใจอย่างจริงจังนั่นก็คือเรื่องหนุ่มๆ

ฉันสังเกตได้ว่าเธอชายตามองผู้ชายทุกคนที่เราเจอในระหว่างที่เราเดินเล่นไปด้วยกันและพูดตามตรงฉันรู้สึกว่าเรื่องนี้มันน่าซะอิดซะเอียนสำหรับเด็กอายุ 11 ปีอย่างฉันเพราะตอนนั้นฉันคิดว่าพวกเด็กผู้ชายเป็นสิ่งมีชีวิตที่ร้ายกาจที่สุดในโลกแล้ว แหวะ  “โอลีฟ” กับฉันเริ่มติดต่อกันอีกครั้งแต่ครั้งที่ 2 ที่ฉันได้พบเธอก็คือเมื่อประมาณหนึ่งปีที่แล้วหลังเกือบ 5 ปีที่เราติดต่อกันผ่านทางอีเมลและส่งรูปถ่ายหากันมากมายและตอนนั้นฉันก็ยังไม่ได้ทันสังเกตว่าเพื่อนของฉันเปลี่ยนไปขนาดไหนในขณะที่ฉันเขียนเล่าให้โอลีฟฟังเกี่ยวกับเรื่องความฝันในการเรียนต่อมหาวิทยาลัยและอยากเรียนทางด้านการแสดงและอยากทำงานโรงละครบรอดเวย์แต่เธอก็ได้แต่เพียงตอบกลับมาสั้นๆว่าใช่ก็เจ๋งดีแค่นั้นเองและเธอก็จะเปลี่ยนหัวข้อสนทนาทันทีและแชร์เรื่องราววุ่นวายในชีวิตส่วนตัวของเธอให้ฉันฟังแทนตอนแรกฉันพยายามที่จะนับจำนวนแฟนหนุ่มที่เธอมีแต่ตอนนี้ฉันรับมันได้ไม่ถ้วนแล้วและเมื่อฉันถามถึงเรื่องแผนการในชีวิตของเธอสิ่งที่ฉันได้รับคืออีเมลที่เต็มไปด้วยความฝันเกี่ยวกับการมีสามีหล่อๆเท่ๆและรวยๆ เท่านั้นเธอไม่แม้แต่คิดที่จะเรียนต่อหรือพัฒนาทักษะทางด้านวิชาชีพแต่อย่างใด

แต่ฉันก็รับได้ทุกอย่างก่อนที่โอลีฟจะมาหาฉันอีกครั้งเมื่อปีที่แล้วฉันได้เลิกกับแฟนหนุ่มที่เป็นรักแรกของฉันแล้วมันก็เป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากที่สุดในชีวิตโอลีฟเป็นคนให้กำลังใจฉันแต่เธอก็เลือกวิธีที่ประหลาดจริงๆเธอคิดว่าฉันควรจะออกไปปลดปล่อยจิตใจบ้างและพาฉันไปในย่านที่ดูอันตรายที่เต็มไปด้วยบาร์และไนท์คลับตอนนั้นเธออายุครบ 18 แล้วได้แถมยังดูแก่กว่าอายุด้วยฉันต้องคอยปกป้องเพื่อนของฉันจากพวกผู้ชายที่ไม่น่าไว้ใจทั้งหลายบางคนพยายามซื้อเครื่องดื่มเลี้ยงเราและไม่เชื่อว่าฉันกับ “โอลีฟ” ยังอายุไม่ถึงเกณฑ์ฉันต้องพยายามอย่างหนักที่จะลากเพื่อนกลับบ้านและโอลีฟก็อารมณ์เสียที่ฉันไม่ยอมให้เธอใช้เวลากับพวกหนุ่มๆ เจ๋งๆ พวกนั้นจากนั้นฉันก็เริ่มเข้าใจว่าเราสองคนมีความแตกต่างกันโดยสิ้นเชิงฉันจึงพยายามลดการติดต่อสื่อสารของเราให้น้อยที่สุดโดยการไม่ค่อยรับโทรศัพท์แล้วไม่ตอบจดหมายของเธอโดยหวังว่าเธอจะเข้าใจและหยุดรบกวนฉันสักทีแต่เธอไม่เป็นเช่นนั้น 1 ในจดหมายที่เธอส่งมามีรูปต้นโอ๊กเก่าแก่ต้นนั้นที่ซึ่งเราสลักชื่อสาบานว่าจะเป็นเพื่อนที่ดีกันตลอดไปมันทำให้ฉันรู้สึกละอายแก่ใจฉันจึงตัดสินใจให้โอกาสเธออีกครั้งและฟังนะว่ามันเกิดอะไรขึ้น

ในคืนที่เงียบสงบคืนหนึ่งพ่อแม่และฉันต้องถูกปลุกให้ตื่นด้วยเสียงเคาะประตูอย่างแรงที่บ้านของเรามีใครบางคนกดกริ่งหน้าบ้านและต้องการให้เราเปิดประตูพ่อของฉันมองออกไปที่ช่องตาแมวและทันใดนั้นสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปทันทีเขาเปิดประตูให้คนนั้นเข้ามาเป็น “โอลีฟ” นั่นเองแต่ฉันแทบจำเธอไม่ได้เลยประการแรกเลยคือเธอกำลังท้องน่าจะได้ 5-6 เดือนแล้วฉันอ้าปากค้างตอนที่เห็นท้องกลมป่องของเธอประการที่สองเธอดูแย่มากผมของเธอยุ่งเหยิงไปหมดเธอดูโทรมและตามเนื้อตัวก็เต็มไปด้วยรอยขีดข่วนและแผลพกช้ำเธอปฏิเสธที่จะเล่าทุกอย่างให้เราฟังเธอเพียงแต่บอกว่าเธอกำลังท้องโดยที่ไม่รู้ว่าใครเป็นพ่อของเด็กและขอร้องให้พวกเขาให้ที่พักใกล้เธอสัก 2-3 วันพ่อแม่ของฉันไม่อาจปฏิเสธเธอได้แต่ฉันก็ไม่แฮปปี้กับความคิดนี้เท่าไหร่นักแล้วเวลาจะพิสูจน์เองว่าฉันคิดถูก

ในคืนต่อมามีผู้ชายท่าทางน่ากลัว 2-3 คนขี่มอเตอร์ไซค์มาที่บ้านเราพวกเขาต้องการให้ “โอลีฟ” ออกมาพบแต่เธอยืนกรานปฏิเสธพ่อของฉันพยายามไล่ให้พวกเขากลับไปแต่พวกเขากลับมีท่าทีที่ก้าวร้าวแม่ของฉันจึงต้องโทรไปหาตำรวจก่อนที่เหตุการณ์จะบานปลายหลังจากนั้นฉันจึงตัดสินใจว่าเรื่องนี้มันต้องจบลงสักทีฉันขอให้พ่อขับรถไปส่ง “โอลีฟ” ที่สถานพักพิงสำหรับสตรีเขาครุ่นคิดอยู่พักนึงแต่แล้วก็เห็นด้วยแม่ของฉันช่วย “โอลีฟ” เก็บข้าวของของเธอส่วนฉันตัดสินใจออกมาเดินเล่นข้างนอกฉันไม่อยากกล่าวลาเธอหรืออธิบายความรู้สึกของตัวเองให้เธอฟังฉันบล๊อกเธอจากโลกโซเชียลและจากชีวิตของฉันเอง

และนั่นคือจุดสิ้นสุดของมิตรภาพระหว่างฉันกับ “โอลีฟ” บางที่คุณอาจจะไม่เห็นด้วยกับการตัดสินใจของฉันหรือคุณอาจจะคิดว่าสิ่งที่ฉันทำมันถูกต้องแล้วช่วยบอกให้ฉันรู้ในช่องคอมเม้นต์และแบ่งปันความคิดเห็นว่าถ้าคุณเป็นฉันคุณจะทำยังไง 

เรื่องเล่าที่เกี่ยวข้อง

0 0 votes
Article Rating
Subscribe
Notify of
guest
0 Comments
Inline Feedbacks
View all comments
Back to top button
0
Would love your thoughts, please comment.x
()
x

ปิดโปรแกรมบล็อคโฆษณา

กรุณาปิดโปรแกรมบล็อคโฆษณาก่อนนะ เพราะเว็บจะอยู่ได้ก็จากป้ายโฆษณา