แม่ทิ้งผมหลังเกิด ตอนนี้ผมเจอแม่และเธอขอให้ผมช่วย

สวัสดีผมชื่อ “เนียว” อายุ 18 ปีพ่อแม่ทอดทิ้งตอนเป็นทารกคงต้องเติบโตขึ้นมาพร้อมกับโรคร้ายตามลำพังและตอนนี้ผมกำลังเผชิญหน้ากับทางเลือกที่จะดูแลแม่ผู้ให้กำเนิดผมดีหรือไม่ ใช่ผมไม่เคยรู้จักพ่อแม่พวกเขายอมแพ้ที่จะเลี้ยงดูผมเพราะผมเกิดมาไม่ปกติตอนนี้อาจจะดูปกติแล้วแต่ตอนที่เกิดผมเป็นอัมพาตสมองซึ่งเป็นโรคร้ายแรงมากเนื่องจากสมองถูกทำลายผมจึงมีปัญหาเกี่ยวกับระบบกล้ามเนื้อ อันที่จริงผมถึงขั้นไม่สามารถควบคุมแขนหรือขาได้และนิ้วก็เกร็งอย่างควบคุมไม่ได้ดูเหมือนว่าพ่อแม่จะตัดสินใจไม่รับภาระดูแลเด็กป่วยอย่างผม ดังนั้นผมจึงถูกส่งเข้าระบบบุตรบุญธรรม แต่ในประเทศของเรามีปัญหาหนึ่งเกี่ยวกับระบบนี้ นั่นคือหลายคนรับเลี้ยงเด็กที่มีความบกพร่องเพียงเพื่อผลประโยชน์ทางการเงินของตัวเองซึ่งจริงๆแล้วพวกเขาไม่ได้สนใจเด็กที่น่าสงสารเลยและเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นกับผม

แม้ว่าผมจำเรื่องราวที่เกิดขึ้นระหว่างช่วงปีแรกของชีวิตไม่ได้ แต่ผมจำชีวิตวัยเด็กและวัยรุ่นได้แม่นเพราะว่ามันยาวนานและเจ็บปวดผมใช้เวลาช่วงปีแรกๆบนรถเข็นหมอต้องดูแลผมอย่างใกล้ชิดและการบำบัดต้องใช้เวลานานหลายปีพ่อแม่อุปถัมภ์ก็ไม่ดูแลผมเลยจึงทำให้การบำบัดช้าลงอย่างไรก็ตามพวกเขาไม่เคยปิดบังเรื่องที่ผมเป็นบุตรบุญธรรมเลยในทางกลับกันพวกเขามักเตือนผมเกี่ยวกับความจริงนี้ในทุกๆโอกาสที่มีอีกทั้งยังมีเด็กผู้ชายที่อายุมากกว่าในครอบครัวนี้ด้วยและผมไม่สามารถที่จะพูดคำว่าพี่หรือพี่ร่วมบิดามารดาได้ความยากลำบากเกือบทั้งหมดในชีวิตวัยเด็กของผมเกิดขึ้นเพราะพวกเขาพวกนั้นหัวเราะใส่ผมเพราะผมไม่สามารถควบคุมร่างกายได้แม้แต่การดื่มน้ำจากแก้วน้ำซึ่งพวกเขาเห็นว่าเป็นเรื่องน่าขันแต่นี่ไม่ใช่เรื่องใหญ่สิ่งที่ทำให้ผมเศร้าที่สุดคือพวกเขาโกรธที่ผมเป็นคนนอกซึ่งถูกรับเลี้ยงโดยพ่อแม่ของพวกเขาผมจึงเป็นได้แค่คนแปลกหน้าพวกเขาไม่มีความสุขที่ผมมีตัวตนอยู่ในบ้านกินอาหารแล้วได้รับความสนใจจากพ่อแม่ของพวกเขา

ถึงแม้ผมจะไม่เคยรู้สึกว่าได้รับความสนใจจากพ่อแม่เลยก็ตามใช้เด็กพวกนี้โกรธมากพวกเขาแกล้งผมทั้งๆที่ผมมีร่างกายบกพร่องที่แย่ที่สุดคือผมไม่สามารถตอบโต้ได้เพราะผมมีปัญหาในการพูดด้วยจากเรื่องเหล่านี้ทำให้ผมต้องการพิสูจน์ให้พวกเขาเห็นสุดๆว่าผมเป็นคนปกตินั้นจึงทำให้เกิดความคืบหน้าขึ้นผมเรียนรู้วิธีเดินและแก้ไขปัญหาด้านการพูดแล้วแต่พวกเขาก็ยังหาวิธีมาแกล้งผมแล้วสิ่งที่พวกเขาชอบคือการซ่อนบางอย่างของผมไว้ที่ชั้นบนของตู้ซึ่งผมเอื้อมไม่ถึงครั้งหนึ่งพวกเขาแอบมือถือของผมไว้บนตู้หนังสือผมต้องยืนอยู่บนเก้าอี้เพื่อเอามันมา โอ้นี่มันเป็นเรื่องท้าทายสุดๆเลยผมปีนขึ้นไปอย่างยากลำบากและเมื่อผมเอื้อมถึงขาของผมก็ยอมแพ้ทำให้ผมล้มลงบนพื้นแขนเกือบหักและศีรษะกระแทกและยังเป็นแผลด้วยแล้วรู้อะไรไหมสุดท้ายผมก็โดนดุแม่บอกว่าผมไม่ควรปีนเก้าอี้ ซึ่งคนร้ายยตัวจริงดันลอยนวล

ในช่วงเวลาเหล่านั้นผมชอบที่จะอยู่คนเดียวและวาดรูปอยู่ในห้องคุณกำลังคิดว่าผมจะวาดแม้กระทั่งเส้นตรงได้ยังไงใช่มันยากมากแต่มันดีต่อการเคลื่อนไหวของผมพวกเรารู้เรื่องนี้ระหว่างทำกายภาพบำบัดแน่นอนรูปออกมาแย่มากและกลายเป็นอีกเหตุผลที่เด็กคนอื่นหัวเราะใส่ผมซึ่งผมไม่ได้โกรธแต่มันทำให้ผมมีความสุขผมหมายถึงถ้าตอบสนองเวลาพวกเขาล้อผมทุกครั้งผมคงกลายเป็นบ้ากลับกันผมมองว่านี่เป็นแรงจูงใจในการออกกำลังกายและสร้างกล้ามเนื้อหนทางเดียวที่ทำให้ผมเจ็บใจจริงๆคือการพูดถึงพ่อแม่ที่ทิ้งผมไปมันเป็นเรื่องเจ็บป่วยสำหรับผมเสมออาจเพราะว่าการล้อของเด็กคนอื่นเป็นเรื่องเล็กน้อยเพื่อความสนุกแต่สิ่งที่พ่อแม่แท้ๆทำกับผมก็นะมันเป็นเรื่องจริงเรื่องนั้นผมมีความต้องการลึกๆที่อยากตามตัวพวกเขาให้พบและพิสูจน์ว่าผมก็เป็นคนปกติธรรมดาพวกเขานั่นแหละที่คิดผิดแล้วทำให้ผมลำบากอยู่หลายปีแต่ผมก็สามารถเปลี่ยนเป็นเชื้อเพลิงขับเคลื่อนไปข้างหน้าซึ่งเป็นแรงจูงใจให้ผมออกกําลังกายเพิ่มขึ้นผมมีความสุขและได้เห็นผลลัพธ์ 2 เท่ามันช่วยผมกำจัดความคิดไม่ดีต่างๆและพัฒนาทักษะการเคลื่อนไหวพูดตามตรงผมสามารถใช้เวลาทั้งวันในการฝึกตัวเองหลังจากที่หมดแรงหลังออกกำลังกายก็จะนั่งวาดรูปต่อเกือบจะทุกอย่างที่ผมทำนี้เพื่อซ่อมแซมร่างกายของตัวเอง

หลังจากใช้ชีวิตแบบนี้หลายปีผมก็มีพัฒนาการอย่างเห็นได้ชัดผมสามารถเดินและพูดคุยได้เกือบเหมือนคนปกติปัญหาอย่างเดียวที่เหลือคืนนี้ของผมไม่ว่าจะออกกำลังกายอย่างไรก็ควบคุมมันไม่ได้แต่นี่ไม่ได้สร้างปัญหามากมายชีวิตผมเริ่มดีขึ้นและยังสามารถหารายได้เล็กน้อยจากงานอดิเรกของตัวเองจากการขายภาพวาดเก่าๆราคาถูกบนอินเตอร์เน็ต คุณน่าจะนึกออกว่าผมมีเวลาวาดรูปเยอะมากจึงมีรูปค่อนข้างเยอะเงินที่ได้มาจึงนำไปซื้อแท็บเล็ตวาดรูปผมสามารถวาดรูปด้วยมือที่มีปัญหาและวาดภาพได้โดยไม่ต่างจากศิลปินที่มีสุขภาพดีผมจึงเริ่มทำงานเป็นฟรีแลนซ์ด้วยว่ารูปคนภาพและโลโก้สำคัญต่างๆและทันทีที่ผมอายุ 18 ผมได้จัดสรรเงินเก็บและย้ายออกจากบ้านพ่อแม่บุญธรรมได้ในที่สุด เฮ้อ…..

ผมเจอผู้คนบนโลกออนไลน์ที่มีปัญหาเดียวกับผมเราคุยกันหลายเดือนแล้วเมื่อผมเป็นอิสระผมจึงตัดสินใจเช่าห้องอยู่ด้วยกันเมื่อถูกกว่ามากอีกทั้งพวกเราสามารถช่วยเหลือซึ่งกันและกันได้แต่บอกเลยว่าการใช้ชีวิตอยู่โดยไม่มีผู้ปกครองเป็นอะไรที่ยากมากผมไม่เคยตระหนักหรือว่าพวกเขาทำอะไรเพื่อผมขนาดนี้ทั้งทำอาหารล้างจานทำความสะอาดมันเป็นเรื่องยากสำหรับพวกเราแต่ก็ผ่านมันไปได้แล้วผมก็มีความสุขกับชีวิตใหม่แต่ทันใดนั้นความคิดแย่ๆก็กลับมาผมต้องการตามหาพ่อแม่แท้ๆอีกครั้งและกำจัดความคิดนี้ออกจากหัวไม่ได้แม้กระทั้งตอนทำงานดังนั้นผมจึงตัดสินใจทำมันสักครั้งผมตั้งใจที่จะหาพ่อแม่แท้ๆแล้วคุยกับพวกเขาเริ่มแรกผมลองมองหาพวกเขาแต่ปัญหาก็คือผมไม่รู้แม้กระทั่งชื่อของพวกเขาเพราะผมโดนทิ้งตั้งแต่แบเบาะผมโทรหาสังคมสงเคราะห์เพราะคิดว่าพวกเขาจะมีบันทึกเกี่ยวกับพ่อแม่แต่น่าเสียดายที่พวกเขาไม่มีข้อมูลอะไรเลยดังนั้นผมจึงตัดสินใจขอความช่วยเหลือจากนักสืบซึ่งแพงมาก

แต่ไม่กี่อาทิตย์ให้หลังเขาก็เอาชื่อ ที่อยู่ และเบอร์โทรศัพท์ของพ่อแม่มาให้กลายเป็นว่าพวกเขาอาศัยอยู่อีกด้านหนึ่งของอเมริกาพวกเขาคงจะย้ายไปหลังจากทิ้งผมด้วยความหวังที่จะเริ่มต้นใหม่ตอนนี้การโทรหาพวกเขาก็ใกล้แค่เอื้อมแต่ผมรู้สึกประหม่ามากผมรวบรวมความกล้าโทรหาแม่แต่ทันทีที่ผมแนะนำตัวและบอกเธอว่าผมเป็นใครเธอตัดสายแล้วไม่รับสายอีกเลยพ่อเองก็ไม่เคยรับสายผมผมรู้สึกแย่และอึดอัดมากนี่เหมือนเป็นการเปิดแผลเก่าผมจึงสาบานกับตัวเองว่าจะปล่อยเรื่องนี้ไปแล้วจะไม่คิดถึงมันเองแต่ 1 เดือนให้หลังผมก็ลุกด้วยเสียงโทรศัพท์เข้าแล้วผมไม่เคยคิดว่าคนคนนี้จะโทรมาเลยนั่นคือแม่แท้ๆของผมเองก็สนทนานั้นสั้นมากเธอบอกว่าพ่อของผมตายแล้วแล้วผมสามารถเข้าไปหาได้ถ้าต้องการที่จะกล่าวลาในตอนนั้นผมผิดสัญญากับตัวเองซื้อตั๋วเที่ยวบินถัดไปแล้วไปหาพ่อแม่ของผม งานศพนั้นโศกเศร้าผมรู้สึกเสียใจที่ไม่เคยมาเจอเขาตอนมีชีวิตอยู่ผมเริ่มคุยกับแม่เธอจึงบอกผมทุกอย่างพ่อแม่ของผมตัดสินใจมีลูกตอนอายุมากแม่คลอดก่อนกำหนดทำให้สมองผมเสียหายและมีอาการสมองพิการเธอรู้สึกเสียใจมากกับการตัดสินใจทิ้งผมไว้แต่พวกเขาไม่อยากถูกตราหน้าว่าต้องดูแลเด็กพิการไปตลอด

พูดตามตรงตอนนั้นผมโกรธมากและอยากพูดในสิ่งที่คิดผมแค่ต้องการที่จะตะโกนเพื่อปล่อยความโกรธที่ว่าพวกเขาไม่รับผิดชอบต่อชีวิตที่พวกเขาทำให้เกิดมาได้ยังไงแต่ผมก็ยังยั้งชั่งใจตัวเองไม่กดดันเธอในวันที่เธอต้องฝังสามีของเธอหลังจากนั้นผมก็ใจเย็นลงเนื่องจากเราไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอดีตได้และทุกอย่างที่เรามีคือปัจจุบันมันไม่จำเป็นต้องเสียเวลามัวโกรธและฝังใจเกี่ยวกับเรื่องนี้ดังนั้นแม่เสนอให้ผมมาพักอยู่กับเธอสักพักนึงผมจึงตอบตกลงพวกเราคุยกันหลายเรื่องผมบอกเธอเกี่ยวกับชีวิตของผมเธอก็บอกผมอยู่กับชีวิตของเธอกลายเป็นว่าที่พ่อไม่รับโทรศัพท์เมื่อผมโทรไปเพราะเขาป่วยแล้วอยู่ในโรงพยาบาลหลายเดือนส่วนแม่แค่กลัวความท้าทายที่จะมาเมื่อลูกชายของเธออยู่ๆก็โผล่มาหลังจากหายไปหลายปี น่าเสียดายอย่างน้อยผมอาจจะได้คุยกับพ่อเล็กๆน้อยๆพวกเราใช้เวลา 3 วันในการสนทนาเรื่องแบบนี้แต่ผมสังเกตุได้ว่าไม่ได้ช่วยอะไรบางอย่างที่ผมไม่รู้จนกระทั่งวันที่ผมต้องไปแม่เดินมาส่งที่หน้าบ้านเธอก็ร้องไห้ทีแรกผมคิดว่าเธอร้องไห้เพราะผมกำลังจะจากไปแต่หลังจากนั้นเธอก็สารภาพออกมาว่าเธอเป็นโรคพาร์กินสันแล้วมันแย่ลงเรื่อยๆที่แย่ที่สุดคือเขาไม่มีคนอื่นในครอบครัว

ไม่มีเพื่อนก็ตอนนี้ไม่มีสามีแล้วดังนั้นจึงไม่มีใครช่วยเธอต่อสู้กับโรคร้ายนี้เธอเริ่มมีอาการสั่นและอีกไม่นานจะเริ่มมีอาการผิดปกติทางจิตเธอไม่ได้ขอให้ผมช่วยก็คงไม่สามารถปล่อยให้แม่ต่อสู้กับโรคร้ายคนเดียวได้ผมจึงตัดสินใจที่จะอยู่ผมจะย้ายของของผมเริ่มทำงานแบบเดิมอีกครั้งเหมือนกับหลายปีก่อนใช้ผมรู้ว่าตอนเจอปัญหาเดียวกันไม่มีใครช่วยผมพ่อแม่ทิ้งผมแล้วก็ไม่ได้หมายความว่าผมจะต้องทำเช่นเดียวกันนี่คือความแตกต่างระหว่างพวกเราผมรู้วิธีการสู้ชีวิตผมรู้ว่ามันมีค่าดังนั้นผมจึงไม่สามารถปล่อยให้ใครบางคนตกอยู่ในปัญหานี้ได้ผมก็พร้อมที่จะช่วยแม่ของผมด้วยกำลังทั้งหมดที่มีเพื่อให้เธอรู้ว่ามีคนอยู่เคียงข้างและจะดูแลเธอไปตลอดชีวิต

ขอบคุณที่รับฟังเรื่องราวผมนะคุณคิดว่าผมทำถูกไหมหรือควรปล่อยให้แม่อยู่คนเดียวบอกผมใน คอมเม้น และอย่าลืมกดติดตามช่องนี้จะได้ไม่พลาดเรื่องราวอีกมากมาย