ความรัก

แม่ของฉันเข้ามาในห้องของฉันโดยไม่ได้เคาะประตู,ขอโทษค่ะ แม่…

สวัสดีฉัน “แคทเทอรีน” ตอนนี้ใช้อยู่แค่ 16  แต่กลับถูกบังคับให้ออกจากบ้านพ่อแม่ของตัวเองและต้องย้ายมาอยู่ข้างทวีปฉันรู้สึกเหมือนเป็นเด็กกำพร้าทั้งที่พ่อแม่ยังมีชีวิตและอยู่ก็นั่นมันน่าหัวเราะเยาะสิ้นดีทุกสิ่งทุกอย่างมันเกิดขึ้นเพราะความรักหรือจะพูดให้ถูกก็คือเพราะเรื่องรสนิยมด้านความรักของฉันเองประเด็นก็คือฉันเป็นเลสเบี้ยนอันที่จริงแล้วตอนที่ดิฉันเริ่มสงสัยตัวเองว่าสนใจในเพศเดียวกันนะมันเกิดขึ้นอย่างไม่คาดฝันและค่อนข้างน่าอึดอัดใจเมื่อไม่กี่ปีที่แล้วตอนที่ฉันอายุราวๆ  12 ปีฉันไปออกค่ายกีฬากับเพื่อนผู้หญิงจากชั้นเรียนยิมนาสติกและหนึ่งในนั้นซึ่งเคยเป็นเพื่อนสนิทที่สุดของฉันเธอสารภาพอย่างชัดเจนว่าเธอตกหลุมรักฉันในตอนนั้นฉันทั้งตกใจและรู้สึกกลัวเพราะฉันเข้าใจได้ทันทีว่าฉันเองก็คิดกับเธอแบบเดียวกันฉันไม่เคยชอบยิมนาสติกมาก่อนเลยโดยเฉพาะในรูปแบบของกีฬาตอนที่ฉันเห็นพวกสาวๆเหล่านั้น มันทำให้ฉันนึกถึงหัวดับเพลิงแข็งๆ แม้ว่าความจริงแล้วพวกเธอมีร่างกายที่ยืดหยุ่นมากก็ตาม

คุณคงจะสงสัยว่าในเมื่อฉันไม่ชอบแล้วทำไมฉันถึงต้องทุ่มเทกับมันมานานถึง 8 ปีและคำตอบก็คือเพราะพ่อของฉันยืนกรานให้ฉันเข้าร่วมความจริงแล้วเขาอยากได้ลูกชายมากเพื่อจะได้ปั้นเป็นนักกีฬาที่ประสบความสำเร็จแต่เขาก็ต้องผิดหวังฉันเกิดมาเป็นผู้หญิงแต่อย่างไรก็ตามเขาไม่เคยยอมแพ้ต่อความฝันที่จะเป็นพ่อของผู้ชนะจากโอลิมปิกและยิมนาสติกก็เป็นหนึ่งในกีฬาที่เขาโปรดปรานพ่อเข้มงวดและบังคับฉันซึ่งในตอนนั้นก็ยังเด็กเกินไปที่จะต่อต้านขัดขืนและแม่ก็รักพ่อมากจะเห็นดีเห็นงามไปด้วยทุกอย่างฉันไม่ใช่นักกีฬาที่มีพรสวรรค์เอาซะเลยแต่พ่อก็คอยพูดอยู่เสมอว่าหากไม่มีพรสวรรค์ก็ต้องมีมีพรแสวงแล้วมันก็เป็นอย่างนั้นจริงๆในที่สุดฉันได้รับเหรียญทองมาครองแต่ฉันทำได้ไม่กี่รางวัลเท่านั้นเพราะจากอาการกระดูกร้าว 2-3 แห่งรวมถึงที่จมูกด้วย

นอกจากนั้นยังมีอีกสิ่งที่ฉันไม่เคยคาดคิดมาก่อนนะคือเรื่องรสนิยมทางเพศของฉันเอง “เรจิน่า” เธออายุรุ่นเดียวกับฉันและเป็นคนที่ห้าวมากๆเธอเก่งกว่าฉันทั้งในด้านกีฬาและแม้กระทั่งด้านการเป็นเลสเบี้ยนฉันหมายถึงว่าเธอมั่นใจในความเป็นตัวของตัวเองมากกว่าฉันคืนนั้นในการเข้าค่ายกีฬาพวกเราแอบออกมาจากห้องกันอย่างที่เคยเราออกมานั่งด้วยกันบนหลังคา พูดคุย ดูดาวกันไปแต่แล้วแล้วเธอก็บอกว่าเธอรู้สึกกับฉันมากกว่าเพื่อนแล้วฉันไม่รังเกียจฉันอยากจะขอจูบฉัน ฉันรู้สึกกลัวและฉันคิดว่าฉันเป็นเด็กเกินไปสำหรับเรื่องโรแมนติกแบบนี้ และฉันก็ยังไม่เคยคิดว่าฉันจะทำเรื่องทำนองนี้ได้แบบที่เคยทำกันฉันอาจจะต่อต้านความรู้สึกของตัวเองที่มีต่อเพื่อนรักก็เลยตะโกนใส่เธอว่า “เราจะไม่เป็นเพื่อนกันอีกต่อไป” แล้วก็รีบลุกขึ้นกลับเข้าไปที่ห้องแต่ฉันคงจะช็อคมากเกินไปกับสิ่งที่เกิดขึ้นทันใดนั้นฉันก็ก้าวพลาดแล้วก็ตกลงมาจากบนหลังคา

ทุกอย่างเกิดขึ้นรวดเร็วมากหลังจากนั้นฉันหมายถึงความอลหม่านรถพยาบาลและความเจ็บปวดที่แสนสาหัสส่วนผลที่ตามมาคือการได้รับบาดเจ็บที่กระดูกสันหลังและโชคไม่ดีเลยมันกลายเป็นว่าหมอยืนยันกับฉันอย่างจริงจังว่าฉันต้องหยุดเล่นยิมนาสติกไปตลอดชีวิตแม้แต่พ่อที่ดื้อรั้นก็ยังต้องยอมรับความจริงข้อนี้ว่ามันไม่คุ้มถ้าเราจะเสี่ยงฝืนทำต่อไปในที่สุดฉันก็เป็นอิสระจากยิมนาสติกสักทีฉันมีเวลาว่างอย่างน่าเหลือเชื่อไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าวันนึงก็ต้องหยุดเล่นกีฬาไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรแต่ในขณะเดียวกันก็สังเกตเห็นว่าพ่อฉันหงุดหงิดแค่ไหนและฉันมั่นใจว่ามันต้องเป็นเรื่องที่ฉันพลาดจากการเป็นนักกีฬาอย่างแน่นอนฉันไม่สามารถเห็นความผิดหวังของพ่อได้อีกต่อไปก็เลยตัดสินใจกลับไปเล่นกีฬาอย่างที่เขาชื่นชอบอีกครั้งนั้นคือการเล่นเคอร์ลิงฉันไม่รู้จะพูดยังไงดีว่ามันสนุกไปหมดกับคำว่าสกัดป้องกันสักคำว่าเสมอในกีฬานี้

ฉันได้ให้สัญญากับพ่อด้วยว่าฉันจะต้องได้รับเหรียญซักเหรียญจากการเล่นอย่างแน่นอนเพราะฉันรู้สึกว่าตัวเองสามารถเป็นเล่นเคอร์ที่สามารถประสบความสำเร็จได้แต่ฉันก็ยังคงคิดทวนซ้ำไปซ้ำมาเกี่ยวกับรสนิยมทางเพศของตัวเองฉันอ่านข้อมูลมากมายจากอินเทอร์เน็ตและตัดสินใจยอมรับว่าตัวเองเป็นเลสเบี้ยนถ้าสังเกตเห็นว่าฉันรู้สึกสนใจเพื่อนร่วมทีมคนหนึ่งชื่อ “โจซี่” ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้นมันเกิดขึ้นแบบเดิมq โดยเริ่มต้นจากเป็นเพื่อนสนิทกันและจากนั้นความสัมพันธ์เกินเลยไปมากกว่าคำว่าเพื่อนครั้งนี้ฉันอายุ 14 และฉันก็พร้อมจะมีแฟนสักทีพี่เ“โจซี่” ป็นคนน่ารักมากพวกเราใช้เวลาด้วยกันบ่อยๆที่บ้านของฉันหลังจากฝึกซ้อมพ่อแม่ของฉันก็รู้จักเธอแล้วดูเหมือนว่าจะชอบเธอด้วยแต่แน่นอนว่าพวกเราเก็บเรื่องราวไว้เป็นความลับเพราะฉันคิดว่าพวกเขาค่อนข้างหัวโบราณเกินกว่าจะยอมรับเรื่องพวกนี้

แต่อยู่มาวันนึงและฉันปรากฏตัวขึ้นมาผิดที่ผิดเวลาไปหน่อย “โจซี่” และฉันคิดว่าพวกเราอยู่กันตามลำพังในบ้านก็เลยตัดสินใจเลือกดูหนังรักด้วยกันแต่แล้วจู่ๆ แม่ก็กลับไปที่บ้านเร็วกว่าปกติเธอคิดว่าจะเข้ามาถามว่าพวกเราอยากกินพิซซ่าไหมแล้วโชคร้ายเธอลืมเขาประตูห้องเราก่อนเธอเปิดประตูมาแล้วเห็นว่าเราสองคนกำลังอยู่ในอ้อมกอดกันและกันความจริงเธออาจจะไม่สงสัยอะไรก็ได้ถ้า“โจซี่” และฉันไม่ได้ออกจากกันทันทีทันใดแบบนั้นแน่นอนว่า“โจซี่” รู้สึกอับอายแล้วก็เผ่นแนบออกจากบ้านไปเลยฉันเองก็ทนไม่ได้กับดวงใจของแม่ที่เต็มไปด้วยความสงสัยตอนแรกแม่ไม่พูดอะไรแล้วก็ออกจากห้องฉันไปแต่หลังจากนั้นไม่กี่นาทีก็กลับเข้ามาใหม่แล้วเราจะได้คุยกันฉันจะขอข้ามรายละเอียดในระหว่างที่ฉันคุยกับแม่แต่จะขอสรุปสั้นๆว่าฉันรู้สึกโล่งใจอย่างมากแม่บอกว่าเธอรักฉันแล้วก็ยังคงอยู่ข้างฉันไม่ว่าฉันจะรักใครก็ตาม

ฉันรู้สึกดีขึ้นมากจริงๆฉันจึงตัดสินใจสารภาพทุกอย่างกับพ่อด้วยเช่นกันแต่พ่อไม่เข้าใจฉันเลยแล้วตอนนี้ฉันก็ไม่ได้รับอนุญาตให้พบกับ“โจซี่” อีกต่อไปพ่อไม่เพียงห้ามไม่ให้ฉันเล่นเคอร์ลิ่งเท่านั้นแต่ยังห้ามไม่ให้ฉันติดต่อกับใครๆอีกด้วยเขายึดโทรศัพท์ของฉันไปแล้วให้ฉันเข้าระบบการศึกษาแบบโฮมสคูลที่บ้านซึ่งจะได้รับอนุญาตให้ไปไหนมาไหนได้ก็ต่อเมื่อมีพ่อแม่ออกไปด้วยเท่านั้นไม่ว่าจะเป็นการไปมิวเซี่ยมหรือไปดูหนังมันก็ไม่สนุกสำหรับฉันอีกต่อไปโลกของฉันถูกทำลายลงแล้วจะรู้สึกเหมือนเป็นนักโทษในครอบครัวเพียงแค่ฉันไม่สามารถเปลี่ยนแปลงในสิ่งที่ตัวเองเป็นได้

ฉันใช้ชีวิตแบบนั้นอยู่เกือบ 2 เดือนไม่ได้พูดคุยกับพ่อเลยและแทบจะไม่ได้นอนในตอนกลางคืนเพราะความเครียดจนกระทั่งวันหนึ่งแม่เข้ามาที่ห้องแล้วบอกฉันว่าเรามีเรื่องต้องคุยกันเธอไม่ได้พูดอะไรมากมายเท่าไหร่แค่บอกว่าเธอรักฉันมากจะพยายามทำให้ฉันมั่นใจว่าพ่อก็รักฉันด้วยเช่นกันมันเป็นแค่อารมณ์ของเขาลูกเข้าใจใช่ไหมแม่ถามจากนั้นแม่ก็บอกว่าไม่ได้คุยกับป้าทางโทรศัพท์แล้วป้าก็ตกลงจะเป็นคนดูแลฉันจนกว่าฉันจะจบการศึกษาจากโรงเรียน

ดังนั้นฉันจึงต้องเตรียมตัวแพ็คกระเป๋าและตอนนี้ฉันก็ได้มาอาศัยกับป้า “แจ๊คกี้” โดนใช้ชีวิตข้ามมาอีกประเทศหนึ่งจากพ่อกับแม่เป็นเวลา 114 วันแล้วตั้งแต่ฉันได้คุยกับพ่อเป็นคนสุดท้ายพ่อไม่เคยโทรหาฉันเลยแม่ก็ไปพยายามให้กำลังใจทุกครั้งที่แม่โทรมาแล้วสัญญาว่าจะมาเยี่ยมฉันแต่ฉันก็ได้แต่สงสัยว่าแม่จะมาคนเดียวหรือไม่มีพ่อได้ยังไงที่นี่ฉันได้พบกับเด็กผู้หญิงที่น่ารักคนนึงในโรงเรียนใหม่แล้วเราก็ได้ออกเดทด้วยกันมาพักนึงแล้วแต่ฉันยังคงรู้สึกเหงาเรากับว่าบางส่วนในชีวิตของฉันมันหายไปซึ่งฉันคิดว่ามันก็คือพ่อกับแม่ของฉันเอง

เพื่อนๆช่วยให้กำลังใจกันด้วยนะคะด้วยการกดไลค์วีดีโอนี้และอย่าลังเลที่จะกดติดตามช่องนี้เพื่อคุณจะได้ไม่พลาดกับเรื่องราวอื่นๆ 

เรื่องเล่าที่เกี่ยวข้อง

0 0 votes
Article Rating
Subscribe
Notify of
guest
0 Comments
Inline Feedbacks
View all comments
Back to top button
0
Would love your thoughts, please comment.x
()
x

ปิดโปรแกรมบล็อคโฆษณา

กรุณาปิดโปรแกรมบล็อคโฆษณาก่อนนะ เพราะเว็บจะอยู่ได้ก็จากป้ายโฆษณา