แม่ทิ้งผมไว้ในสนามบินตอนผม 3 ขวบ และผมไม่เคยเจอแม่อีกเลย
สวัสดีทุกคน ชื่อของผมคือ “แมททิว” สำหรับตอนนี้นะ ถึงผมจะเคยมีชื่ออื่นจนถึงตอนสามขวบก็ตาม เช่นเดียวที่มีอีกนามสกุล มีบ้าน และแม่อีก 1 คน เรื่องนี้เกิดขึ้นได้กับผมอย่างไร ผมจะเล่าให้คุณฟัง ผมจำเรื่องที่ตอนยังเล็กมากได้เพียงเลือนลางเท่านั้น ผมถูกรับไปเลี้ยงตั้งแต่ตอนที่ยังเด็กมาก แต่ผมจำวันที่ผมพลัดหลงได้ วันที่แม่ทิ้งผมไป
เช้าวันนั้นผมมีความสุขมาก เพราะแม่บอกว่าเราจะไปดิสนีย์เวิลด์ ด้วยเครื่องบินลำใหญ่ ผมตื่นเต้นมาก เมื่อเราไปถึงสนามบิน แม่วางกระเป๋าเดินทางใบเล็กไว้ที่พื้น และให้ผมนั่งบนนั้นเธอบอกว่า เดี๋ยวเธอจะเดินกลับมาแต่เดี๋ยวที่ว่านั้น นานเหมือนหลายปี ผมนั่งอยู่นั้นเกาะกระเป๋าเป้สีแดงใบเล็กทั้งน้ำตา
ผมไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหน แต่ไม่นานผมก็พบว่า ตัวเองถูกล้อมรอบด้วยคนจำนวนมาก เจ้าหน้าที่ตำรวจ คนทำงานสนามบิน และทุกคนก็ถามคำถามผม แต่ผมจำชื่อแม่ หรือชื่อตัวเองไม่ได้ บอกตรงๆว่าตอนนั้นผมยังพูดไม่มากเลย และยิ่งกว่านั้นคือ ผมทั้งอึ้งและตกตะลึง
ผมจำไม่ได้ด้วยว่าตัวเองอยู่ที่ไหน เพราะฉะนั้นจึงช่วยอะไรตำรวจที่พยายามตามหาครอบครัวของผมได้ไม่มากนัก พวกเค้าตรวจค้นกระเป๋าเดินทาง และกระเป๋าเป้ของผมและพบกระดาษโน๊ต เขียนไว้ว่า “ดูแลเขาด้วย” ไม่มีชื่อหรือที่อยู่ใดๆ เขียนไว้ในนั้น
เวลาผ่านไปจะดูเหมือนว่าไม่มีใครมาตามหาผม และแม่ผมก็หายตัวไป และไม่มีใครพบเธออีกคนที่ทำงานในสนามบินพยายามติดตามตัวเธอจากกล้องวงจรปิด แต่เธอหายไปอย่างไร้ร่องรอย หลังจากตำรวจหมดหวังในการตามหาตัวญาติของผม ผมได้ไปอยู่กับครอบครัวดีๆ ครอบครัวหนึ่งที่รับผมไปเลี้ยงดู
ผมมีชื่อใหม่ และบ้านใหม่ พ่อแม่ใหม่ของผมให้ความรักและพยายามอย่างดีที่สุด เพื่อให้ผมลืมวันอันเลวร้ายที่สนามบินนั่น หลังจากนั้นผ่านไป 11 ปีผมมีความสุขมากจริงๆ และโตขึ้นมาเป็นเด็กธรรมดาๆ แน่นอนว่าความทรงจำอันหม่นหมองนั่นถูกโจมตีซ้ำแล้วซ้ำเล่า พร้อมคำถามที่ขวนให้เจ็บปวดซึ่งอยู่ในความคิดของผมเสมอ คือ ทำไม และในที่สุดผมจึงพบคำตอบ
พ่อแม่ใหม่ของผมร่ำรวยและงานยุ่งมากและเพราะเราก็อาศัยอยู่ในบ้านหลังใหญ่เราจึงมีแม่บ้านอยู่ตลอด แม่บ้านของเรา “อารีย์” เป็นคนยอดเยี่ยมมาก แต่เธอเพิ่งลาออกไปไม่นานเพราะต้องย้ายกลับบ้านของตน ผมโมโหสุดๆเพราะเราสนิทกันมากจริงๆ
เธอเป็นคนเดียวที่ผมใช้เวลาด้วยในตอนที่พ่อแม่ทำงาน พ่อแม่ของผมจึงประกาศหาแม่บ้านใหม่ในอินเตอร์เน็ต และเราก็ได้รับโทรศัพท์ทันที
เช้าวันถัดมาหญิงสาวที่ดูดีมากคนนึงมาปรากฏตัวหน้าประตู ผมชอบเธอตั้งแต่แรกเห็น รอยยิ้มของเธอมีเสน่ห์มาก และผมรู้สึกเหมือนรู้จักเธอมานานหลายปี ถึงแม้ตอนที่เธอพูดกับผมจะดูประหม่าและไม่สบายใจเล็กน้อยอยู่ตลอดก็ตาม
เธอมาทำความสะอาดบ้านทุกวัน และหลังจากนั้นไม่นานเราก็กลายเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน เธอไม่ได้เล่าเรื่องของตัวเองมากนัก แต่มักจะบ่นให้ฟังว่าชีวิตของเธอไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาย และเธอไม่ค่อยจะมีเงิน ครั้งหนึ่งเธอมาหาผมและถามวาจะให้เธอยืมเงินสักนิดได้ไหม เพราะเธอมีปัญหาต้องใช้ เธอดูละอายใจ และผมก็เป็นห่วงเธอจริงๆ และผมก็ให้เงินค่าขนมของผมไป
ไม่นานจากนั้นเธอก็มาขอเงินผมอีกครั้ง และอีกครั้ง จนถึงตอนนั้นหลังจากที่เธอมาขอแล้วขออีก และผมก็ไม่มีเงินให้เธออีกแล้ว ดังนั้นเมื่อเธอถามผมอีก ผมก็แนะนำให้เธอไปคุยกับพ่อแม่ของผมเพราะผมเชื่อว่าพวกท่านไม่ปฏิเสฐที่จะให้ความช่วยเหลือหญิงยากจนที่กำลังลำบาก ผมบอกเธอว่าแม่ใจดีและใจกว้างแค่ไหนและ
ทันใดนั้นเธอก็ร้องห่มร้องไห้ และตะโกนออกไปว่า ฉันเป็นแม่เธอ ผมสะอึก อึ้งด้วยความโกรธ ผมแทบไม่อยากเชื่อหูของตัวเองจริงๆ เธอบอกว่ารักและคิดถึงผมมากแค่ไหน เธอรู้ว่าผมถูกรับไปเลี้ยง และเฝ้าดูผมมาตลอดหลายปีที่ผ่านมา แต่ไม่มีความกล้าที่จะออกมาแสดงตัว
เธอบอกว่าตอนนั้นยังเด็ก และโง่จนไม่สามารถเลี้ยงเด็กคนหนึ่งได้ ผมคิดว่าเธอพูดคำว่าเสียใจมากกว่าล้านรอบ คำพูดเหล่านั้นพาความทรงจำทั้งหมดให้กลับมาอย่างฉับพลัน ผมกลายเป็นเด็กสามขวบคนนั้นที่กอดกระเป๋าเป้สีแดง และรอแม่กลับมา
เธอกอดผมแน่นบอกว่าจะไม่มีวันทิ้งผมไปอีก และจากนั้นก็วาดแผนการสวยหรูให้ผมฟัง บอกว่าเราจะกลับมาเริ่มต้นกันใหม่อีกครั้งและออกจากที่นี่ไปด้วยกัน แต่เรายังต้องการเงินใช้ชีวิต อยู่ๆเธอก็จริงจังและเคร่งเครียด บอกว่า
เธอต้องขโมยบัตรเครดิตของพ่อ และหาว่ารหัสผ่านคืออะไร เราจะได้เอาเงินและหนีไป จากนั้นไปใช้ชีวิตอย่างมีความสุขด้วยกันนะ “รอฟ” ซึ่งทำให้รู้ว่าชื่อจริงๆของผมคือ “รอฟ” หลังจากเธอกลับไป ผมกลับไปที่ห้อง แล้วล้มตัวลงบนเตียงหัวหมุนติ้ว ในที่สุดผมก็ได้คำตอบที่ผมเฝ้าถามมาตลอดชีวิต แต่ผมก็ต้องโศกเศร้าและผิดหวังอีกครั้ง ผมจะขโมยเงินจากครอบครัวตัวเองได้อย่างไร และผมจะเปิดโปงแม่แท้ๆที่บอกว่ารักผม และขอให้ผมก่ออาชญากรรมจริงๆ ได้อย่างไร
เมื่อแม่บุญธรรมของผมขึ้นมาเพื่อบอกราตรีสวัสดิ์ เธอก็พบผมนอนร้องไห้อยู่บนเตียง แน่ล่ะ ว่าผมต้องเล่าทุกอย่างให้เธอฟังทันที แต่ผมก็ขอให้เธอเรียกตำรวจ และอย่าให้พ่อรู้เรื่องนี้
แม่ของผมฟังเงียบๆ จากนั้นถอนหายใจหนักๆ “แม่มีอะไรจะสารภาพกับลูก ทั้งหมดนี้เป็นความผิดของแม่เอง”
หัวใจของผมหล่นวูบ เธอบอกว่า “ตลอดหลายปีมานี้ เธอพยายามตามหาครอบครัวของผมและในที่สุดก็หาพบจนได้ เธอรู้ว่าตลอดที่ผ่านมา ผมมีคำถามนี้อยู่ในหัว และเธอเชื่อว่าการหาคำตอบจะช่วยจัดการได้”
เธอพบแม่ของผมทำความสะอาดบาร์แห่งหนึ่ง เธอบอกแม่เรื่องผม และเสนอให้มาทำงานในบ้านเรา พ่อแม่ที่แท้จริงของผมจะมีเงินเดือนแน่นอน เธอก็ตอบตกลง และเรารู้กันแล้วนะ ว่าต่อมาเกิดอะไรขึ้น ตอนนี้ทุกอย่างจบลงแล้ว ผมไม่รู้ว่าแม่บุญธรรมของผมหาแม่แท้ๆของผมเจอได้อย่างไร แต่ต้องใช้เวลาถึง 11 ปี แต่อย่างไรก็ตามแม่แท้ๆ ไม่ปรากฏตัวที่บ้านของเราอีก ผมก็พยายามจะกลับไปทำตัวตามปกติ และยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้น ในที่สุดผมก็ได้คำตอบและผมก็ต้องอยู่กับมัน แค่กลายเป็นว่าแม่ในสายเลือดเข้ามาในชีวิตผม เพื่อทำร้ายจิตใจผมถึง 2 ครั้ง
แต่ผมก็ยังโชคดีที่มีแม่ที่แท้จริงซึ่งรักและเยียวยาหัวใจของผมได้ ถ้าคุณมีเรื่องราวที่คล้ายคลึงกัน หรือกำลังตามหาพ่อแม่ของคุณ คนที่ทิ้งคุณไป ระวังไว้ให้ดี คุณไม่มีทางรู้เลยว่าคุณจะพบอะไร ตอนจบอย่างมีความสุขอาจจะไม่เกิดขึ้นอย่างที่คุณคาดคิดไว้
ถ้าคุณเป็นผมคุณจะทำอย่างไร จะหนีไปกับแม่แท้ๆ หรือจะอยู่แบบเดิม ผมรอฟังคำตอบจากพวกคุณอยู่ แบ่งปันเรื่องราวของผมกับเพื่อนๆได้นะ ถ้าคิดว่าเรื่องราวอันล้ำค่ำ