ครอบครัว

แม่ฉันเป็นคนชอบเก็บข้าวของ เราเลยอยู่กลางกองขยะ!

 ไงฉันชื่อ “นอร่า” ฉันอายุ 17 ปีและคือว่าแม่ของฉันต้องต่อสู้กับการชอบเก็บของมานานกว่า 5 ปีแล้วถึงพูดอย่างนี้แล้วจะฟังเหมือนไม่มีอะไรเลยแต่เชื่อชั้นเถอะว่าไม่ใช่แบบนั้นหรอกทั้งหมดเริ่มขึ้นเมื่อ 5 ปีที่แล้วเมื่อฉันอายุ 12 ปีและ “เคเรบ” น้องชายของฉันอายุ 8 ปีในปีนั้นพ่อของเราเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งและขอบอกตามตรงเลยนะว่านี่เป็นช่วงที่ยากลำบากอย่างมากของทุกคนโดยเฉพาะแม่ของฉัน

แม่เริ่มเก็บข้าวของทุกอย่างในบ้านจนบ้านของเราดูสกปรกก็ดูโทรมไปหมดเสียจนเป็นไปไม่ได้เลยที่จะเดินไปไหนมาไหนโดยไม่สวมรองเท้าแตะคุณไม่สวมรองเท้าแค่ไม่กี่นาทีเท่านั้นแหละเท้าของเราก็จะดำปี๋สกปรกไปหมดทุกห้องเต็มไปด้วยกล่องหนังสือพิมพ์เสื้อผ้ารองเท้าและเฟอร์นิเจอร์เรื่องนี้บ้าบ่อสุดๆซะจนเรามีพื้นที่เล็กๆเท่านั้นให้เดินไปไหนมาไหนแล้วถึงจะเป็นส่วนที่เราเดินไปไหนได้ก็ยังมีแต่ข้าวของกองเต็มพื้นแล้วแม่ของฉันก็ยังเอาข้าวของกลับมาเพิ่มในบ้านมากขึ้นเรื่อยๆอยู่เสมอครัวของเราเต็มไปด้วยเครื่องครัวและจานที่ไม่ได้ล้างซึ่งแม่ของฉันแค่สั่งอะไรสักอย่างมาเพื่อที่เราจะได้ไม่ต้องทำความสะอาดทีหลังเรื่องที่แย่ที่สุดคือ

มันแมลงและสิ่งมีชีวิตอื่นๆเราเจอแมลงสาบหนูบ้านหนูท่ออยู่ตลอดในสายตาโลกภายนอกเราเป็นครอบครัวปกติธรรมดาแต่แน่ละว่าแม่ฉันไม่ยอมให้ใครเข้ามาในบ้านเพื่อเห็นว่าที่แท้จริงแล้วเราเป็นยังไงหรอกฉันไม่อาจทนรอให้อายุครบ 18 ปีได้แล้วเพื่อที่ว่าฉันจะได้ออกจากบ้านไปเรียนต่อที่ไหนสักแห่งแต่ฉันรู้ว่าฉันทำไม่ได้เพราะน้องชายของฉันอย่างที่คุณเห็นด้านอยู่ในสภาพแบบนั้นส่งผลต่อเขาเลวร้ายยิ่งกว่าที่มีกับฉันเขาป่วยอยู่เสมอและแพ้นู่นนี่เต็มไปหมดไม่มีวันไหนเลยที่เขาไม่จามติดต่อกันนานๆฉันไม่อาจปล่อยเขาไว้แบบนั้นได้ก็ใช่แม่ของฉันก็เช่นกันทุกครั้งที่ฉันพยายามจะบอกให้แม่โยนอะไรสักอย่างทิ้งไปบ้างแม่จะพยายามอ้างว่าทุกอย่างนั้นสำคัญมากแค่ไหนโอ้…นิตยสารเก่านั้นทิ้งไปนะแม่ยังอ่านไม่จบอย่าโยนกล่องนั้นออกไปเราอาจจะต้องใช้ก็ได้ฉันไม่อาจปล่อยให้ตัวฉันและ “เคเรบ” อยู่ในที่แบบนี้ต่อไปได้อีก

ดังนั้นในสัปดาห์หนึ่งและฉันไปพักผ่อนระยะสั้นและเราต้องไปอยู่ที่บ้านของป้าโรสเราตัดสินใจทำความสะอาดบ้านของเราป้า “โรส” ช่วยเราจ้างคนทำความสะอาดและขนย้ายของมาและกว่าสัปดาห์จะผ่านไปเราเพิ่งทำความสะอาดได้จริงๆแค่ 2 ห้องใช้ห้องพวกนั้นมีของเยอะแยะเต็มไปหมดขณะที่ว่าสัปดาห์เดียวไม่อาจทำความสะอาดให้เสร็จหมดได้ฉันไม่คิดเลยว่าปฏิกิริยาของแม่เมื่อกลับถึงบ้านจะขุ่นเคืองและโกรธเกรี้ยวและพึมพัมอะไรสักอย่างว่าของทุกอย่างที่เราโยนออกมีค่าแค่ไหนแล้วเราต้องไปเอากลับมาแม่เลิกคุยกับป้า “โรส” แล้วโกรธฉันไปนานมากไม่นานหลังจากนี้ทุกอย่างก็กลับมาสู่ภาวะปกติและแม่ก็หาและนำเข้าของมาเพิ่มมากขึ้นเพื่อเพิ่มเติมห้องที่เพิ่งทำความสะอาดไปมันน่าเจ็บปวดมากที่ต้องเห็นว่าอาการของ “เคเรบ” กลับมาย่ำแย่แค่ไหนในบ้านหลังนี้ดังนั้นฉันจึงต้องพยายามพูดให้แม่เข้าใจอีกครั้ง

ไม่จำเป็นต้องพูดต่อไปไม่คิดจะรับฟังฉันหรือยอมรับว่าตัวเองมีปัญหาว่าแม่ป่วยแต่แล้วบางอย่างก็เกิดขึ้นซึ่งทำให้อะไรอะไรยิ่งแย่มากขึ้นไปอีกเมื่อบ้านของเราต้องซ่อมแซมเราต้องย้ายไปอยู่ที่บ้านของครอบครัวป้า “โรส” บอกกันตามตรงฉันชอบการอยู่ที่นั่นที่นั่นสะอาดเรียบร้อยและมีอากาศบริสุทธิ์ให้หายใจบริสุทธิ์จริงๆเลยนะสิ่งที่ดีที่สุดคือสุขภาพของ “เคเรบ” ก็ดีขึ้นอาการแพ้ของเขาลดน้อยลงและเขาก็สุขภาพดีมากขึ้นเป็นเรื่องที่ดีเหลือเกินที่ได้เห็นเขามีชีวาและมีความสุขขณะที่เข้ามักจะแสดงท่าทีจำนนกับอะไรๆ เสมอมันเหมือนเขากลายเป็นเด็กอีกคนที่แตกต่างไปเลยถึงยังงั้นฉันไม่อาจพูดแบบเดียวกันนี้กับแม่ฉันได้แม่ฉันคอยจับตาดูฉันกับป้าโรสและสามีของป้าอย่างใกล้ชิดแม่ร้องไห้อยู่ตลอดเวลาแล้วป้า “โรส” ก็ไม่ยอมให้แม่เอาข้าวของอะไรมาเก็บอีกดังนั้นฉันเลยเดาว่าแม่รู้สึกไม่สบายใจและเหมือนตัวเองหาทางออกไม่ได้กลายเป็นว่าแม่ของฉันมีอาการยึดติดเข้าของแบบนี้มาตั้งแต่ก่อนที่พ่อจะเสียชีวิตนานแล้วและเหตุผลของเรื่องนี้ก็เพราะฉันไม่ใช่ลูกคนแรกของแม่  แม่และพ่อเคยมีลูกชายก่อนจะมีฉันไม่กี่ปีแต่เขาเป็นเด็กขี้โรคมาก

ดังนั้นผ่านไปแค่ปีเดียวเขาก็เสียชีวิตและแม่ฉันก็โศกเศร้าเสียใจมากครอบครัวหลายครอบครัวเลิกร้างกันหลังการตายของลูกแต่พ่อของฉันรักแม่มากซะจนเขายังคงอยู่และให้กำลังใจเธอตลอดหลายปีที่ผ่านแม่เริ่มชอบเก็บข้าวของแต่พ่อจะหยุดแม่ด้วยความรักและเอาใจใส่พ่อเป็นผู้ชายที่วิเศษมากเหลือเกินแล้วจากนั้นพวกเขาก็มีฉันและ  “เคเรบ”  แล้วทุกอย่างก็เป็นไปได้ด้วยดีแต่แน่ละพ่อป่วยและเสียชีวิตไปหลังจากนั้นไม่กี่ปีเรื่องนี้ทำให้ทุกคนโศกเศร้าเสียใจแต่แม่ฉันรู้สึกมากเป็นพิเศษแม่คิดว่าตัวเองถูกสาปและไม่อาจเชื่อว่าจะต้องสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักไปถึง 2 คนดังนั้นแม่เลยเริ่มกลับมาเก็บข้าวของอีกครั้งแต่ครั้งนี้แม่ไม่มีใครมาช่วยหยุดยั้งไว้อีกแล้วและเหนื่อยยิ่งกว่านั้นคือแม่ปฏิเสธที่จะไปหาหมอฉันไม่อยากจะเชื่อเลยแต่แล้วฉันก็รู้สึกผิดที่เอาแต่โมโหแม่ฉันอยากจะช่วยแม่แต่ก็ไม่อาจแค่เดินไปบอกเรื่องนี้ต้องโต้งๆได้ฉันก็เลยเริ่มรู้จักที่จะอดทนกับแม่ให้มากขึ้น

หลังจากผ่านไป 1 หรือ 2 เดือนเราย้ายกลับไปอยู่บ้านของเราฉันรู้ว่าฉันต้องเปลี่ยนวิธีการจัดการกับเรื่องนี้ถ้าฉันอยากจะช่วยแม่กับปัญหาจริงๆเช่นอ่านคำแนะนำทางออนไลน์และแทนที่จะบอกแม่ว่าแม่ควรโยนอะไรทิ้งไปเพราะมันไร้ค่า ฉันจะพูดว่า โอ้ดูของที่แม่จะใช้งานตรงนั้นสิคะ แม่อยากเอาให้คนอื่นที่ต้องการใช้มั้ย แม่ฉันชอบความคิดที่เอาของให้คนที่จำเป็นใช้และฉันก็ช่วยแม่หาคนพวกนั้นอยู่เสมอและคุณรู้อะไรไหมเราเริ่มสนิทสนมกันแม่เปิดใจให้ฉันมากขึ้นว่าอะไรทำให้แม่ไม่สบายใจแล้วฉันก็ได้พูดกับแม่เรื่อง “เคเรบ” และสิ่งที่จำเป็นสำหรับเขาหลังจากนั้นสักพักในที่สุดแม่ก็ยอมตกลงไปรับการบำบัดและขณะที่แม่ยังคงชอบเก็บข้าวของแต่ก็ดีกว่าที่เคยเป็นมากๆแล้วฉันยังคงกลัวว่าฉันจะต้องอยู่ที่นี่ด้วยหลังเรียนจบเพราะทุกอย่างคงพังทลายถ้าไม่มีฉันแต่ฉันต้องทำเพื่อประโยชน์ของแม่ฉันและ “เคเรบ” 

พวกคุณเคยประสบกับคนที่ชอบเก็บข้าวของมาก่อนในชีวิตหรือเปล่าประสบการณ์ของคุณเป็นแบบไหนช่วยเราเรื่องของคุณในช่องคอมเมนต์และกดไลค์วีดีโอนี้นะถ้าคุณคิดว่าเรื่องนี้น่าสนใจหรือช่วยให้คุณได้เรียนรู้อะไรใหม่ๆ 

เรื่องเล่าที่เกี่ยวข้อง

0 0 votes
Article Rating
Subscribe
Notify of
guest
0 Comments
Inline Feedbacks
View all comments
Back to top button
0
Would love your thoughts, please comment.x
()
x

ปิดโปรแกรมบล็อคโฆษณา

กรุณาปิดโปรแกรมบล็อคโฆษณาก่อนนะ เพราะเว็บจะอยู่ได้ก็จากป้ายโฆษณา