พ่อแม่ฉันรับอุปการะเด็กชายที่เป็นดาวน์ซินโดรมและเริ่มเพิกเฉยฉัน
ไงฉันชื่อ “โซอี้” และฉันอายุ 14 ปีไม่นานมานี้ฉันเพิ่งตระหนักได้ว่าความอิจฉาริษยาเป็นความรู้สึกที่เลวร้ายที่สุดในโลกความรู้สึกนี้ทำให้คุณตามืดบอดและกระตุ้นให้คุณทำอะไรบางอย่างที่ไร้หัวคิดอย่างสิ้นเชิงวันนี้ฉันอยากบอกเรื่องราวกับพวกคุณอย่างตรงไปตรงมาว่าครั้งหนึ่งฉันเคยตามืดบอดแค่ไหนทั้งพ่อและแม่ของฉันเป็นสูตินารีแพทย์ที่ประสบความสำเร็จและทั้งคู่ยังรักงานที่ตัวเองทำมากถึงพ่อและแม่ของฉันจะรักเด็กๆแต่ก็เกิดขึ้นได้เฉพาะกับเด็กคนเดียวและขอบอกว่าคุณตามตรงนะฉันดีใจมากจริงๆที่เป็นแบบนั้นฉันได้รับความรักความสนใจและความเอาใจใส่ทั้งหมดแต่แล้วก็กลายเป็นว่าความสงบสุขของฉันไม่ได้คงอยู่ตลอดไป
วันนึงคุณพ่อคุณแม่ของฉันเรียกฉันไปที่ห้องครัวโดยที่ไม่รู้สาเหตุแล้วบอกว่ามีเรื่องเซอร์ไพรส์สิน่าทึ่งที่สุดให้ฉัน แน่ละฉันตื่นเต้นขึ้นมาจริงๆแทบไม่รู้เลยว่าเซอร์ไพรส์จะเปลี่ยนแปลงชีวิตของเราไปตลอดกาลพ่อแม่ฉันบอกว่าพวกเขาจะรับอุปการะเด็กคนนึงเด็กพิเศษ ตอนนั้นฉันรู้สึกเหมือนถูกอะไรสักอย่างแทงข้างหลังทำไมกันน่ะแค่ฉันยังไม่พออีกหรอฉันไม่เข้าใจเลยว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ปรากฏว่ามีเด็กเกิดใหม่ถูกทิ้งไว้ที่แผนกเด็กเกิดใหม่ในโรงพยาบาลที่พ่อและแม่ของฉันทำงานแม่เขาทิ้งไปเพราะเขาเกิดมาพร้อมกับภาวะดาวน์ซินโดรมและแน่นอนว่าพ่อแม่ผู้หาญกล้าของฉันไม่อาจจะเบือนหน้าหนีไปเฉยๆได้พวกเขาสัญญากับฉันว่าจะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงพ่อแม่เธอยังคงรักฉันมากเท่ากับที่เคยเป็นมาแล้วก็มากยิ่งกว่าเดิมด้วยเราทั้งหมดจะเป็นครอบครัวที่ยอดเยี่ยมหรืออะไรแบบนั้นน่ะเรื่องนี้ช่วยฉันสงบลงขณะหนึ่งแต่ตอนนั้นฉันเพิ่งอายุแค่ 8 ขวบฉันก็เลยไม่ค่อยรู้หรอกว่าดาวซินโดมมันหมายความว่ายังไงแล้วทำไมเด็กพวกนี้ถึงถูกเรียกว่าเด็กพิเศษ
ในวันที่พ่อแม่ของฉันพา “อีธาน” กลับมาบ้านเราจัดปาร์ตี้ขนาดใหญ่กัน ญาติและเพื่อนสนิททั้งหมดของเรามาเพื่อรู้จักสมาชิกใหม่ล่าสุดของครอบครัวทุกคนมองหน้าเขาแล้วก็หลงรักเขาทันทีฉันจำได้ครั้งแรกที่เห็นหน้าเขาเค้าน่ารักแต่ว่าแปลกประหลาดแล้วก็ไม่เหมือนใบหน้าของคนอื่นที่ฉันเคยเห็นเลยเขาเหมือนมนุษย์ต่างดาวในสายตาของฉันตอนแรกเจ้าตัวน้อยนี้ดูเหมือนไม่มีปัญหาอะไรแต่พอเวลาผ่านไปเท่านั้นแหละช่วงที่ “อีธาน” อายุ 4 ขวบฉันก็รู้แล้วว่าสิ่งที่พ่อแม่ฉันเรียกว่าพิเศษเนี่ยมันหมายความว่ายังไงเขาดูแปลกมากขึ้นเรื่อยๆยังคงเดินหรือพูดให้ชัดหรือทำเรื่องที่เด็กในวัยเขาทำได้ง่ายๆไม่ได้ ดังนั้นจึงต้องมีคนคอยดูเขาในทุกช่วงไม่อย่างนั้นเขาอาจจะล้มหรือทำให้ตัวเองบาดเจ็บหรือทำอะไรสักอย่างตกแตกนอกจากนี้ยังมีเรื่องสภาพจิตใจของเขาอีก
“อีธาน” มีปัญหาสุขภาพอย่างมากดังนั้นพ่อแม่ฉันเลยต้องพาไปคลินิกบ่อยมากพ่อแม่ฉันปฏิบัติต่อเข้ากับเทวดาและมีความสุขอย่างล้นเหลือมันก็ใส่รองเท้าเองได้สำเร็จหรือหยิบช้อนตักข้าวโอ๊ดใส่ปากตัวเองได้โดยไม่ทำหกเลอะเสื้อและแน่นอนว่าความสำเร็จในแต่ละอย่างของฉันไม่อาจเทียบกับความสำเร็จของ “อีธาน” ได้เลยไม่ใช่แค่พ่อแม่ฉันไม่มีเวลาให้ฉันตอบไปนะแต่ยังบอกให้ฉันคอยดูแลทุกฝีก้าวด้วยมันเหนื่อยมากแต่ฉันก็ไม่เคยบ่นพ่อแม่ฉันเชื่อว่าเนี่ยเป็นความท้าทายอย่างที่สุดของครอบครัวของเราฉันนึกภาพไม่ออกเลยว่าพวกเขาจะผิดหวังแค่ไหนถ้าเขารู้ว่าฉันคิดต่างออกไปเพราะฉะนั้นฉันเลยเก็บความรู้สึกทั้งหมดไว้กับตัวเองแต่แน่ล่ะวันนึงทุกอย่างก็เปิดเผยออกมา
ฉันอายุครับ 15 แล้วรู้สึกว่าทนไม่ได้อีกแล้วน้องชายวัน 7 ขวบของฉันกลายเป็นเรื่องกวนใจในทุกวันของชีวิตฉันขณะที่เขาเริ่มโตขึ้นก็ยิ่งอยากจะไล่ตามเขามากขึ้นซึ่งจะเจอเขาอยู่ที่สวนหลังบ้านของเพื่อนบ้านกินข้าวโพดอยู่หรือนั่งอยู่บนพื้นเย็นๆแล้วก็นั่งจ้องต้นแอปเปิ้ลมาเป็นชั่วโมงแล้วก็ไม่มีอะไรในโลกทำให้เขาขยับไปตรงนั้นได้เลยไม่ว่าเราจะออกไปไหนทุกคนรอบข้างจะจ้องมองแล้วก็ชี้นิ้วใส่ครั้งนึงเราทั้งหมดไปงานปาร์ตี้ของเพื่อนแล้วก็มีผู้ชายหน้าตาดีมากคนหนึ่งฉันคิดว่าฉันชอบเขาตั้งแต่แรกเห็นเลยแล้วจากนั้นเราก็สบตากันเขาเดินลงมาหาฉันก็ถามว่าฉันชื่ออะไรเขามีรอยยิ้มที่เปี่ยมเสน่ห์ที่สุดในโลกเลยหัวใจฉันเต้นแรงมากฉันกำลังจะตอบแต่แล้วฉันก็พบว่าตัวเองนอนอยู่บนพื้นในสภาพที่ไม่น่ามองสุดๆน้องชายของฉันนั่งทับอยู่บนตัวก็ร้องไห้โวยวายอย่างไม่มีเหตุผลพอฉันลุกขึ้นฉันก็เห็นผู้ชายคนที่ฉันเพิ่งคุยด้วยไปยื่นอีกฟากนึงแล้วก็หัวเราะกับสาวคนอื่นแล้ว
คุณนึกภาพไม่ออกหรอกว่าฉันโกรธเกรี้ยวแค่ไหนฉันเกลียดความเป็น “อีธาน” ขึ้นมาตอนนั้นดูเหมือนไม่มีอะไรจะแย่กว่านั้นอีกละแต่กลายเป็นว่าความจริงยังเลวร้ายได้อีกตอนนี้ “อีธาน” โตพอจะไปโรงเรียนแล้วเขาก็จะใช้เวลาส่วนใหญ่ที่นั่นฉันเลยรอให้ถึงตอนนั้นมากจริงๆฉันหวังว่าน่าจะเป็นการปลดปล่อยตัวฉันเองด้วยจะคิดผิดพ่อแม่ฉันอยากให้ “อีธาน” รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นเด็กปกติและได้พูดคุยกับเด็กทั่วๆไปเขาก็เลยทำทุกทางเพื่อโน้มน้าวคุณครูให้เขาได้มาเรียนที่โรงเรียนเดียวกับฉันและพวกเขาก็ทำสำเร็จซะด้วยสิโชคร้ายสำหรับฉันที่ฝ่ายประถมและมัธยมบ้างอยู่ในอาคารเดียวกันฉันก็เลยต้องพาน้องไปโรงเรียนแล้วก็คอยรับเขาหลังเลิกทุกวันเพื่อนทุกคนของฉันตอนนี้รู้เรื่องของน้องชายเด็กพิเศษของฉันละและนั่นคือสิ่งสุดท้ายที่ฉันต้องการมันหายนะชัดๆ
ฉันโชคดีที่ไม่ต้องอยู่ใกล้เขาในวันแรกของการไปโรงเรียนเพราะแม่ฉันพาเขาไปด้วยตัวเองแต่เมื่อได้เวลาพาเขากลับบ้านฉันไม่อาจพาตัวเองไปที่ชั้นเรียนของเขาได้เพื่อนของฉันทุกคนนั่งอยู่ที่สนามในโรงเรียนแล้วต้องเห็นฉันกับเขาแน่เมื่อในที่สุดฉันเดินไปรับเขาฉันจะไม่พบเขาที่ห้องเรียน ฉันได้ยินเสียงแปลกๆดังมาจากระเบียงและพอไปดูก็เห็น “อีธาน” นอนอยู่บนพื้นมีเพื่อนร่วมชั้นยืนล้อมรอบแล้วก็หัวเราะเขากำลังร้องไห้เมื่อเห็นฉันเขาเรียกฉันแล้วก็ขอให้ฉันช่วยแต่ฉันแค่ยืนอยู่อย่างนั้นแล้วก็มองดูฉันไม่ได้ทำอะไรเลยพอเด็กคนอื่นเห็นฉันพวกเขาก็วิ่งหนีไปฉันไม่ได้ช่วยดึง “อีธาน” ลุกขึ้นด้วยซ้ำเขาสงบอย่างน่าแปลกใจตลอดทางกลับบ้านแล้วเชื่อไหมว่าฉันไม่ได้รู้สึกเสียใจเลยสิ่งเดียวที่ฉันคิดก็คือ “อีธาน” จะบอกพ่อแม่ฉันถึงสิ่งที่เกิดขึ้นหรือเปล่าและเขาก็บอกพ่อแม่จริงๆว่าเกิดอะไรขึ้น พ่อแม่โกรธฉันมากพวกเขาไม่อยากเชื่อเลยว่าลูกสาวของพวกเขาจะทำตัวแย่ได้ขนาดนี้ตอนนี้ก็เลยทำให้พ่อแม่ผิดหวังทั้งหมดเนี่ยยิ่งทำให้ฉันเกลียดน้องชายของฉันยิ่งขึ้นเขาเอาพ่อแม่ชื่อเสียงและชีวิตทั้งชีวิตของฉันไป
ไม่นานหลังจากนั้นเรื่องนี้ก็ค่อยๆลบเลือนไปแต่ก็ยังมีเรื่องใหม่เข้ามาคุณย่าแม่ของพ่อฉันป่วยหนักมากคุณย่าอาศัยอีกเมืองนึงพ่อแม่ฉันก็เลยต้องไปที่นั่นเพื่อไปเยี่ยมเธอการเดินทางใช้เวลาไม่นานกว่า 2 วันพวกเขาก็เลยให้ฉันดูแลบ้านแต่แน่นอนน้องชายที่รักของฉันฉันพยายามทำให้พวกเขาเชื่อว่าทุกอย่างจะเรียบร้อยดีฉันจะเป็นพี่สาวและคนดูแลบ้านที่เพอร์เฟคแต่ทันทีที่พวกเขาจากไปฉันก็เรียกเพื่อนทั้งหมดมาที่บ้านแล้วเริ่มปาร์ตี้กันทุกอย่างเป็นไปได้ด้วยดีมากเราสนุกกันแบบสุดเหวี่ยงไม่มีใครให้ความสนใจ “อีธาน” นานเท่าไหร่เขาสงบดีและยังกลัวนิดหน่อยด้วยเพราะว่าพ่อแม่ไม่อยู่ใกล้ๆเขาเลยไม่เข้ามากวนใจเรามากนักนะเพื่อนฉันซื้อขนมมาหลายแบบ เขาก็เลยง่วนกับการไล่ชิ้นแต่ละอย่างฉันคิดว่านี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ฉันมีความสุขแต่ทันใดนั้นฉันก็เห็นมี “อีธาน” นั่งอยู่บนพื้นแล้วก็หายใจหอบหนักเราวิ่งตรงไปหาเขาใบหน้าเขาแดงก่ำแล้วก็ปากบวมเจ่อมีเค้กช็อกโกแลตตกอยู่บนพื้นใกล้ๆ
เค๊กช็อกโกแลตใส่ถั่วฉันลืมไปได้ยังไงกันน่ะน้องชายของฉันแพ้ถั่วทุกอย่างรุนแรงเขาอาจหายใจไม่ออกในนาทีไหนก็ได้เราเลยต้องรีบพาเขาไปโรงพยาบาลให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ฉันจำแทบไม่ได้ว่าเราไปถึงโรงพยาบาลได้ยังไงแล้วตอนหมอโทรเรียกพ่อแม่ฉันกับสายตาเชิงวิจารณ์ที่เพื่อนมองฉันเป็นยังไงโชคดีที่ “อีธาน” รอดชีวิตมาได้แค่นั่งอยู่ในห้องที่โรงพยาบาลรอคอยความโกรธเกรี้ยวของพ่อแม่เมื่อพวกเขามาถึง “อีธาน” เพิ่งฟื้นพวกเขาถามว่าเรื่องพวกนี้เกิดขึ้นได้ยังไงหัวใจฉันหล่นวูบแล้วอยู่ๆเขาก็พูดว่าผมเจอถั่วอยู่ในตู้ก็เลยกินเข้าไปขอโทษฮะแม่ฉันพูดไม่ออกเด็กน้อยคนนี้รู้แน่นอนว่าเกิดอะไรขึ้นเขารู้ด้วยว่าฉันปฏิบัติกับเขายังไงแต่เขาไม่ได้แฉฉันเขามีจิตใจใสซื่อบริสุทธิ์แล้วฉันทำอะไรลงไปฉันร้องไห้โฮแล้วก็บอกความจริงทุกอย่างกับพ่อแม่ไปตามตรงฉันยังร่ำร้องบอกเหตุผลทุกอย่างและความคิดที่ฉันมีตลอดหลายปีที่ผ่านมาเอาไปด้วยฉันรู้สึกรังเกียจตัวเองแล้วก็คิดว่าตัวเองไร้ประโยชน์สิ้นดี
แน่นอนว่าพ่อแม่ฉันช๊แกไปเลยแต่ฉันไม่ได้เห็นปฏิกิริยาอย่างที่คาดไว้นะพ่อฉันก่อนฉันอย่างอบอุ่นแล้วก็ถามว่าอยากจะออกไปเดินเล่นกับเขาไหมตอนแรกก็แค่เงียบจากนั้นเขาก็บอกว่าพ่อเข้าใจว่ารู้สึกยังไง “โซอี้” ถ้าเพียงแต่ลูกจะรู้ตาพ่อแดงก่ำเขาเกือบร้องไห้ละซึ่งไม่ใช่เรื่องปกติสำหรับเขาเลยแล้วก็ทำให้ฉันกลัวไปด้วยจากนั้นพ่อจะเล่าเรื่องเล่าให้ฉันฟังพ่อเล่าให้ฉันฟังว่าครั้งหนึ่งเท่ากับแม่เคยทำความผิดพลาดที่ใหญ่หลวงที่สุดในชีวิตฉันไม่ใช่ลูกคนแรกของครอบครัวพ่อแม่ฉันเริ่มคบกันตั้งแต่มัธยมและแม่ฉันก็เกิดท้องพวกเขาเพิ่งอายุ 17 แล้วก็กลัวแทบแย่แม่ฉันให้กำเนิดเด็กแต่ปรากฏว่าทารกคนนั้นน่ะเป็นเด็กพิเศษลูกสาวของพวกเขาเป็นดาวน์ซินโดรมพ่อของฉันบอกว่าพวกเขาไม่พร้อมจะรับมือกับเรื่องนี้พ่อแม่ของพวกเขาก็ยังต่อต้านเด็กคนนี้แล้วก็โน้มน้าวน้ำไม่ให้พวกเค้าทำลายชีวิตของตัวเองพ่อแม่ฉันเลยยกเด็กให้คนอื่นไปไม่นานหลังจากนั้นพวกเขาก็รู้สึกตัวและพยายามจะเอาเด็กกลับมาแต่ทุกอย่างสายไปละ
ลูกสาววัยทารกของพวกเขาเสียชีวิตไปแล้วโดยไม่ทราบสาเหตุพ่อแม่ของฉันไม่เคยยกโทษให้ตัวเองหรือข้ามผ่านโศกนาฏกรรมราชการครั้งนั้นไปได้เลยตอนนั้นเองที่เขาตัดสินใจจะเป็นสูตินารีแพทย์เพื่อชดเชยกับสิ่งที่พวกเขาทำลงไปนั้นจึงเป็นเหตุผลที่พวกเขารับอุปการะ “อีธาน” ฉันแทบจะไม่หายใจเลยตอนได้ยินพ่อเล่าเรื่องนี้กระตุกเตือนให้ฉันคิดอะไรได้อย่างแจ่มชัดฉันได้รู้ว่าทุกคนก็มีความผิดพลาดที่เก็บซ่อนไว้กระทั้งคนที่ดูเหมือนจะสมบูรณ์แบบและชีวิตประสบความสำเร็จอย่างพ่อแม่ฉันไม่มีใครสมบูรณ์แบบและไม่เคยทำเรื่องผิดพลาดแต่อยู่ที่ว่าคุณจะตระหนักถึงความผิดพลาดนั้นแล้วก็พยายามเป็นคนที่ดีกว่าเดิมไหมฉันไม่ได้จะบอกว่าชีวิตของเราหลังจากนั้นสบายขึ้นนะการจัดการกับ “อีธาน” ก็ยังคงเป็นเรื่องยากสำหรับฉันเพราะฉันไม่ใช่แม่พระแต่ฉันก็เริ่มยอมรับได้แล้วแล้วก็มีความสุขได้ฉันยังมีความเห็นอกเห็นใจและก็รักน้องชายฉันมากขึ้นรวมทั้งเข้าใจพ่อแม่ก่อนเมื่อก่อนด้วย
บอกฉันถึงความผิดพลาดที่เลวร้ายที่สุดที่คุณเคยก่อในชีวิตที่สิคุณจัดการกับความผิดพลาดนั้นยังไงฉันเล่าเรื่องของฉันอย่างจริงใจและซื่อสัตย์มากและดังนั้นฉันหวังว่าพวกคุณจะไม่ตัดสินฉันจนเกินไปนักถึงอย่างนั้นฉันจะดีใจมากที่ได้อ่านคอมเมนต์แล้วก็เรื่องราวของพวกคุณแชร์วีดีโอนี้กับเพื่อนๆของคุณได้ตามสบายเลยนะ