พ่อของผมออกมาจากเรือนจำและผมจำเขาไม่ได้
ไงพวก! ผม ดีแลน และผมอายุ 13 ปี เท่าที่ผมจำได้ผมอยู่แต่กับแม่ส่วนพ่อของผมถูกจับกุมตัวไปก่อนที่ผมจะเข้าโรงเรียน กระทั่งทุกอย่างเปลี่ยนไป
เมื่อพ่อของผมได้ออกจากเรือนจำแม่กับผมไปที่สถานีเพื่อได้พบพ่อ รถไฟมาถึงและผู้คนเริ่มลงจากรถ ขณะที่ผมพยามเดาว่าคนไหนคือพ่อของผม มีชายร่างสูงคนหนึ่งตรงมาหาผมและพูดว่า “เฮ้! ดีแลน ฉันลืมไปแล้วว่านายหน้าตาเป็นอย่างไรไอ้ลูกชาย” แล้วกอดผมแน่น เขาจูบแม่ของผมแล้วเราไปที่รถ ตลอดทางผมไม่สามารถหยุดมองเขาได้ เขาดูเหมือนที่ผมได้จินตนาการไว้ทุกอย่าง พ่อตัวใหญ่และแข็งแรง ผู้ซึ่งจะเป็นตัวอย่างและจะสามารถสอนผมได้ทุกอย่าง ในที่สุดวันคืนที่ดี ๆ ก็เกิดขึ้นที่นี้ เราเดินเล่นพูดคุยกันสนุกด้วยกันและมันชดเชยสำหรับเวลาที่ขาดหายไป ผมโชว์รูปถ่ายและเล่าให้เขาฟังเกี่ยวกับโรงเรียนและเพื่อนๆ เขาฟังอย่างกระตือรือร้นและถามผมเกี่ยวกับทุกสิ่งทุกอย่าง ผมมีความสุขมากที่ตอนนี้พ่อกลับมาแล้ว พ่อเริ่มหางานทำและไปสัมภาษณ์บ่อย ๆ แต่ทุกครั้งเขาก็กลับมาถึงบ้านด้วยความเศร้า เค้ายังคงรู้สึกแย่เพราะประวัติอาชญากรรมของเขา ผมได้ยินว่าเขานั้นเศร้าแค่ไหนหลังถูกปฏิเสธงานอีกครั้ง “ฉันได้กลับตัวแล้ว’’ เขาพูด
ฉันมีสิทธิ์ที่จะใช้ชีวิตตามปกติ แม่ก็อารมณ์เสียไปด้วยเพราะเธอต้องหาเงินให้พวกเราทุกคน ไม่ช้าพ่อของผมก็เลิกหางานทำและนั่นทำให้แม่ของผมเสียใจอย่างมาก บางครั้งผมได้ยินพวกเขาทะเลาะกันแต่ต่อหน้าพวกเขาแกล้งทำเป็นว่าทุกอย่างเรียบร้อยดี สถานการณ์ในบ้านกำลังตึงเครียดแต่เพื่อเป็นการสร้างกำลังใจให้ผม พ่อมักพาไปที่ร้านกาแฟหรือดูหนังและให้เงินติดตัวไว้ เมื่อผมถามเขาว่า “พ่อครับ ถ้าพ่อมีปัญหาการหางานแล้วพ่อมีเงินพวกนี้ได้อย่างไร’’ เขายิ้มให้ผมแล้วพูดว่า “ดีแลนลูกรัก พ่อจะหาวิธีที่ทำให้ลูกมีความสุขให้ได้’’ เมื่อเขาพูดคำเหล่านี้ผมรู้สึกอบอุ่นและสบายใจ ผมลืมปัญหาของเราทันทีและเชื่อว่าทุกอย่างจะดี แต่ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงแม้ว่าผมจะพยายามอย่างหนักเพียงใดที่จะเชื่อว่ามันจะดีขึ้น แต่แล้วแม่กับพ่อของผมก็ยังคงทะเลาะกัน คืนหนึ่งผมต้องการลงไปที่ห้องครัวเพื่อดื่มน้ำแล้วสังเกตเห็นว่าไฟเปิดอยู่ ข้างล่างผมเห็นพ่อกระซิบกระซาบกับชายที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ชายแปลกหน้าที่มีมือที่ใหญ่และแข็งแรง
เขาทำให้ผมรู้สึกกลัวด้วยการมองเพียงครั้งเดียว เขาสังเกตเห็นผมและยิ้ม “ว้าว! นี้คือ ดีแลน ของนายเหรอ ทำไมเราไม่พาพ่อนักสู้นี่ไปด้วยละ เขาตัวเล็กพอที่จะเป็นประโยชน์นะ’’ พ่อดึงเขาออกมา ชู่ว! พ่อส่งผมกลับไปที่ห้อง “เขานอนได้แล้วดีแลนลูกต้องไปโรงเรียนแต่เช้า’’ ผมเผลอหลับพยายามคิดว่าคนแปลกหน้าคนนี้คือใคร แล้วเขามาทำอะไรที่บ้านเราตอนกลางคืน ในตอนเช้าเราทานอาหารเช้าตามปกติ แล้วความอยากรู้อยากเห็นของผม
ดังนั้นผมจึงถามพ่อว่า “เมื่อคืนนี้ ใครอยู่กับพ่อครับ เขาทำให้ผมรู้สึกกลัวจัง’’ ทั้งพ่อและแม่มองมาที่ผมแล้วก็เงียบไปชั่วครู่จนหน้าอึดอัดใจ “ลูกคงฝันไปแล้วละลูกชาย’’ พ่อเริ่มพูด “ดีแล้นกลับไปที่ห้องของลูก!’’ แม่ขัดจังหวะขึ้นอย่างเกรี้ยวกราด ผมรู้ทันทีว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไปและออกจากห้องครัวอย่างเงียบๆ ใช่พวกเขาเริ่มทะเลาะกันอีกครั้งแต่ครั้งนี้แม่โกรธมากเธอกรี๊ดร้องด้วยเสียงดัง ผมได้ยินเธอพูดว่า “คุณกล้าพาพวกเขาเข้ามาในบ้านของเราได้อย่างไร อย่าได้เอาเราไปเกี่ยวข้องกับธุรกิจของคุณ!’’ ผมไม่เข้าใจว่าธุรกิจของพ่อเป็นแบบไหนหรือทำไมแม่ต้องโกรธมากขนาดนี้
แต่ในเวลานั้นผมรู้สึกเสียใจกับพ่อและรู้สึกผิดที่กระตุ้นเกิดการให้ทะเลาะกันอีกครั้งเนื่องจากความอยากรู้อยากเห็นของตัวเอง ผมตัดสินใจช่วยพ่อหางานทำ พ่อของเพื่อนผมเป็นหุ้นส่วนในธุรกิจก่อสร้างและผมคิดว่าเขาอาจช่วยเราได้ หลังเลิกเรียนผมไปที่บ้านของเพื่อนเพื่อพบพ่อของเขา เขาเป็นมิตรมากและบอกว่าเขาต้องการคนงานที่ดีมาเพิ่มเสมอ เขาให้เบอร์โทรศัพท์แล้วบอกให้พ่อผมโทรหาเขา ผมมีความสุขมากระหว่างที่เดินทางกลับบ้านเพราะถ้าพ่อของผมได้ทำงานแล้วเมื่อไหร่สุดท้ายพ่อกับแม่ก็จะเลิกทะเลาะกัน พ่ออยู่บ้านเมื่อผมกลับไปถึง “สวัสดีครับพ่อ ผมมีอะไรจะบอกเพื่อนของผม เอ่อ..พ่อของเขากำลังมองหาคนงานที่บริษัทก่อสร้างของเขา ผมคิดว่าบางทีพ่อน่าจะโทรหาเขาดู ถึงจะเป็นงานที่หนักแต่ก็เป็นงานสุจริตนะครับ’’ ในคำว่าสุจริตทำให้พ่อดูขุ่นเคืองและตอบว่า “เยี่ยมมากลูก ขอบคุณ พ่อจะโทรหาเขาแน่นอน’’ และเก็บกระดาษจดเบอร์โทรศัพท์ไว้ในกระเป๋า ผมรู้สึกได้ว่าเขาไม่ต้องการทำงานและนี้คือเหตุผลว่า ก่อนหน้านี้ทำไมเขาหางานทำไม่ได้
ผมเริ่มสงสัยว่า เขาคงต้องการแค่จะทำธุรกิจของเขาและผมก็กลัวว่ามันจะจบด้วยเรื่องที่เลวร้าย ความคิดนี้รบกวนผมมากจนตอนกลางคืนผมนอนไม่หลับ ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงฝีเท้านอกประตู ผมออกไปดูว่าเป็นใคร ก็เห็นว่าพ่อของผมกำลังจะออกจากบ้าน “พ่อกำลังจะออกไปไหนเหรอครับ กลางดึกแบบนี้’’ เขาหันมาหาผมและพูดว่า “ดีแลน พ่อต้องไปทำงาน’’ “ทำงานอะไร กับคนแปลกหน้าที่น่ากลัวคนนั้นเหรอครับ ผมหางานที่ปกติให้พ่อได้แล้วนะ’’
“ลูกพ่อ พ่อทำในสิ่งที่ทำได้เพื่อหารายได้และพ่อก็ทำทุกอย่างเพื่อลูกและแม่ของลูกนะ พ่อสัญญาว่าเราจะไม่ทำอะไรเลวร้ายและทุกอย่างจะต้องดี พรุ่งนี้พ่อจะโทรหางานที่ไซต์ก่อสร้างนั่น โอเคนะลูก’’ ผมกอดเขาและพ่อก็พูดว่า “กลับไปที่ห้องเถอะ ลูกต้องตื่นแต่เช้านะ’’
เช้าวันต่อมามันดูแปลกไป พ่อไม่อยู่ที่โต๊ะอาหารเช้าและก็ไม่รู้สึกหิวแม้แต่แอ๊ปเปิ้ลลูกเดียวผมก็ยังกินไม่หมด ผมแทบอยากจะโยนมันทิ้งลงถังขยะให้เร็วที่สุด เมื่อไปถึงถังขยะ ผมก็เห็นกระดาษจดเบอร์โทรศัพท์ที่ผมมอบให้พ่อเมื่อวานนี้ ผมรู้สึกเศร้า พ่อไม่ได้แม้แต่จะโทรหางานนั้น เขาเพียงแค่โกหกเพื่อให้ผมปล่อยเขาไปตามลำพัง
ขณะนั้นเองโทรศัพท์ก็ดังขึ้น แม่รับสายและก็หน้าซีดลงทันที เธอฟังสักครู่ก่อนวางสายและพูดว่า “พ่อของลูกอยู่ที่สถานีตำรวจ’’ จากนั้นความทรงจำของผมก็เลือนลาง เราไปที่สถานีตำรวจ เจ้าหน้าที่ถามคำถามมากมาย พวกเขาบอกว่าพ่อของผมก่ออาชญากรรม ผมไม่อยากจะเชื่อเลย จนกระทั่งตำรวจโชว์วิดีโอของชาย 2 คน ที่พังประตูบ้านของใครบางคนอยู่ 1 ในนั้นรูปร่างใหญ่มากทันใดนั้นเองผมก็รู้ว่านั่นเป็นพ่อของผมและคนแปลกหน้าที่น่ากลัวนั่น
ในเวลาถัดมาผมเห็นพ่ออยู่ในห้องพิจารณาคดี ผมไม่ต้องการแม้จะมองไปทางเขา ผมรู้สึกราวกับว่าความรู้สึกที่วิเศษที่สุดในตัวผมได้ถูกเหยียบย่ำและถูกโยนทิ้งไป พ่อถูกส่งกลับเข้าคุกและตอนนี้ผมเข้าใจแล้วว่าเพราะอะไร ในครั้งนี้เขาไม่เพียงจะหลอกลวงกฎหมายเท่านั้นแต่เขายังหลอกลวงครอบครัวของเขาด้วย
พูดตามตรงแม้ว่าเขาจะไถ่ถอนตัวเองก่อนกฎหมายแต่ผมก็ไม่รู้ว่าเขาต้องทำอย่างไรเพื่อที่จะได้รับความไว้วางใจจากคนที่เขารักอีกครั้ง ขอบคุณทีรับฟังเรื่องราวของผม ผมควรยกโทษให้พ่อดีหรือไม่ คุณเคยเจอเรื่องแบบนี้บ้างมั้ย แจ้งให้ผมรู้ที่นความคิดเห็นด้านล่าง
ขอบคุณที่รับฟังเรื่องราวของผม ผมควรยกโทษให้พ่อดีหรือไม่ คุณเจอเรื่องแบบนี้บ้างไหม แจ้งให้ผมรู้ทีในความคิดเห็นด้านล่าง