ครอบครัว

พี่ชายฉันผลาญเงินของเรา ฉันเลยทำให้เขาต้องชดใช้!

ไงฉันชื่อ “เพ็นนี” อายุ 15 ปีเรื่องราวของฉันอาจดูเหลืออยู่บ้างหรือแม้แต่หน้าตกใจแต่ฉันก็มั่นใจว่าพวกคุณหลายๆ คนที่ได้ฟังจะต้องตัดสินสิ่งที่ฉันทำไปก่อนแล้วไม่กี่เดือนที่แล้วฉันแจ้งความจับพี่ชายตัวเองอีกไม่นานเขาต้องขึ้นฟังคำตัดสินของศาลและไม่เลยฉันไม่เคยเสียใจกับสิ่งที่ทำลงไป ก็เหมือนอย่างหลายๆ เรื่อง เรื่องราวของฉันเริ่มโดยโศกนาฏกรรมที่เกิดในครอบครัว 

2 ปีก่อนพ่อฉันเสียชีวิตในอุบัติเหตุทิ้งให้ภรรยาของเขา แม่ของฉันอยู่ตามลำพังกับเด็กอีก 2 คนฉันและ “แซม” พี่ชายคนโต “แซม” แก่กว่าชั้น 3 ปีและนับตั้งแต่วันนั้นเขาก็กลายเป็นผู้ชายเพียงคนเดียวในครอบครัวตั้งแต่ก่อนเกิดอุบัติเหตุฐานะของเราก็ไม่ได้ร่ำรวยอยู่แล้วและตอนนี้เรายังเป็นหนี้มหาศาลดังนั้นแม่ของฉันจึงต้องทำงานหลายอย่างเพื่อเลี้ยงดูลูกๆ แต่รักษาบ้านเอาไว้งานของแม่กินเวลาแทบทั้งหมดในชีวิตไปแล้วถึงฉันจะเข้าพอดีว่าแม่ทำทุกอย่างเพื่อแฟนและฉัน แต่ฉันก็ยังคิดว่าเป็นความผิดของแม่ที่ไม่เอาใจใส่เราบางทีอาจจะแค่ส่วนหนึ่งแล้วตกลงเกิดอะไรขึ้นกับ “แซม” หน่ะหรอ 

“แซม” และฉันไม่ได้สนิทกันอยู่แล้วหลังจากพ่อของเราเสียชีวิตเขาก็ยิ่งเก็บตัวรักษาระยะห่างจากเราซึ่งเป็นครอบครัวหนึ่งเดียวของเขามากขึ้นเขาแทบไม่คุยกับแม่และฉันเลยแต่ขณะเดียวกันกลับคบเพื่อนทั้งกลุ่มที่มีท่าทางไม่น่าไว้ใจดูเหมือน “แซม” จะไม่ได้สนใจแม่หรือฉันเอาซะเลยแทนที่จะช่วยเหลือหรือให้กำลังใจเราในช่วงเวลาที่ยากลำบากพี่ชายของฉันดูจะคิดว่าอิสระแบบนี้คือตัวขวางกั้นไม่ให้เขาทำอะไรก็ตามที่อยากทำ กระทั่งตอนที่เขายังไม่โตเป็นผู้ใหญ่เขาก็ชอบไปนอนค้างบ้านคนอื่นบางครั้งยังหายไปนานหลายวันแต่ส่วนที่เลวร้ายที่สุดคือเขาเริ่มสั่งให้แม่และฉันเอาเงินมาให้เขา คุณรู้ไหมตอนที่ฉันสูญเสียพ่อฉันรู้เลยว่าแม่จะต้องลำบากขนาดไหนฉันหวังว่า “แซม” จะออกไปหางานทำแล้วเริ่มช่วยเหลือครอบครัวบ้างและฉันก็คิดว่านี่เป็นเรื่องเดียวที่ยุติธรรมแล้วเพราะฉันจะออกไปทำงานทันทีที่โตพอตราบใดก็ตามที่อายุฉันถึงข้อกำหนดที่ได้รับอนุญาตให้ทำงาน แต่แทนที่จะช่วย “แซม” กลับพลาญเงินจากแม่เพื่อเป็นค่าขนมโดยไม่เคยถามว่าค่าใช้จ่ายในบ้านมีพอหรือเปล่าเท่านั้นยังไม่พอเรายังไม่รู้ว่าสถานที่ลึกลับที่เขาเอาเงินไปใช้นั่นคือที่ไหนและยังมีข่าวลือในย่านที่เราอยู่ว่า “แซม” ออกไปไหนมาไหนกับพวกแก๊งคนไม่ดี

เวลาผ่านไปแต่ไม่มีอะไรในครอบครัวเราเปลี่ยนไปมากนักแม่ของฉันยังคงไม่ใส่ใจพฤติกรรมของ “แซม” เพราะแม่เองก็มีปัญหาอื่นๆ มากอยู่แล้วนักสังคมสงเคราะห์จากโรงเรียนของ “แซม” โทรมาครั้งแล้วครั้งเล่าเพื่อบอกว่า “แซม” โดดเรียนอีกแล้วและหลังจาก “แซม” เรียนจบมัธยมปลายได้อย่างปาฏิหาริย์เขาก็ยิ่งหาตัวยากกว่าเดิม  ฉันได้งานเป็นเด็กเสิร์ฟทำตามแผนที่ชั้นวางเอาไว้และขาดการติดต่อกับพี่ชายของฉันไปเลยตอนนี้เราแทบไม่ได้เจอกัน และไม่ได้คุยกันอีกแม้ว่าเราจะอยู่บ้านเดียวกันฉันทำงานอย่างหนักและนั่นก็ไม่ง่ายสำหรับฉันเลยและฉันยังหาเงินไม่ได้มากขนาดนั้นคุณคิดหรือเปล่าว่าฉันพูดเรื่องเงินมากเกินไปที่จริงฉันตั้งใจน่ะเพราะจากนี้เงินจะเริ่มเข้ามามีบทบาทสำคัญในเรื่องที่ฉันจะเล่าแล้ว

หลังจากนั้นไม่นานฉันเริ่มสังเกตเห็นว่า “แซม” มีข้าวของแพงๆ ใช้เพียงครั้งนึงตอนที่เราอยู่บ้านฉันเห็นเขาถือไอโฤนอยู่นั่นดูไม่เหมือนของใหม่เอี่ยมแต่ก็ยังเป็นรุ่นล่าสุดแซมซื้อโทรศัพท์แบบนี้ได้ยังไงฉันคงต้องเก็บเงินนานมากๆ แน่แต่ฉันก็ยังไม่แน่ใจเลยว่าจะมีปัญญาซื้อได้เวลาอยู่ข้างนอกแต่มักจะสวมเสื้อแจ็คเก็ตหนังใหม่เอี่ยมซึ่งจะพบว่าเสื้อตัวนั้นมีราคาตั้งหลาย 100 ดอลลาร์ฉันไม่เข้าใจเลยว่า “แซม” เอาของราคาแพงๆ พวกนั้นมาได้ยังไงในเมื่อเราไม่มีเงินฉันสงสัยอย่างจริงจังว่าเขาอาจมีงานทำเวลาผ่านไปฉันพยายามถามเขาตรงๆ ว่าเขาไปเอาของเหล่านั้นมาจากไหนและเขาก็ตัดบทและตอกหน้าฉันกลับแบบหยาบคาย

บอกตรงๆ เลยนะฉันเลิกคิดเรื่องพวกนี้ไม่ได้เลยฉันว่าฉันคงอิจฉาพี่ชายแม่ของฉันและฉันทำงานหนักมากแต่เราก็ยังคงหาเงินได้ไม่พอซื้อของแบบนั้นแล้ว “แซม” เอาเงินมาจากไหนเพื่อหาคำตอบให้ได้ ฉันเลยตัดสินใจแอบฟังเขาคุยโทรศัพท์กำแพงระหว่างห้องของเราบ้างพอแต่ฉันก็ยังเกิดความคิดว่าต้องทำให้เสียงที่จะได้ยินชัดขึ้นเมื่อไม่มีใครอยู่บ้านฉันจึงใช้สว่านเจาะรูเล็กๆ บนกำแพงรูแค่นี้ยากที่จะหาเจอถ้าคุณไม่ตั้งใจมองหาตั้งแต่แรกและฉันก็ยังพยายามไม่ทำเสียงดังอะไรในห้องเพื่อที่จะได้ไม่รู้สึกผิดสังเกต โอ ถ้าเพียงแต่ฉันรู้ล่วงหน้าว่าความจริงแบบไหนกำลังจะถูกเปิดเผยละก็พี่ชายของฉันสะเพร่าพอที่จะคุยเรื่องธุรกิจของตนทางโทรศัพท์กับกลุ่มเพื่อนของเขาซึ่งเป็นผู้ร่วมก่ออาชญากรรมพวกเขาเป็นขโมยจากที่พี่คุยโทรศัพท์ฉันเริ่มมองเห็นภาพทั้งหมดที่เกิดขึ้นเหมือนปริศนาตอนแรก “แซม” และเพื่อนเขาพวกพยายามขโมยกระเป๋าตังค์แบบพวกนักล้วง

แต่ทุกวันนี้คนไม่ออกไปไหนมาไหนด้วยกระเป๋าที่เต็มไปด้วยเงินสดแล้วเพราะฉะนั้นเลยไม่มีกำไรมากพอจากนั้นพวกเขาเลยพยายามขโมยโทรศัพท์แต่ตอนนี้โทรศัพท์ทุกเครื่องที่เชื่อมต่อกับผู้ให้บริการคลาวด์ที่ไหนสักแห่งการทำแบบนี้เลยเสี่ยงไป ไม่นะคนพวกนี้รู้ดีว่าความเสี่ยงคือความคุ้มเพียงอย่างเดียวเมื่อสิ่งที่พวกเขาทำมันร้ายแรงฉันได้ยินว่า “แซม” และพวกเพื่อนเพิ่งได้รู้มาว่าระบบกันขโมยในบ้านหลังหนึ่งเป็นของปลอมนี่มันประหลาดมากที่ “แซม” คุยรายละเอียดเรื่องแผนก่ออาชญากรรมอย่างเปิดเผยแต่ฉันคิดว่าเขาคงไม่ได้นึกเลยว่ามีความเป็นไปได้ที่แม่หรือฉันจะได้ยินเสียงที่เขาพูด แต่ฉันเพิ่งได้ยินทุกอย่างและคงไม่อาจทำเป็นไม่สนใจเฉยๆ ได้ฉันคิดถึงสิ่งที่ตัวเองควรทำอยู่นานมากและในที่สุดก็ตัดสินใจคุยกับ “แซม” และขอให้เขาเปลี่ยนความคิด

แล้วตอนนั้นแซมก็คลั่งขึ้นมาก็ผลักฉันติดกำแพงและขู่ยังโกรธเกรี้ยวว่าฉันไม่ควรสอดรู้เรื่องของเขาให้มากนักไม่อย่างนั้นฉันต้องชดใช้ตอนนั้นฉันกลัวมากแต่ต่อมาปฏิกิริยานี้กลับยิ่งทำให้หัวใจของฉันเต็มเปี่ยมด้วยความมุ่งมั่นตอนกลางคืนเมื่อ “แซม” และเพื่อนของเขาออกไปยกเค้าบ้านหลังนั้นฉันโทรหาตำรวจแล้วบอกทุกอย่างเกี่ยวกับพวกเขาคนพวกนั้นถูกจับคาหนังคาเขาฉันไม่ได้พยายามทำตัวเป็นบุคคลนิรนามดังนั้นเลยไปที่นั่นกับแม่และเราก็เห็นทุกอย่างแม่ของฉันร้องไห้เมื่อเห็น “แซม” ถูกจับใส่รถตำรวจด้วยแขนทั้งสองไพ่หลังแต่ข้างในฉันกลับไปปิติยินดี “แซม” ได้รับผลของสิ่งที่เขาทำแล้วหลังจากนั้นฉันคุยกับพี่ชายของฉันแค่ครั้งเดียวเขาขู่ฉันว่าฉันก็ต้องเสียใจกับสิ่งที่ทำลงไปไม่นาน “แซม” จะต้องขึ้นศาลและฉันเชื่อว่าเขาจะต้องถูกจับเข้าคุกแต่ฉันคิดว่าการเข้าคงเป็นเรื่องที่ดีสำหรับตัวเขา

ช่วยบอกฉันทีว่าคุณจะทำยังไงกับสถานการณ์แบบนี้คุณจะแจ้งว่ามีอาชญากรรมเกิดขึ้นไหมถ้าญาติของคุณเองมีส่วนเกี่ยวข้องช่วยแบ่งปันความคิดในช่องคอมเม้นต์และกดติดตามช่องหน่อยนะ 

เรื่องเล่าที่เกี่ยวข้อง

0 0 votes
Article Rating
Subscribe
Notify of
guest
0 Comments
Inline Feedbacks
View all comments
Back to top button
0
Would love your thoughts, please comment.x
()
x

ปิดโปรแกรมบล็อคโฆษณา

กรุณาปิดโปรแกรมบล็อคโฆษณาก่อนนะ เพราะเว็บจะอยู่ได้ก็จากป้ายโฆษณา