ผมไม่สามารถช่วยแฟนสาวจากพ่อของเธอได้
สวัสดีทุกคน ผมคือ “กอร์ดอน” ผมอายุ 17 ปี และเป็นเวลา 1 ปีแล้วที่ผมมีแฟน ใช่ผมเคยมีแฟน และผมอยากจะบอกว่าคุณว่า ทำไมผมถึงเลิกกับเธอ ผมชอบ“เอมม่า” มาก เธอเป็นผู้หญิงที่บอบบางและสวยมาก ผู้หญิงสมัยใหม่ส่วนใหญ่มุ่งมั่นที่จะไม่ด้อยกว่าผู้ชาย แต่ “เอมม่า” นั้นมีความอ่อนโยนอย่างแท้จริง เธอให้ผมเลือกหนังที่จะดู หรืออาหารที่จะสั่ง และเธอไม่เคยโต้เถียงผม ผมมักจะรู้สึกแข็งแกร่งและเป็นชายชาตรีเสมอ เมื่อผมอยู่กับเธอ แต่เมื่อเวลาผ่านไปผมพบว่า คุณสมบัติแบบนี้มันน่ารำคาญแลยทีเดียว บางทีผมอาจไม่เห็นคุณค่าว่าผมโชคดีขนาดไหน แต่ผมเบื่อเพราะ เธอเห็นด้วยกับผมเสมอ สิ่งเดียวที่เธอเข้มงวดอย่างมาก คือเวลาที่เธอต้องกลับถึงบ้าน เธอถูกทำให้หวาดกลัวในความคิดที่ว่า เธอจะต้องถึงบบ้านภายใน 2 ทุ่ม ครั้งหนึ่งเราติดอยูในการจราจรในระหว่างกลับบ้านจากการดูหนัง และเธอสะอื้นอย่างรุนแรงตลอดทางกลับบ้าน และเธอไม่ต้องการอธิบายให้ผมฟังว่า ทำไมเธอไม่ยอมโทรกลับบ้าน และอธิบายว่าทำไมเธอถึงบ้านช้าสัก 15 นาที ตอนแรกผมคิดว่าพ่อแม่ของเธอเข้มงวดมาก
แต่เมื่อผมพบพวกเขาเมื่อตอนไปปิกนิค พวกเขาก็ดูใจดีมาก แม่ของ “เอมม่า” สวยมาก และกริยาท่าทางของ “เอมม่า” เหมือนแม่ของเธอมาก เงียบ และสุภาพมาก จนผมสงสัยว่าเธอเคยดุใครในชีวิตหรือเปล่า “มาร์ค” พ่อของ “เอมม่า” สร้างความประทับใจให้ผมมาก สดใส ฉลาด มั่นใจในตนเอง และมีเสน่ห์ ผมอายที่จะยอมรับสิ่งนี้ เมื่อผมพยายามเปรียบเทียบเขากับพ่อของผมเอง และตาแก่ของผมก็แพ้ทุกทาง ในวันที่ปิกนิคผมถ่ายรูปเยอะแยะ และวันถัดมาแม่ผมและผมได้ไปเยี่ยมน้องสาวของเธอ และน้าของผมเอง ผมรักน้า “แมร์รี่” ตั้งแต่เด็ก และมักจะเล่าทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นในชีวิตของผมให้เธอฟัง ดังนั้นเธอจึงรู้ว่าผมมีแฟน และตอนนี้ผมบอกกับน้า “แมรรี่” ว่า ในที่สุดผมก็พบกับครอบครัวของ “เอมม่า” แล้ว แล้วผมได้เอาภาพถ่ายที่ไปปิกนิค ให้น้าแมรรี่ดู น้า “แมรรี่” แทบรอไม่ไหวที่เห็นภาพจนกระทั่งเธอเห็นข่อของ “เอมม่า” อยู่ในนั้น เธอตกใจและมือไม้สั่น เธอรู้ไหมว่าเขาชื่ออะไร เธอถามในสิ่งที่แปลกและว่างเปล่า และเมื่อผมตอบ แน่นอน เขาคือ “มาร์ค” เธอกระโดดขึ้นและวิ่งออกจากห้อง แม่ของผมวิ่งตามเธอไป และทิ้งผมไว้ตามลำพังในห้อง ในไม่ช้าแม่ของผมก็กลับมา และดูจริงจังมาก เธอจะไม่เป็นไร แม่พูด และตอบคำถามที่ผมมีในใจว่า เธอต้องรู้อะไรบางอย่าง
เมื่อก่อนนี้น้าของเธอรู้จัก.. “มาร์ค” เป็นอย่างดี และมันก็เป็นเรื่องราวที่น่ากลัวที่สุดในชีวิตของเธอ และแม่ของผมบอกว่า น้า “แมรรี่” กับ “มาร์ค” เคยคบหากันมาก่อน นานมาแล้วก่อนที่ผมจะเกิด ทุกอย่างเริ่มต้นด้วยดี และน้า “แมรรี่” ก็เดินหน้าด้วยความรักกับผู้ชายเกร่งฉกาจคนนี้ แต่ไม่นานเธอก็ตะหนักว่า “มาร์ค” พยายามควบคุมเธอมากขึ้นเรื่อยๆ เขาคอยตัดสินว่าเธอควรสวมเสื้อผ้าแบบไหน เธอควรคบใครเป็นเพื่อน และ หนังสือเล่มไหนที่เธอควรอ่านแต่เมื่อเธอพยายามคัดค้านเขา ก็ยิ่งก้าวร้าวก้าวร้าวมากขึ้น เมื่อเขาตบตีเธอเป็นครั้งแรก เธอก็พร้อมที่จะเลิกกับเขา แต่เขาไม่ต้องการปล่อยเธอไป เขากลายเป็นคนดีอีกครั้ง และขอให้เธออภัยให้ เขาสัญญาว่าจะเปลี่ยนแปลง
แต่ไม่มีอะไรเปลียนแปลง ทันทีที่ “แมรรี่” คิดว่าทุกอย่างจะกลับมากปกติ “มาร์ค” เริ่มยึดเกราะแน่น และทุกอย่างกลับกลายเป็นแย่ลงอีกครั้ง “แมรรี่” พยายามทิ้งเขาไป และเขาก็ไม่ปล่อยเธอไป และเรื่องราวก็เกิดขึ้นซ้ำอีกครั้ง และอีกครั้ง และอีกครั้ง ในตอนท้าย “แมรรี่” ไม่เข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้น และสิ่งที่เธอรู้สึกต่อ “มาร์ค” ไม่ว่าเธอจะรักเขา หรือไม่ว่าเธอจะกลัวเขา เธอบอกกลับพ่อแม่ว่า ทุกอย่างยอดเยี่ยมและเธอจะแต่งงานกัน จนกระทั่งพี่สาวของเธอ นั่นคือแม่ของผมเอง สังเกตุเห็นรอยฟกช้ำที่มือของเธอ แม่ของผมจึงขอร้องให้เธอบอกความจริงออกมา แม่ผมช่วยน้า “แมรรี่” ในการกำจัดคนไม่ดีคนนี้ และเธอไปหาตำรวจ และ “เแมรรี่” ได้รับคำสั่งของศาล ให้ “มาร์ค” ออกห่างจากเธอ “แมรรี่” ไม่เคยลืมความสัมพันธ์นี้ ยาหรือนักจิตวิทยาไม่สามารถช่วยเธอได้ ตั้งแต่นั้นมา เธอก็กลัวที่จะมีความรักและอยู่คนเดียวตลอดไป ผมช็อคมาก และเมื่อเรากลับไปถึงบ้าน ผมก็คิดถึง “เอมม่า” แม่ของเธอและ “มาร์ค” ผมเริ่มตะหนักว่า เขาไม่ได้เปลี่ยนเลย
ผมจำได้ว่า แม่ของ “เอมม่า” เขาสวมเสื้อแขนยาว อาจจะซ่อนรอยช้ำจากสามีของเธอเป็นได้ และผมก็จำได้ว่าทั้งเธอและลูกสาวเห็นด้วยอยางว่าง่ายกับเขาอย่างไร และผมยังจำได้ว่า “เอมม่า” เคยกลัวการกลับบ้านดึกแค่ไหน เธอกลัวแทบตายเลยล่ะ ผมต้องสารภาพว่า เมื่อผมออกไปข้างนอกกับ“เอมม่า” ในครั้งต่อไป ผมได้ทำการทดลองที่โหดร้าย เราไปร้านกาแฟที่ผมเคยสั่งขนมบลูเบอรี่ให้เธอเสมอ
ผมเคยคิดว่าเธอชอบ แต่ตอนนี้ผมไม่แน่ใจอะไรเลย เมื่อเรานั่งที่โต๊ะ ผมถามว่า สั่งเหมือนเดิมไหม และเธอก็พยักหน้ายิ้ม ”ไม่” ผมพูด ถึงเวลาแล้วที่เธอจะจะลองทำสิ่งที่แตกต่าง ผมจะสั่งปีกไก่ทอดให้คุณ ก็ดีนะ “เอมม่า” กล่าว และรอยยิ้มของเธอก็ดูน่าสมเพช เมื่ออาหารมาถึงผมก็ลุกขึ้นแล้วพูดว่า ผมเปลียนใจแล้ว เราจะไปกันแล้ว “เอมม่า” ลุกขึ้น และหยิบกระเป๋าถือของเธอ และไม่คัดค้านสักคำ รอยยิ้มของเธอยังอยู่บนใบหน้าราวกับถูกตรอกตรึงเอาไว้ที่นั่น มันน่าขนลุกจริงๆ พ่อของคุณอยากให้ทุกอย่างเป็นอย่างนี้เหรอ ผมถามเธอด้วยเสียงตกใจ และในที่สุดเธอก็หยุดยิ้ม และผมก็ควบคุมตัวเองไม่ได้อีกต่อไป ผมบอกเธอทุกอย่างที่ได้รับรู้มาเกี่ยวกับ “มาร์ค” และ น้า“แมรรี่” ของผม “เอมม่า” ฟังโดยที่ไม่ได้มองมาที่ผม ลึกๆในใจผมหวังว่าเธอจะบอกว่า มันไม่เป็นความจริง พ่อของเธอไม่ได้เป็นแบบนั้น แต่เธอก็แค่ฟังต่อไป แต่เมื่อผมบอกกับเธอว่า แม่และเธอต้องทำอะไรบางอย่างเพื่อเปลี่ยนสถานะการณ์ และผมพร้อมที่จะช่วยเหลือพวกเขา “เอมม่า” เปลี่ยนไป เธอตะโกนใส่ผมอย่างจริงจังว่า
ผมไม่มีสิทธิ์ที่จะเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับชีวิตของพวกเขา พวกเขาทั้งคู่มีความสุขทั้งเธอและแม่ของเธอ และอีกอย่างพ่อของเธอเพิ่งมีอารมณ์ที่เคร่งเครียด และหากพวกเขาเริ่มอะไรก็ตามมันอาจกระทบกับการทำงานของเขา ผมแทบไม่เชื่อหูตัวเอง ผมแค่มองเธออย่างเงียบ ๆ ด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง และในที่สุดก็ถามว่า แม่ของคุณเต็มใจที่จะผ่านความอัปยศอดสูและการทารุณกรรมทั้งหมดนี้ เพราะเพียงให้สามีของเธอมีรายได้ที่ดีอย่างนั้นเหรอ “เอมม่า” ตอบ “คุณมันไม่เข้าใจ”
และผมสาบานได้เธอพูดแบบนั้น อย่างดูถูกในตัวผม “เอมม่า” พูดถูก ผมไม่เข้าใจในสิ่งเหล่านั้นจริงๆ และนั้นเป็นสามาเหตุที่เราเลิกกัน ผมไม่สามารถพูดได้ว่าเป็นเรื่องง่ายสำหรับผม แต่ผมก็ไม่เสียใจ
คุณหรือใครก็ตามที่คุณรู้จักเคยพบกับคนที่ใช้ความรุนแรงบ้สงหรือไม่ บอกผมในคอมเมนต์และช่วแบ่งปันเรื่องราวนี้ เพราผมคิดว่ามันสำคัญจริงๆ เพื่อต่อต้านคนที่พยายามควบคุมคนอื่นเช่นนี้