พ่อสุดเพี้ยนเรียกฉันว่า”ลูกชาย” ทั้งที่ฉันเป็นผู้หญิง!
ไงทุกคน ฉันชื่อ “โรเบิร์ตตา” อายุ 13 ปีถ้าเด็กสามารถหย่าร้างกับพ่อแม่ได้เหมือนคู่สมรสฉันจะขอหย่าขาดจากพ่อของฉันก่อนอื่น คุณจะต้องรู้เกี่ยวกับพ่อของฉัน ผู้ซึ่งฝันอยากมีลูกชายมาตลอดเขาแทบจะหมกมุ่นอยู่กับความคิดนี้ หรืออย่างน้อยเขาก็ไม่ได้บอกฉันดังนั้นเมื่อแม่คลอดพี่ชายของฉัน “โรเบิร์ต” พ่อจึงมีความสุขมากที่สุดในโลกเขาตัดสินใจที่จะปลูกฝังให้พี่ของฉันประสบความสำเร็จทางด้านกีฬาและพี่ก็ได้เป็นนักกีฬาฮอกกี้ที่ได้รับรางวัลมากมายพ่อรัก “โรเบิร์ต” มากกว่าอะไรในโลกและแน่นอนแม่ก็รักเขามากด้วยเช่นกันวันหนึ่งขณะที่ “โรเบิร์ต” กำลังเล่นบอลอยู่ข้างนอกส่วนแม่มัววุ่นอยู่กับโทรศัพท์ลูกบอลกลิ้งออกไปที่ถนน “โรเบิร์ต” วิ่งตามออกไปเก็บแล้วรถคันนึงก็ เขาเสียชีวิตในระหว่างทางที่ไปโรงพยาบาลในขณะที่มีอายุเกือบ 8 ขวบแม้ว่าทุกอย่างจะเกิดขึ้นก่อนที่ฉันจะเกิดแต่ฉันก็พอรู้ว่าพ่อแม่ของฉันเสียใจอย่างมาก
หลังจากการตายของ “โรเบิร์ต” โทษว่าทุกอย่างเป็นความผิดแม่และเขาก็คิดแบบนั้นจริงๆจากนั้นเขาก็เริ่มดื่มหนักมากแม่รักพ่อและพยายามให้กำลังใจเท่าที่จะทำได้เพื่อช่วยให้เขาผ่านทุกอย่างไปให้ได้แต่ด้วยเหตุนี้สุขภาพของแม่จึงแย่ลงและเธอใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการทดสอบทางการแพทย์เพื่อหาสาเหตุของโรคและการรักษาที่ถูกต้องอย่างไรก็ตามหลังจากผ่านไปได้ระยะหนึ่งพ่อก็เข้ารับการบำบัดและความสัมพันธ์ระหว่างเขากับแม่ของฉันก็ดีขึ้นและแม่ของฉันก็ท้องอีกครั้งหมอบอกว่าเด็กที่จะเกิดมาผู้ชายพร้อมโชว์ภาพจัดส่งโซโนแกรมให้พวกเขาดูและนั่นทำให้พ่อมีกำลังใจมากขึ้นแต่เมื่อฉันเกิดกลับไม่ใช่เด็กผู้ชายแต่นั่นก็ไม่ได้หยุดพ่อจากการสอนฉันให้เหมือนกับเด็กผู้ชายเขาพาฉันไปทุกที่ ที่เขาไปและสอนทุกอย่างที่เขารู้ตอนอายุ 6 ขวบฉันตกปลา ว่ายน้ำ เล่นฟุตบอล เบสบอลและอีกมากมายได้อย่างชำนาญฉันรู้ด้วยซ้ำว่าอะไหล่ทุกชิ้นในรถของพ่อเรียกว่าอะไรและมีไว้ใช้ทำอะไรบ้าง
แต่ต้องขอบอกว่าช่วงเวลานั้นเราสนุกด้วยกันมาก แม้ว่าเรื่องที่พ่อบังคับฉันให้ตัดผมสั้นไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรสำหรับฉันและมีบางครั้งที่เพื่อนเก่าๆของพ่อแม่ที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อนจะทักว่าฉันเป็นเด็กผู้ชายที่ดูน่ารักมากแต่ฉันก็ยังโอเคกับมันเพราะบางครั้งมันก็อาจเกิดขึ้นได้เรื่องการแยกไม่ออกระหว่างเด็กผู้ชายกับเด็กผู้หญิงจริงไหม แต่ในขณะที่ทุกคนเรียกฉันว่า “เบอร์ตี้” แต่พ่อกลับเรียกฉันว่า “บ๊อบบี้” เขามักจะบอกว่า “บ๊อบบี้” เหมาะสมกับฉันมากกว่าและฉันรู้สึกเหมือนฉันเป็นอะไรที่พิเศษแบบว่าไม่เหมือนเด็กผู้หญิงทั่วไปจนกระทั่งเมื่อฉันเข้าโรงเรียนเด็กผู้หญิงคนอื่นเริ่มล้อว่าฉันดูเหมือนเด็กผู้ชายฉันจำได้ว่าครั้งหนึ่งมีเด็กผู้หญิงที่โตกว่าไม่ยอมให้ฉันเข้าห้องน้ำหญิงเธอบอกว่าเพราะฉัน เดินเหมือนผู้ชาย พูดเหมือนผู้ชาย และดูเหมือนผู้ชาย แบบฉันควรไปเข้าห้องน้ำชายมากกว่ามันไม่ตลกเอาซะเลยมาถึงจุดนี้ฉันคิดว่าตัวเองอาจมีบางอย่างผิดปกติเนื่องจากคนรอบตัวฉันคิดว่าฉันดูไม่เหมือนผู้หญิงฉันพยายามคุยกับพ่อเรื่องนี้ฉันคิดว่าบางทีเขาอาจจะให้ฉันออกไปเล่นกีฬาที่ส่งกับผู้หญิงมากกว่าเล่นฮอกกี้แต่เขากลับไม่สนใจในสิ่งที่ฉันพูด
จากนั้นมีเด็กนักเรียนหญิงเข้ามาใหม่ในชั้นเรียนของเราเธอชื่อ “เจสซิก้า” ฉันไม่รู้ว่าทำไมแต่เมื่อเราอยู่ในกลุ่มเดียวกันในโครงงานชีววิทยาเธอกลับดีต่อฉันและไม่ว่าอะไรถ้าเราจะเป็นเพื่อนกันตั้งแต่นั้นเราก็สนิทกันมากฉันต้องบอกว่าเธอน่าจะเป็นเด็กผู้หญิงคนแรกที่ฉันสามารถพูดคุยด้วยได้นอกจากเด็กผู้หญิงจากทีมฮอกกี้ฉันไปค้างที่บ้านเธอบ่อยๆและครอบครัวเธอก็ดีกับฉันมากพ่อของเธอชอบมาเล่นหยอกล้อกับพวกเราเสมอ เขากอดและหอม “เจสซิก้า” ฉันไม่เคยได้รับอะไรแบบนี้จากพ่อของฉันมาก่อนเลย พ่อมักจะพูดห้วนๆและการตบไหล่หรือหัวของฉันเป็นการแสดงออกถึงความรักที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่เขาสามารถทำได้ตอนนั้นฉันอายุ 12 ปีแล้วแล้วฉันก็อิจฉาในความสัมพันธ์ของพวกเขาดังนั้นฉันคิดว่าบางทีถ้าฉันเปลี่ยนตัวเองให้เป็นผู้หญิงที่น่ารักสวยงามบางทีพ่ออาจจะสังเกตเห็นว่ามันเหมาะกับฉันมากกว่าและอาจจะเริ่มอ่อนโยนกับฉันมากขึ้นครั้งหนึ่งหลังจากที่พักค้างคืนที่บ้านฝน “เจส” ฉันยืมชุดเดรสจากเธอและกลับบ้านด้วยความตื่นเต้นกับปฏิกิริยาของพ่อแต่เมื่อพ่อเห็นฉันเขาก็แค่บอกว่าครั้งหน้าถ้าไปค้างบ้าน “เจส” ให้เอาเสื้อผ้าติดไปด้วยคุณพอนึกออกไหมไม่มีแบบว้าวหรืออะไรทั้งนั้น
แน่นอนว่าฉันรู้สึกอึดอัดและเจ็บปวดใจฉันไปที่ห้องและส่องกระจกฉันรู้ว่าชอบตัวเองในชุดที่ใส่อยู่มากตั้งแต่นั้นมาฉันจะใช้เงินค่าขนมทั้งหมดไปกับของสวยๆงามๆเช่นเครื่องสำอางและเครื่องประดับต่างๆฉันเริ่มดูวีดีโอบน YouTube เกี่ยวกับวิธีการแต่งหน้าให้สวยสมบูรณ์แบบและอื่นๆจะลองทำตามในตอนกลางคืนและพยายามซ่อนทุกอย่างจากพ่อของฉัน ฉันเก็บของทั้งหมดที่ฉันมีไว้ในกล่องรองเท้าในตู้เสื้อผ้าของฉันแต่แล้วฉันก็ถูกจับได้วันนั้นแม่ของฉันเข้ามาทำความสะอาดทุกอย่างในห้องและบังเอิญพบกล่องที่ฉันซ่อนไว้ฉันคิดว่าเธอจะโกรธแต่เธอกลับไม่พูดอะไรทั้งนั้นเธอแค่มองของที่อยู่ในนั้นจากนั้นก็วางไว้เหมือนเดิมและออกจากห้องไปฉันคงให้แน่ใจว่าฉันได้ยินเสียงร้องไห้เย็นวันต่อมาฉันได้ยินพ่อแม่ทะเลาะกันเสียงดังและฉันก็เข้าใจว่ามันเกิดอะไรขึ้นแม่ตัดสินใจพูดกับพ่อเรื่องฉันพ่อโกรธมากเขาไม่ฟังอะไรที่แม่พยายามอธิบายทั้งนั้นและฉันก็ได้ยินแม่พูดว่าจะเอาอะไรบางอย่างให้พ่อดู
เธอเริ่มเดินขึ้นมาข้างบนฉันคิดว่าบางทีเธออาจอยากจะเอากล่องที่ฉันซ่อนไว้ให้พ่อดูเราไม่มีทางรู้ได้ว่าเธอกำลังจะทำอะไรเพราะแม่เกิดเป็นลมขึ้นมาก่อนแล้วพ่อก็เรียกรถพยาบาลมารับเธอไปพวกเขาบอกว่าเกิดความผิดปกติบางอย่างกับหัวใจของเธอและเช้าวันถัดมาฉันก็พบว่าแม่เสียชีวิตแล้วขณะที่เล่าให้คุณฟังฉันยังคงมีน้ำตาไหลนองหน้ามันยากที่จะยอมรับได้แม้ว่าฉันจะไม่สนิทกับเธอมากนักแต่ประเด็นสำคัญของเรื่องนี้ก็คือปฏิกิริยาของพ่อที่มีต่อทุกสิ่งหลังจากงานศพของแม่และเมื่อการร่วมรับประทานอาหารเย็นและแขกทุกคนกลับไปหมดแล้วพ่อก็เข้ามาในห้องของฉัน ฉันคิดว่าเขาจะกอดฉันหรืออะไรบางอย่างเขาเพียงแค่วางมือบนไหล่ฉันจะบอกว่าต่อไปนี้ก็เหลือแค่เราสองคนแล้วนะลูกชายตอนนั้นฉันคิดว่าฉันฟังผิดเช่นบางทีเขาอาจจะหมายถึงลูกรักและพ่ออาจจะเพิ่งสับสนหลังจากสูญเสียแม่ไปแต่หลังจากนั้นไม่กี่วันฉันก็เข้าใจว่าฉันไม่ได้ฟังผิดและพ่อของฉันก็กลายเป็นคนละคน
ในตอนแรกเขาตัดสินใจที่จะจัดบ้านใหม่จะแทนที่จะจ้างคนงานมาทำเขาก็บอกว่ามันไม่ใช่เรื่องใหญ่สำหรับเราสองคนที่จะทำทุกอย่างด้วยตัวเองไม่ใช่ว่าเรามีบ้านหลังใหญ่อะไรหรอกนะแต่มันเป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลานานและฉันต้องกลับไปเรียนและฝึกฮอกกี้และอื่นๆอีกหลายอย่างฉันพยายามพูดถึงเรื่องนี้กับพ่อแต่เขาบอกว่าฉันควรหยุดร่ำไรซะทีและแค่ทำตามที่เขาบอกเท่านั้นดังนั้นตลอดทั้งสัปดาห์ฉันใช้ทุกเย็นไปกับการทาสีผนังและย้ายเฟอร์นิเจอร์และเมื่อฉันเล่าให้ “เจส” ฟังพ่อของเธอไม่ให้เธอยกถุงซื้อของที่หนักเกินไปด้วยซ้ำเพราะใช้แล้วเธอเป็นเด็กผู้หญิงไหนแม้ว่าเรื่องนี้อาจไม่ได้เป็นปัญหาอะไรแต่เมื่อฉันบอกพ่อว่าฉันต้องการให้ผนังห้องนอนของฉันเป็นสีหวานๆแบบเด็กผู้หญิงจะเข้าก็กลับทาเป็นสีน้ำเงินเข้มในตอนที่ฉันออกไปเรียนฉันพยายามค้านว่าห้องของฉันตอนนี้ดูเหมือนห้องเด็กผู้ชายมากกว่าแต่เขากลับหาว่าฉันไร้สาระและเขาไม่ต้องการที่จะพูดเกี่ยวกับอัตลักษณ์ทางเพศในบ้านของเขาอีกต่อไป
และอีกเรื่องนึงคือตอนที่พ่อลงโทษชั้นเรื่องที่ฉันได้เกรดดีในวิชาเลขโดยการริบค่าขนมชั้นไปหมดในกลางดึกคืนนั้นฉันก็พบว่าฉันเป็นประจำเดือนและผู้หญิงจำเป็นต้องใช้ของใช้สำหรับผู้หญิงใช่ไหมดังนั้นฉันจึงไปบอกพ่อว่าฉันต้องไปร้านขายของและอธิบายให้เขาฟังว่าทำไมฉันถึงต้องมาขอเงินจากเขาแต่เขากลับปฏิเสธและบอกว่าการลงโทษก็คือการลงโทษไม่ต้องพูดถึงเลยว่าฉันจะต้องจัดการกับปัญหานี้ยังไงแต่ที่ร้ายที่สุดเลยคือเมื่อไม่นานมานี้ในระหว่างเกมฮอกกี้ของฉันในช่วงกลางของเกมฉันได้ยินพ่อของฉันเริ่มตะโกนเชียร์ฉันว่าลุยเลย “โรเบิร์ต” ถึง 2-3 ครั้งมันแปลกมากจนทำให้ฉันคิดอะไรขึ้นมาบางอย่างว่าจะเป็นยังไงถ้าพ่อเสียสติและคิดว่าฉันคือลูกชายคนที่เสียชีวิตไปแล้วกำลังเล่น กำลังเล่นฮอกกี้อยู่ในตอนนี้แน่นอนว่าฉันต้องการคุยกับเขาแต่ฉันไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นยังไงดีดังนั้นฉันจึงบอกเขาไปตรงๆแล้วฉันสังเกตเห็นว่าหลังจากที่แม่เสียชีวิตไปทัศนคติของเขาที่มีต่อฉันก็เปลี่ยนไปด้วย
ฉันบอกอ้อมๆ ถึงความจริงที่ว่าเขาไม่สนใจเลยว่าฉันจะเป็นผู้หญิงแต่เขากลับทำราวกับว่าฉันกำลังพูดกับเขาด้วยภาษาอื่นจนทำให้ไม่เข้าใจอะไรเลยที่ฉันพูดแถมยังบอกให้ฉันหยุดไร้สาระและบอกว่าถ้าเป็น “โรเบิร์ต” เขาจะไม่มีทางมีความคิดอะไรแบบนี้แน่นี่มันอะไรกันฉันไม่ได้อยากเป็นเหมือนกับ “โรเบิร์ต” สักหน่อยแต่นั่นมันก็ทำให้ฉันเข้าใจได้ว่าตลอดเวลาพ่อเห็นแค่ฉันเป็นเหมือนตัวแทนลูกชายคนแรกของเขาแต่เขาไม่เคยเห็นตัวตนที่ฉันเป็นเลยฉันร้องไห้อย่างหนักตลอดทั้งคืนหลังจากนั้นประมาณ 1 อาทิตย์ฉันก็ย้ายไปอยู่ที่บ้านป้า “อนาเบล” ของฉัน ฉันโทรไปหาเธอเลยบอกว่าฉันไม่สามารถทนอยู่ที่บ้านทีไร้แม่อยู่ด้วยได้แล้วเธอก็ใจดีเสนอให้ฉันไม่อยู่ที่บ้านฉันยังไม่รู้เหมือนกันว่าฉันจะอยู่ที่นี่ได้นานแค่ไหนเพราะฉันไม่อยากรบกวนคนอื่นมากนักแต่สิ่งที่ฉันแน่ใจคือฉันไม่สามารถกลับไปใช้ชีวิตอยู่กับพ่อได้อีกแล้ว
ขอบคุณที่รับชมวิดีโอนี้จนจบนะคะและอย่าลืมกดไลค์และกดติดตามช่องนี้กันด้วยใครจะรู้บางทีเราอาจจะได้พบกันที่นี่อีกครั้งเร็วๆนี้