พี่ชายของฉันไล่ฉันและแม่ออกจากบ้านของเรา
ไงทุกคนชื่อของฉันคือ “แอนนา” และฉันอายุ 14 ปีไม่นานมานี้ฉันเพิ่งถูกทรยศฉันไม่ได้หมายถึงการที่แฟนทิ้งหรืออะไรแบบนั้นหรอกนะแต่ถ้าเป็นเรื่องนั้นก็คงเป็นเรื่องยากเหมือนกันแต่เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ว่าพวกพี่ชายของฉันเพิ่งไล่ฉันออกจากบ้านโดยไม่มีความรู้สึกผิดสำนึกใดๆ ฉันเดาว่าฉันต้องเริ่มจากการเล่าเรื่องของฉันก่อนว่าแม่ของฉันเป็นภรรยาคนที่ 2 ของพ่อและเขามีลูกชาย 2 คนจากการแต่งงานครั้งแรกดังนั้นโดยพื้นฐานก็คือฉันมีพี่ชายต่างแม่สองคนคือ “เดเหล็ก” และ “จอห์น” ฉันมีมิตรภาพที่ดีกับพวกเขาเสมอมาพวกเขาเคยมาหาพ่อของเราที่บ้านและอยู่นานด้วยหลายสัปดาห์และแม่ฉันก็ดีกับพวกเขามากปฏิบัติต่อพวกเขาเหมือนญาติสนิทของแม่พ่อพาเราทั้งหมดไปพักร้อนอย่างน้อยปีละครั้งและทุกอย่างก็เป็นไปด้วยดีมากๆอะไรๆไม่ได้เปลี่ยนไปมากนักกระทั่งพ่อแม่ของฉันจะหย่ากันหลังจากนั้น 1 ปี
ฉันหมายถึงสำหรับฉันแล้วแค่รู้สึกแปลกนิดหน่อยที่ไม่มีพ่ออยู่กับเราอีกต่อไปแต่เราก็ยังคงเจอกันบ่อยๆและยิ่งกว่านั้นพ่อยังคงพาพวกเราทั้งหมดไปเที่ยวด้วยกันระหว่างวันหยุดยาวหน้าร้อนส่วนช่วงอื่นในระหว่างปีแม่และฉันจะคุยกับ “เดเหล็ก” และ “จอห์น” ผ่าน Skype เราเล่าเรื่องล่าสุดให้กันและกันฟังเสมอว่ามีอะไรเกิดขึ้นในชีวิตบ้างอย่างที่คุณคงเดาได้ฉันเคยมีครอบครัวขนาดใหญ่ที่เป็นมิตรต่อกันแม้ว่าเราจะไม่ได้มีความสัมพันธ์ต่อกันแบบปกติธรรมดาก็ตามแต่แล้ววันที่เลวร้ายที่สุดในชีวิตฉันก็เกิดขึ้นหมอประจำครอบครัวโทรมาในตอนเช้าและบอกว่าพ่อของฉันจากไปแล้วเขามีอาการหลอดเลือดสมองโป่งพองและเขาก็ไม่รู้เลยหลอดเลือดของพ่อแตกกะทันหันและก็นะแม่และฉันคือญาติที่ใกล้ชิดที่สุดแล้วเราก็ต้องจัดงานศพจัดการอาหารและใช่เป็นเรื่องยากจริงๆที่จะจดจำอะไรๆได้ในตอนนี้ฉันรักพ่อของฉันและไม่ยุติธรรมเอาซะเลยที่ฉันต้องสูญเสียเขาไป
แน่นอนว่าเราโทรหา “เดเหล็ก” และ “จอห์น” ซึ่งอยู่ในชิคาโกทันทีและพวกเขาก็มาถึงด้วยเที่ยวบินแรกสุดและช่วยเราจัดการทุกอย่างถึงแม่จะมีฉันคอยช่วยแต่ยังมีอะไรอีกมากมายที่ทำได้ด้วยผู้ชายที่แข็งแรง 2 คนจริงไหมอย่างเช่นเรามีข้าวของของพ่ออยู่ในโรงรถและพี่ชายของฉันก็ช่วยเราเรื่องนี้ได้ดังนั้นแม่จึงเชิญพวกเขาไม่อยู่ที่บ้านเราสักหลายๆวันโดยที่เราไม่รู้เลยว่าในที่สุดพวกเขาทั้งสองจะแสดงด้านที่เลวร้ายของตัวเองออกมาอย่างที่เห็นถึงพวกเขาสองคนจะไม่ได้รบกวนอะไรเรานักแต่ก็ยังแปลกอยู่ดีที่พวกเขาทั้งคู่ไม่มีใครรีบกลับไปใช้ชีวิตในชิคาโกเลยแล้วนี่ขึ้นวันนึงระหว่างมื้อค่ำ “เดเหล็ก” ก็ถามคำถามที่ฉันไม่คาดคิดสุดๆว่าเขาจะถามสงสัยว่าพวกเขามีสิทธิ์ในทรัพย์สินอะไรของพ่อบ้างไหมคุณเชื่อที่ฉันเล่าไหมนี่เพิ่งจะผ่านไปแค่ 5 หรือ 6 วันเองตั้งแต่ที่พ่อจากไปแล้วพวกเขาก็คิดถึงเรื่องมรดกแล้วถึงจะดูไม่ยินดีเอาเสียเลยกับบทสนทนานี้แม่ก็ยังให้สัญญาว่าจะหาคำตอบของคำถามนี้ให้แม่บอกว่าพวกเขาก็ต้องคุยกันอยู่ดีแต่แค่ยังไม่พร้อมที่จะคุยกันเร็วขนาดนี้
แต่ในวันถัดมาแม่ก็ยังติดต่อทนายของพ่อปรากฏว่าในเมื่อพ่อไม่มีพ่อแม่ที่ยังมีชีวิตและไม่ได้เกี่ยวข้องทางกฎหมายใดๆกับภรรยาของเขาอีกแล้วทรัพย์สินทั้งหมดก็จะถูกแบ่งกันระหว่างลูกๆซึ่งหมายถึงพวกเราสามคน “เดเหล็ก” “จอห์น” และชั้นเรื่องนี้ไม่มีอะไรน่าประหลาดใจและทุกอย่างก็ยุติธรรมมากๆคุณคงบอกอย่างนั้นแล้วคุณก็พูดถูกเหมือนกับความจริงที่ว่าบ้านที่เราอยู่นี้ก็เป็นของพ่อด้วยเช่นกันเห็นได้ชัดว่าเขาไม่มีเวลาพอที่จะจัดการเรื่องประเด็นใส่ชื่อของแม่หลังจากการหย่าตามที่แม่พูดพ่อสัญญาว่าจะทำเพื่อประโยชน์ของฉันและตอนนี้หลังจากที่เขาเสียชีวิตฉันจะมีสิทธิ์แค่ 1 ใน 3 ส่วนที่ใหญ่ที่สุดของในบ้านซึ่งเป็นส่วนที่ฉันเกิดและโตมาในตอนนี้เป็นของพี่ชายต่างแม่ของฉันนับตั้งแต่นั้นบรรยากาศในบ้านและความสัมพันธ์ระหว่างเราทั้งหมดก็เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิงถ้าจะให้พูดแบบนั้นแม่และฉันตกตะลึงอย่างแน่นอนเพราะสองคนนี้จะบอกให้เราเอาเงินแบ่งส่วนให้พวกเขาและให้เราขายบ้านเมื่อไหร่ก็ได้เมื่อฉันรู้ว่าแม่เคยพยายามปรึกษาผู้เชี่ยวชาญหลายคนในหลายๆครั้งเกี่ยวกับกรณีของเราแต่ทุกอย่างก็ยังคงไม่ชัดเจนเอาเสียเลยระหว่างนั้น “เดเหล็ก” และ “จอห์น” ดูว่าจะอารมณ์ดีมากและเป็นมิตรกับเราเกินเหตุในเวลาที่พวกเขาต้องคุยกับฉันหรือแม่จนถึงจุดนึงฉันก็เริ่มสงสัยว่าพวกเขากำลังวางแผนอะไรบางอย่างที่จะทำอะไรหรือเปล่า
คุณก็รู้หลายครั้งฉันจับได้ว่าพวกเขากระซิบกระซาบ อะไรกันด้วยท่าทีลึกลับแต่เมื่อพวกเขาสังเกตว่าฉันมองก็จะรีบเปลี่ยนเรื่องอย่างรวดเร็วไปคุยเรื่องที่ธรรมดามากๆกันนี่ดูจะเป็นเรื่องแปลกสำหรับฉันแต่ก็ตามที่พวกเขาบอกในเมื่อไม่มีหลักฐานพวกเขาก็บริสุทธิ์ไม่นานหลังจากนั้นพฤติกรรมของพวกเขาก็เปลี่ยนอีกครั้งและคราวนี้มันเป็นสิ่งที่ไม่เหมาะสมเอามากๆพวกเขาเริ่มทำตัวเสมือนว่าเป็นเจ้าของบ้านฝ่ายเดียวจริงๆแสดงความเป็นเจ้าของหลายครั้งที่พวกเขาคุยกันเรื่องแผนการปรับปรุงบ้านในอนาคตที่ต้องทำให้เสร็จเพื่อให้บ้านเหมาะแก่การอยู่มากกว่านี้ซึ่งแน่นอนไม่ได้ถามแม่หรือฉันแม้แต่คำเดียวและหลังเรื่องทั้งหมดนี้พวกเขาก็ยังทำตัวเหมือนแขกเรื่องการทำความสะอาดทำอาหารและการออกไปซื้อของก็ตกเป็นของเราทั้งสองคน
วันหนึ่งเราหมายถึงแม่กับฉันกลับมาจากซื้อของตามปกติตอนนั้นดึกมากแล้วแล้วเราก็พบคนแปลกหน้าอยู่ในบ้านของเราหรือจะให้พูดเจาะจงกว่านั้นคือมีคู่รักหนุ่มสาวมันหลับอยู่ในห้องของแม่แน่นอนว่าแม่ฉันต้องโกรธเกรี้ยวสุดๆแม่เตะทั้งคู่ออกจากบ้านและขอคำอธิบายจาก “เดเหล็ก” และ “จอห์น” คุณรู้ไหมว่าพวกเขาพูดว่าอะไรคนมารยาทดี 2 คนนั้นคือเพื่อนของพวกเขาที่ไม่มีที่ไปในคืนนี้ถึงพวกเขาจะบอกว่าเป็นความผิดของพวกเขาเองที่ไม่ได้ตามขึ้นมาเพื่อดูก่อนว่าห้องมีคนอยู่หรือไม่สถานการณ์ทั้งหมดก็ยังคงลุกลามเกินการควบคุมและไม่อาจยอมรับได้เลยวันต่อมากลายเป็นว่าเครื่องประดับราคาแพงจำนวนหนึ่งของแม่หายไปพร้อมกับแขกที่ไม่เป็นที่ต้อนรับพวกนั้นแต่เมื่อแม่บอก “เดเหล็ก” และ “จอห์น” ว่าเกิดอะไรขึ้นพวกเขาไม่เพียงแต่ปฏิเสธทุกอย่างแต่ยังเคืองเพราะเรื่องนี้ด้วยหลังจากนั้นเราเลยยื่นเงื่อนไขแบ่งกันใช้ห้องทั่วไปในบ้านอย่างห้องครัวและห้องนั่งเล่นและพื้นที่ส่วนตัวออกจากกันซึ่งเหตุผลก็เห็นได้ชัดอยู่แล้วโดยที่ส่วนของพวกเขาใหญ่เป็น 2 เท่าของส่วนฉันกับแม่การจัดการครั้งนี้ไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาเรื่องเป็นส่วนตัวหรือช่วยให้ความสัมพันธ์ในครอบครัวดีขึ้น
ครั้งหนึ่งเมื่อถึงตอนค่ำของวันก่อนการสอบครั้งสำคัญของฉันและแม่ต้องตื่นเช้ามากในวันต่อมาพี่ชายที่รักทั้งสองคนตัดสินใจจัดงานปาร์ตี้ครั้งใหญ่ในเขตแดนส่วนกลางทั้งแม่และฉันไม่อาจนอนหลับได้เลยในคืนนั้นและฉันลงเอยด้วยการได้เกรดต่ำมากๆในการสอบดังนั้นพวกเขาก็เลยเลี้ยงอาหารมื้อใหญ่เราหลังจากนั้นและฉันต้องเข้าโรงพยาบาลเพราะอาการแพ้อาหารทะเลอย่างรุนแรงฉันรู้ว่าพวกเขารู้แต่ “เดเหล็ก” และ “จอห์น” พยายามจะบอกให้ทุกคนเชื่อว่าพวกเขาเปล่าหลังจากเรื่องนั้นแม่ฉันเลยตัดสินใจว่าเราย้ายออกไปดีกว่าที่จะปล่อยให้เกิดเรื่องร้ายแรงคุกคามจากการทําสงครามเย็นกันตอนนี้เราเลยต้องมาเบียดกันในอพาร์ทเม้นท์แคบๆเพราะเงินเก็บทั้งหมดที่เราเก็บไว้นำไปจ่ายทนายหมดแล้วใช้อย่างน้อยที่สุดและฉันก็พยายามสู้กับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในเรื่องมรดกและฉันก็ผิดหวังโศกเศร้ากับการที่คนสองคนที่ครั้งนึงเคยใกล้ชิดกันมากสามารถโหดร้ายกับเราได้ขนาดนี้
ฉันจะยินดีมากหากได้รับกำลังใจจากพวกคุณในช่องคอมเม้นต์วีดีโอนี้คุณจะแบ่งปันเรื่องราวของฉันให้ใครก็ได้นะ