ฉันพบจดหมายในห้องใต้หลังคาซึ่งส่งมาจากแม่ผู้ให้กำเนิดฉัน
ไงฉันชื่อ “เอเวอลีน” ฉันเคยเป็นเด็กธรรมดาและคิดว่าชีวิตตัวเองปกติบางทีอาจจะอยู่ในขั้นน่าเบื่อด้วยซ้ำสิ่งเดียวที่ทำให้ฉันผิดแปลกออกมานั้นคือข้อเท็จจริงที่ว่าฉันเป็นเด็กผู้หญิงคนเดียวในจำนวนพี่น้อง 5 คนฉันมีน้องชาย 4 คนแต่ไม่นานมานี้ทุกอย่างก็เปลี่ยนไปมากเสียจนฉันรู้สึกเหมือนตัวเองอยู่ในซีรีย์ทางทีวีที่เต็มไปด้วยเรื่องดราม่าและความซับซ้อนงานใหม่ของพ่อฉันเป็นสิ่งที่ทำให้วงจรของเหตุการณ์ที่เปลี่ยนแปลงชีวิตนี้เกิดขึ้นคืนนึงเขากลับมาจากที่ทำงานแล้วบอกว่าเราจะต้องขายบ้านแล้วย้ายไปรัฐอื่นเขาพูดแบบนั้นด้วยยังไงดีล่ะเสียงถอนหายใจเฮือกใหญ่และมีความกลัดกลุ้มปรากฏบนใบหน้าดังนั้นทุกคนเลยคิดว่าต้องเป็นข่าวร้ายแน่ตอนนั้นแม่กำลังตั้งโต๊ะอาหารอยู่ยังทำการตกลงพื้นเลยแต่ปรากฏว่าพ่อเป็นนักแสดงที่แย่มาก
ทันใดนั้นเขาก็ยิ้มกว้างออกมาอย่างมีความสุขและบอกอีกไม่นานเราจะกลายเป็นครอบครัวที่ร่ำรวยมากตอนแรกทุกคนกังวลนิดหน่อยกับความเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นเพราะนั่นหมายถึงพวกน้องชายและฉันต้องย้ายไปเรียนที่โรงเรียนใหม่และหาเพื่อนใหม่กับอะไรอะไรอีกหลายอย่างแต่ทันทีที่พ่อแม่ของฉันพาที่อยู่ได้ซึ่งเป็นบ้านหลังใหญ่ที่มีสวนและสระว่ายน้ำความกังวลของเราทั้งหมดก็เปลี่ยนเป็นความตื่นเต้นลองนึกดูสิพวกเราทุกคนตอนนี้มีห้องเป็นของตัวเองแล้วยังมีห้องน้ำในตัวขอบคุณพระเจ้าเราไม่จำเป็นต้องเข้าคิวรอห้องน้ำตอนเช้าและแย่งกันเพื่อเข้าไปอาบน้ำเป็นคนแรกอีกแล้วที่ดียิ่งกว่านั้นคือพ่อสัญญาว่าจะซื้อรถให้ฉันเพราะฉันกำลังจะอายุครบ 16 ปีไม่มีอะไรจะดียิ่งกว่านี้อีกแล้วนะดูเหมือนชีวิตฉันไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงมากนักในช่วงความเปลี่ยนแปลงนี้
ปัญหาเดียวในจำนวนเรื่องทั้งหมดคือเรามีเวลาเพียง 2 สัปดาห์เพื่อเก็บข้าวของและพวกน้องชายของฉันห่างไกลจากคำว่าช่วยอะไรได้ฉันเลยต้องขอให้ “โจชัว” เพื่อนรักของฉันมาช่วย “โจชัว” และฉันเป็นเพื่อนรักกันมาตั้งแต่ชั้นอนุบาลและบางทีคงเป็นเพื่อนคนเดียวที่นี่ที่ฉันจะต้องคิดถึงมากๆฉันเลยดีใจมากที่เราได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันนานๆระหว่างแพ็คของเราตัดสินใจเริ่มที่ห้องใต้หลังคาก่อนที่นั่นมีสิ่งของมากมายครอบครัวเพียง 1 ครอบครัวสามารถเก็บข้าวของไว้มากมายขนาดนี้ได้ยังไงเนี่ยฉันเอาแต่สงสัยกับตัวเองขณะที่จัดหมวดหมู่ของเล่นเก่าๆเสื้อผ้ารูปถ่ายและอะไหล่อื่นๆทันใดนั้นโจชัวก็สะดุดเข้ากับกล่องสีชมพูสวยๆที่มีข้าวของในวัยทารกของฉันเด็กทุกคนในครอบครัวของเรามีกล่องแบบนี้และฉันก็รู้ดีว่าในนั้นมีอะไรอยู่ผ้าห่มผืนแรกที่เราใช้ตอนเป็นทารกผู้ขวดหรือจุกนมของอย่างกล่องเก็บฟันและอื่นๆไม่มีอะไรสนใจแต่ฉันรู้ว่า “โจชัว” ชอบเข้าของเด็กเล็กแบบนี้มากจริงๆ
เขาทำตัวแบบ “โอ้ว พระเจ้าดูสิว่าเธอเคยเท้าเล็กจิ๋วแค่นี้เอง” แต่แล้วทันใดนั้นเขาก็พบของแปลกๆอย่างนึงซุกอยู่ด้านในกล่องซึ่งหอไว้ด้วยผ้าห่มอีกชั้นเหมือนใครสักคนต้องการซ่อนสิ่งนี้เอาไว้นั่นคือจดหมายยับยู่ยี่ฉบับนึงที่ไม่มีชื่อที่อยู่หรืออะไรเลยแต่ในนั้นมีจดหมายอยู่ซึ่งดูเหมือนเขียนไว้ตั้งแต่หลายปีที่แล้วโดยปกติฉันจะไม่อ่านจดหมายของคนอื่นแต่ครั้งนี้ความสงสัยมาแรงเหนื่อยอย่างอื่นนอกจากนี้จดหมายยังดูเหมือนอยู่ที่นี่มาตลอดชีวิตฉันด้วยไม่มีใครเคยค้นพบมาก่อนซึ่งลึกลับจนน่าทึ่งเลยละรู้ไหมปรากฏว่านั่นคือจดหมายจากแม่ถึงลูกสาวเต็มไปด้วยถ้อยคำที่อ่อนโยนด้วยความรักและเอิ้อเอ็นดูเช่นเดียวกับคำแนะนำที่มีให้กับความสัมพันธ์ระหว่างคู่สามีภรรยาฉันคิดว่าบางทีคงเป็นจดหมายของคุณยายถึงแม่ชั้นแต่ในกรณีนั้นทำไมจดหมายฉบับนี้ถึงไม่อยู่ในกล่องข้าวของตอนเป็นเด็กทารกของฉันล่ะอีกอย่างบนนั้นอยู่ไม่มีชื่อด้วยแต่ทุกอย่างดูเหมือนผู้หญิงที่เขียนจดหมายฉบับนี้จะไม่ได้พบลูกสาวของเธออีก
นี่มันแปลกมากและยังซึ้งมากด้วยฉันเลยตัดสินใจถามเรื่องนี้กับแม่ในที่สุดฉันก็ถามแม่ในวันถัดมาเมื่อทางครอบครัวอยู่ด้วยกันที่โต๊ะอาหารค่ำตอนแรกทั้งพ่อและแม่ดูเหมือนจะนึกเรื่องจดหมายที่ฉันพูดถึงไม่ออกเลยแต่เมื่อฉันลงรายละเอียดไว้ว่าในนั้นเขียนถึงอะไรฉันก็สังเกตเห็นว่าทั้งสองสบตากันอย่างรวดเร็วและทำเป็นเปลี่ยนเรื่องแบบนี้ดูน่าสงสัยสุดๆและหลังจากเสร็จมือค่ำฉันก็พยายามค้นหาอีกครั้งว่าพ่อแม่ฉันรู้อะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้บ้างแต่ก็ยังไม่มีโชคเพราะก็แบบว่าน้องๆของฉันวิ่งเล่นเอะอะตลอดเวลาและพ่อก็ทำเหมือนแม่แสร้งทำเป็นพวกเขายุ่งกับเรื่องแพ็คของจนไม่มีเวลาพอถึงตอนนึงพวกเขาก็แอบหลบออกจากห้องนั่งเล่นไปความลึกลับที่รายล้อมจดหมายฉบับนั้นทำให้ฉันตื่นตัวขึ้นมาอย่างไรก็ตามฉันไม่สามารถทำให้พ่อแม่ฉันหยุดและพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้อีกหลายวันถัดมา “โจชัว” และฉันจึงทำตัวเหมือน “เชอล็อค” กับ “วัตสัน” ตั้งสมมติฐานและคิดจากมูลต่างๆดูว่าจดหมายฉบับนั้นอาจจะส่งมาจากที่ไหนได้บ้างและในที่สุดเราก็มาถึงจุดที่เรานึกไม่ออกเลยสักนิดว่านี่มันเรื่องอะไรถ้าคิดว่าจดหมายฉบับนี้อาจเขียนโดยผู้หญิงลึกลับคนนึงที่เคยอยู่อาศัยในบ้านของเราเมื่อนานมาแล้วและอาจสูญเสียลูกสาวของเธอไปแล้วทิ้งจดหมายไว้ในจุดที่เธอเสียชีวิตในที่สุดฉันก็ตัดสินใจได้ว่าต้องมีใครสักคนทำให้เรื่องนี้ส่งเหตุสมผลเสียที่และขอให้พ่อแม่ฉันสารภาพความจริงให้ฟัง
ฉันคงไม่อาจลืมสิ่งที่พวกเขาบอกได้เลยปรากฏว่านั่นคือจดหมายที่ส่งถึงชั้นและเขียนโดยแม่ของฉันไม่ใช่คนที่นั่งอยู่ข้างๆฉันนี้แต่เป็นคนที่ให้กำเนิดฉันจริงๆเธอเป็นรักแรกของพ่อฉันและภรรยาคนแรกของเขาเธอมีชื่อว่า “อลิซ” เธอตายไม่กี่เดือนหลังจากให้กำเนิดฉันด้วยความเจ็บป่วยที่เกิดจากความลำบากตอนคลอดลูกเธอรู้ว่าตัวเองคงจะไม่รอดดังนั้นจึงทิ้งจดหมายฉบับนี้ไว้ให้ฉันแบ่งปันเรื่องราวที่เธอคิดว่าอยากบอกฉันในวันหนึ่งพ่อคิดถึงเธอมากเขารู้ว่าการเลี้ยงดูฉันตามลำพังจะต้องเป็นเรื่องที่ยากมากดังนั้นก็เลยจ้างพี่เลี้ยงมาตอนแรกเขาคิดอย่างจริงจังว่าจะยกสิทธิ์การเลี้ยงดูฉันให้พ่อแม่ของแม่ผู้เสียชีวิตของฉันจะกลายเป็นว่าเขาตกหลุมรักพี่เลี้ยงสาวไม่นานพวกเขาจึงแต่งงานกันแล้วเราก็อยู่เป็นครอบครัวเดียวกัน
ฉันรู้สึกว่ามีน้ำตาไหลอาบแก้มแต่เสียงของฉันดูเหมือนไม่อาจเล็ดรอดออกมาได้เลยพ่อแม่ฉันบอกว่าพวกเขาไม่รู้ว่ามีจดหมายฉบับนี้และตั้งใจจะบอกทุกอย่างแต่ฉันในสักวันแต่ในเมื่อตอนนี้ความจริงเปิดเผยแล้วพวกเขาก็พร้อมจะตอบทุกคำถามของฉันและให้การสนับสนุนทุกอย่างที่จำเป็นในทางกลับกันฉันกลับไม่รู้เลยว่าต้องแสดงปฏิกิริยายังไงแน่นอนพ่อแม่บอกฉันทุกอย่างที่รู้เกี่ยวกับแม่ผู้ให้กำเนิดฉันและพ่อยังเก็บรูปถ่ายของเธอไว้เผื่อต้องใช้ในสักวันด้วยดังนั้นหลังจากคืนนั้นฉันจึงนั่งอยู่ในห้องพยายามนึกภาพว่าเธอเป็นยังไงได้ชีวิตของเราจะเป็นยังไงถ้าเธอไม่เสียชีวิตไปก่อนฉันยังร้องไห้หนักมากขณะที่อ่านจดหมายเธอซ้ำอีกครั้งเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ง่ายมากเลยว่าเธอรักฉันมากและยังเศร้ามากที่จะต้องทิ้งฉันไปแน่ล่ะฉันนอนไม่หลับเลยสักนิดดังนั้นเลยโทรหา “โจชัว” แล้วเราก็คุยโทรศัพท์กันทั้งคืนอย่างน้อยฉันก็มีเพื่อนที่ดีที่ไม่เคยโกหกฉัน
ฉันรู้ว่าเมื่อวันใหม่มาถึงพ่อแม่ฉันกำลังรอดูว่าปฏิกิริยาสุดท้ายของฉันต่อทุกสิ่งที่เกิดขึ้นจะเป็นยังไงตอนแรกฉันรู้สึกห่างเหินมากฉันพูดไม่ได้ว่าฉันโทษพวกเขาให้ไม่บอกความจริงกับฉันแต่เมื่อเห็นพวกเขากังวลและกลัวเราคิดว่าจะเสียฉันไปฉันก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากเริ่มร้องไห้แม่บอกว่าฉันยังคงแล้วจะเป็นเจ้าหญิงน้อยแล้วสาวคนเดียวของแม่ตลอดไปและแม่ก็รักฉันมากเป็นพิเศษเสมอเมื่อความสงบและความกลมกลืนในครอบครัวกลับคืนมาอีกครั้งก็เหลือปัญหาที่ยังแก้ไม่ตกอีกอย่างเดียวขณะที่เล่าเรื่องราวทั้งหมดพ่อเคยพูดถึงพ่อแม่ของแม่ผู้ให้กำเนิดฉันและฉันก็สงสัยว่าพวกเขารู้หรือไม่ว่าฉันเกิดมาแล้วอยู่ที่ไหนสักแห่งแล้วทำไมพวกเขาถึงไม่เคยติดต่อมาหาฉันเลยปรากฏว่าคุณยายของฉันเสียชีวิตไปก่อนที่พ่อของฉันจะแต่งงานครั้งที่ 2 และคุณตาตอนนี้อาศัยอยู่อย่างปลอดภัยในบ้านพักคนชราเขาไม่ต้องการรบกวนครอบครัวใหม่ของพ่อดังนั้นจึงตีตัวออกห่าง
แต่พ่อแม่ของฉันก็ยังส่งรูปถ่ายของฉันในวันเกิดไปตามที่เขาขอทุกปีเพื่อที่เขาจะได้รู้ว่าฉันโตขึ้นขนาดไหนแล้วการคิดว่ายังมีคุณตาอยู่ที่ไหนสักแห่งทำให้ฉันรู้สึกเหมือนถูกฉีกเป็นชิ้นๆ ฉันหมายถึงแน่ละฉันไม่อาจพูดได้ว่าไงคะคุณตากับคนแปลกหน้าที่ฉันไม่เคยพบเจอในชีวิตเขาอาจไม่อยากเจอฉันจริงๆด้วยซ้ำฉันก็ไม่อยากทำร้ายความรู้สึกใครเหมือนกันรู้ไหมฉันคิดว่าแม่ของฉันอาจจะไม่มีความสุขมากนะถ้าฉันไปที่นั่นและคุยกับคุณตานอกจากนี้ฉันกับพ่อแม่ยังตัดสินใจด้วยว่าจะยังไม่บอกอะไรให้พวกน้องชายรู้กระทั่งฉันยังคิดเลยว่าพวกเขาเด็กเกินกว่าที่จะเข้าใจ “โจชัว” เป็นคนเดียวที่รู้ความรู้สึกจริงๆทุกอย่างของฉันเขาเรื่องตื่นเต้นกับเรื่องราวทั้งหมดมากลองคิดดูว่าถ้าเขาไม่พบจดหมายในวันนั้นฉันก็คงไม่รู้อะไรเลยแล้ววันนึงเขาก็กระตุ้นฉันด้วยความมุ่งมั่น “โจชัว” บอกว่าอย่างน้อยที่สุดถ้าฉันไม่ไปพบคุณตาซึ่งคงจะอายุมากแล้วเขาอาจจะตายเมื่อไหร่ก็ได้แต่ “โจชัว” รู้ดีว่าฉันจะเสียใจมากที่ไม่ได้พบเขาไปตลอดชีวิตที่เหลืออยู่ฉันรู้ว่านี่เป็นความจริงและวันต่อมาซึ่งเป็นวันสุดท้ายของเราที่จะอยู่ในเมืองเก่า “โจชัว” และฉันจึงไปที่บ้านพักคนชราเพื่อพบคุณตาโดยสายเลือดของฉัน
จะพูดยังไงดีการพบกันครั้งแรกไม่น่ากระอักกระอ่วนจริงๆฉันไม่รู้ว่าต้องพูดหรือถามอะไรและเขาก็ดูเหมือนจะร้องไห้ตลอดเวลาที่เราพบกันครึ่งชั่วโมงนั้นเขาบอกว่าหน้าตาของฉันดูคล้ายลูกสาวของเขามากเราดื่มชาด้วยกันและลงเอยด้วยการบอกว่าพ่อแม่ของฉันเลี้ยงฉันให้โตมาเป็นเด็กดีได้ดีมากคุณตาไม่ได้แก่ขนาดนั้นและเขาสัญญาว่าจะไม่ตายจนกว่าฉันจะได้กลับมาพบเขาอีกครั้งฉันไม่รู้ว่าจะบรรยายความรู้สึกที่เกิดขึ้นหลังจากเจอคุณตามาแล้วยังไงแต่ฉันเดาว่าในนั้นมีความยินดียิ่งกว่าอย่างอื่นตอนนี้ฉันบอกคุณได้อย่างมีความสุขเลยว่าเราย้ายมาบ้านใหม่หลังใหญ่แล้วและมีแทบทุกอย่างที่สถานที่ใหม่ฉันกำลังจะอายุครบ 16 ปีในสัปดาห์หน้าและในที่สุดก็จะได้รถยนต์ส่วนตัวและอีกอย่างนึงคือฉันบอกพ่อ- แม่เรื่องที่ไปหาคุณตาฉันคิดว่าในครอบครัวไม่ควรมีความลับต่อกันอีกต่อไปพ่อแม่ของฉันประหลาดใจจริงๆแต่พวกเขาก็ไม่ได้พูดออกมาว่าฉันไม่ควรทำแบบนี้หรืออะไรทำนองนั้นดังนั้นตอนนี้ฉันเลยจะเขียนจดหมายถึงคุณตาเพื่อเล่าเกี่ยวกับชีวิตฉันแบบละเอียดให้เขาฟังและในฤดูร้อนฉันวางแผนจะไปเยี่ยมคนตายอีกครั้งเพราะฉันต้องกลับไปที่เมืองเพื่อเอารถคันใหม่ไปอวด “โจชัว” ด้วย
ถ้าคุณชอบเรื่องราวของฉันคลิ๊กปุ่มตอบรับและแบ่งปันความคิดเห็นตามสบายว่าคุณจะทำอย่างไรถ้าอยู่ๆคุณพบว่าตัวเองไม่ใช่อย่างที่คิดว่าเป็นมาโดยตลอด