ครอบครัว

พ่อฉันกลับเข้ามาในชีวิตฉันหลังหายไปนาน แต่เขาต้องการตับของฉัน ไม่ใช่หัวใจของฉัน!

ไงฉันคือ “เจนิเฟอร์” คุณรู้ไหมว่าส่วนที่เลวร้ายที่สุดในความสัมพันธ์ของคนเราคืออะไร? มันก็คือความผิดหวังไงล่ะ เมื่อคุณเริ่มเชื่อในความรู้สึกดีๆ ที่พวกเขามีให้คุณเป็นครั้งแรกไปแต่แล้วคุณก็ได้รู้ว่าพวกเขาแค่จะใช้ประโยชน์จากคุณแและเมื่อเรื่องนี้เกิดกับคนที่ใกล้ชิดหรือครอบครัวของคุณก็จะยิ่งเจ็บปวดที่สุดเรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อปีที่ผ่านมา เมื่อย้อนกลับไปตอนนั้นฉันพึ่งอายุครบ 18 ปีเพิ่งจบการศึกษาจากโรงเรียนมัธยมปลายและได้งานดีๆ ที่ร้านขายของแถวบ้าน เมื่อ “สเตฟานี่” พี่สาวของฉันโทรมาหาฉันเธอบอกฉันว่าแม่ของพวกเราเข้าโรงพยาบาลแน่นอนว่าข่าวนั้นทำให้ฉันเป็นห่วงแม่มากจริงๆ แต่ความคิดแวบแรกที่ขึ้นมาในหัวก็คือได้โปรดเถอะขอให้แม่ไม่เป็นไรเพราะเราจ่ายค่ารักษาอะไรไม่ได้แน่

ฉันจะอธิบายเรื่องนี้ให้ฟังนะพี่สาวและฉันโตมากับแม่ที่เลี้ยงดูเราตามลำพังชีวิตของเรามีทั้งช่วงขาขึ้นและขาลงและส่วนมากเราต้องประสบกับภาวะยากลำบากเรื่องเงินๆ ทองๆ เสมอบอกตามตรงว่าที่จริงแล้วมีของน้อยมากที่เราสามารถควักกระเป๋าจ่ายไหว ฉันแน่ใจว่าแม่ต้องพยายามอย่างดีที่สุดเพื่อให้เราอยู่รอดได้ แต่ในวัยเด็กของฉันมันเต็มไปด้วยความอิจฉาที่มีต่อเพื่อนร่วมชั้น อย่างเวลาที่ทุกคนมีอุปกรณ์รุ่นใหม่ล่าสุดฉันยังคงต้องใช้โทรศัพท์มือถือรุ่นปุ่มกดเก่ากึ๊ก ฉันพยายามจะไม่เอาออกมาให้ใครเห็นด้วยถ้าไม่จำเป็นจริงๆ และครั้งแล้วครั้งเล่าเราต้องซื้อเสื้อผ้าจากร้านมือสองด้วยเหมือนกัน

ครั้งนึง “โจอันนา” เพื่อนร่วมชั้นของฉันจำชุดกระโปรงของตัวเองที่ฉันสวมอยู่ได้ “เธอไม่ใช่เพื่อนของฉันแน่ๆ” และพอเธอบอกทุกคนว่าชุดของฉันเคยเป็นของเธอฉันต้องปฏิเสธหัวชนฝาว่ายายนั่นพูดเรื่องจริง[บางคนก็เชื่อฉันแต่บางคนไม่ แต่ฉันก็อับอายเหลือเกินฉันต้องเอาชุดมาดัดแปลงนิดหน่อยเพื่อให้ยังใส่ต่อได้เอาเถอะอย่างน้อยฉันก็เย็บผ้าเป็นล่ะ คราวนี้คุณเข้าใจหรือยังว่าทำไมพี่สาวและฉันจึงต้องทำงานทันทีหลังเรียนจบชั้นมัธยมปลายโดยไม่มีโอกาสได้เรียนต่อในระดับมหาวิทยาลัยนั่นแหละวันนั้นแม่ต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลเพราะข้อมือหักอาการของเธอไม่ได้รุนแรงและพวกเราจะพาแม่กลับบ้านขณะที่ “สเตฟานี่” กำลังกรอกเอกสารตามขั้นตอนของทางโรงพยาบาลฉันไปเดินหาตู้กดของกินอัตโนมัติเมื่อฉันกลับมาหา “สเตฟ” และแม่ทันใดนั้นฉันก็เห็นพวกเขากำลังคุยอยู่กับพ่อของฉัน

ไม่ต้องประหลาดใจหรอกแม่ทิ้งเขาไปตอนที่ฉันอายุ 3 ขวบ และ “สเตฟ” 6 ขวบหรือราวๆ นั้นแล้วเราก็ไม่เคยคุยกันเลยว่าเหตุผลจริงๆ ที่แม่ทำแบบนี้คืออะไร แต่เราก็ยังมีรูปถ่ายของเขาจำนวนหนึ่งเก็บไว้ตรงไหนสักแห่งในกล่องรวมกับของจิปาถะที่ไม่ใช้แล้วเราไม่เคยติดต่อเขาหรือญาติคนอื่นๆ ของเราเลยและตอนนี้หลังจากผ่านไปนานหลายปีซึ่งให้ความรู้สึกเหมือนเห็นวิญญาณหรืออะไรทำนองนั้นแน่นอนการพบกันครั้งนั้นเป็นไปอย่างเย็นชาแต่เขากลับเกริ่นขึ้นมาอย่างไม่คาดฝันว่าเขาอยากทานมื้อเที่ยงกับฉันและ ”สเตฟ” หลังจากนั้นเมื่อเรากลับถึงบ้านแล้วแม่บอกว่าแม่คัดค้านที่จะให้พวกเราทั้งสองคนไปพบเขาและในที่สุดก็ได้อธิบายเสียทีว่าทำไม

แม่รู้ว่าพ่อมาจากครอบครัวที่ร่ำรวยในตอนที่พวกเขากำลังจะแต่งงานกันอย่างไรก็ตามปรากฎว่าพ่อคือคนที่ได้รับมรดกของครอบครัวธุรกิจและสิ่งต่างๆ ที่มีเพียงแค่แม่ต้องให้กำเนิดเด็กผู้ชายแม่รักเขาอย่างลึกซึ้งและตอบตกลง แต่หลังจากมีพี่สาวของฉันและฉัน แม่ก็เริ่มมีปัญหาสุขภาพผลคือแม่ไม่สามารถมีลูกได้อีกต่อไปแม่ไม่เป็นไรเพราะลูกสาว 2 คนก็เพียงพอแล้วสำหรับแม่แต่พ่อไม่ใช่เขารักธุรกิจของครอบครัวมากกว่าลูกสาวและภรรยาของตนเองแล้วเขาก็พบกับผู้หญิงอื่นที่สามารถตั้งท้องและให้กำเนิดเด็กผู้ชายให้เขาได้ แม่ถูกดูหมิ่นแล้วรู้สึกสะเทือนใจอย่างรุนแรง 

ดังนั้นแม้จึงพาเราออกจากที่นั่นเซ็นและส่งใบหย่ากลับไป เขาเคยพยายามจะจ่ายเงินชดใช้แม่แต่แม่มีศักดิ์ศรีเกินกว่าที่จะรับความช่วยเหลือจากเขาตอนนี้นับตั้งแต่พี่สาวและชั้นโตเป็นผู้ใหญ่เราก็มีสิทธิ์ตัดสินใจแล้วว่าเราจะรักษาความสัมพันธ์กับพ่อต่อไปหรือไม่แต่แม่ก็ต้องรู้สึกไม่ดีจริงๆ ถ้าเราทำอะไรแบบนั้น  “สเตฟานี่” เลือกฝั่งแม่ทันทีบอกว่าเธองานยุ่งเกินไปและไม่อยากทำอะไรร่วมกับพ่อทั้งนั้นแต่เรื่องนี้ทำให้ฉันสงสัยไม่ใช่แค่ว่าเรื่องที่เขาเป็นผู้ชายร่ำรวยที่ช่วยเหลือเราเรื่องเงินได้แต่ฉันยังรู้สึกว่าฉันคิดถึงพ่อมากถึงฉันจะยังเป็นเด็กฉันก็เคยนึกภาพว่าชีวิตของเด็กคนนึงจะต่างออกไปแค่ไหนถ้าเป็นเด็กที่มาจากครอบครัวที่มีทั้งพ่อและแม่และตอนนี้ฉันก็มีโอกาสได้สัมผัสกับความรู้สึกของการที่มีทั้งพ่อและแม่ในชีวิตนั้นจึงทำให้ฉันโทรหาเขาและวันต่อมาเราก็นั่งอยู่ด้วยกันในร้านกาแฟใกล้ๆ ที่ทำงานของฉัน

พ่อเอาแต่ถามถึงชีวิตฉันเพื่อนของ และเรื่องต่างๆ จนฉันไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเรื่องนี้จะเกิดขึ้นกับฉันจริงๆ ฉันรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นเด็กหญิงตัวน้อยๆ ที่กำลังอัศจรรย์ใจเพราะชายที่มีบทบาทสำคัญในชีวิตคนนี้พ่อให้ไอโฟนรุ่นล่าสุดกับฉันและพาฉันไปห้างเพื่อซื้อเสื้อผ้าใหม่แล้วเราก็ไปทานมื้อค่ำกันในร้านอาหารไม่ซ้ำร้านกันเลยสักวันฉันมีความสุขยิ่งกว่าที่เคยเป็นมาทั้งชีวิตจนถึงทุกวันนี้มีแค่ทัศนคติของแม่และ  “สเตฟ” ต่อทุกสิ่งเท่านั้นที่มองเรื่องราวในแง่ลบและแม้แต่มองว่ามันเป็นเรื่องที่จะทำร้ายฉันแม่ดูเหมือนจะขุ่นเคืองกับเรื่องที่ว่าฉันตื่นเต้นกับพ่อฉันหมายถึงว่าแม่ก็ไม่เคยบอกตรงๆ นะแต่ฉันรู้สึกเหมือนแม่ทำตัวห่างเหินและยังไม่พูดอะไรๆ เท่าที่เคยและ  “สเตฟ” โอ้ ฉันเดาว่าเธออิจฉาฉันเพราะเธอปฏิเสธขอไม่ติดต่อกับพ่อตอนนี้เลยมีแค่ฉันที่ได้รับของขวัญนู่นนี่ ฉันรู้สึกเศร้าและยังเหมือนถูกดูแคลนอย่างมากที่พวกเขาสองคนไม่มีใครดีใจไปกับฉันเลย 

หลายสัปดาห์ผ่านไปและฉันก็ไปทานมื้อค่ำกับพ่ออีกครั้งในตอนที่โทรศัพท์ของเขาดังพ่อรับสายและฟังจากประโยคที่แว่วมาเข้าหูฉันก็เข้าใจว่าเขากำลังพูดกับหมอเกี่ยวกับอาการป่วยของเขานั้นทำให้ฉันเป็นกังวลและฉันขอให้เขาเล่าทุกอย่างให้ฟังถึงเขาจะไม่อยากทำแต่เขาก็สารภาพว่าเขามีภาวะโรคตับที่ย่ำแย่และต้องการปลูกถ่ายเขาอยู่ในรายชื่อผู้รอรับตับแล้วแต่หมอบอกว่าญาติทางสายเลือดเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดลูกชายของเขาจากการแต่งงานครั้งที่ 2 ต้องทนทุกข์จากอาการเจ็บป่วยในวัยเด็กและตับก็ไม่สามารถเข้ากับพ่อได้ดังนั้นจึงมีแค่ “สเตฟ” และฉันถึงจะเป็นผู้บริจาคได้เรื่องนี้ทำให้ฉันรู้สึกเหมือนถูกอิฐทั้งกองถล่มใส่แบบนี้ในเองเหตุผลจริงๆ ที่พ่อมาปรากฏตัวในชีวิตฉัน ฉันคิดว่าเขาต้องการลูกสาวกลับคืนมา แต่เค้าก็แค่ต้องการผู้บริจาคฉันไม่รู้ว่าต้องแสดงท่าทียังไงก็แค่นั่งอยู่อย่างนั้นดวงตาเบิกกว้างขนาดที่เขายังคงพูดต่อไปเขาสัญญาว่าถ้าฉันตกลงหรือรับปากจะช่วยโน้มน้าว  “สเตฟานี่”  ให้ไปทดสอบทางการแพทย์ว่าเราคนใดคนนึงเข้ากับเขาได้หรือไม่เขาจะให้เงินจำนวนมหาศาลกับเราและจ่ายค่าเรียนในมหาวิทยาลัยใดก็ตามที่เราเลือก

ฉันบอกพ่อว่าขอเวลาคิดข้อเสนอของเขาก่อนในทางหนึ่งนี่เป็นโอกาสในล้านสำหรับแม่ “สเตฟานี่” และชั้นที่จะได้มีชีวิตเหมือนอย่างคนอื่นแต่อีกทางนี้ก็เป็นเรื่องของสุขภาพและตับของฉันพ่อฉันไปอยู่ไหนมาตลอดเวลาที่เราแทบต้องหาเงินกันแบบเดือนชนเดือนเขากล้ากลับมาปรากฏตัวตอนนี้และยังขอให้ฉันไปนอนใต้มีดหมอเนี่ยนะแต่ถ้าฉันปฏิเสธไปแล้วนั่นทำให้เขาตายล่ะฉันเดินกลับไปกลับมาคิดเรื่องนี้ตลอด 3 วันโดยไม่บอกใครทั้งนั้นว่าพ่อขออะไรเหตุผลก็เห็นๆ อยู่ในที่สุดฉันก็ตัดสินใจว่าอย่างน้อยฉันต้องไปตรวจว่าฉันสามารถเป็นผู้บริจาคได้หรือไม่แล้วจากนั้นค่อยคิดถึงข้อเสนอมาอีกครั้งเราอยู่ด้วยกันที่โรงพยาบาลรอให้พยาบาลพาฉันไปทำตามขั้นตอนที่จำเป็นเมื่อเราพบว่าตอนนั้นมีผู้บริจาคที่เข้ากันได้กับพ่อแล้วและเขาต้องเข้ารับการผ่าตัดในทันที ฉันโล่งใจไหมแน่นอนว่าโล่งแต่คุณรู้อะไรหรือเปล่าหลังจากการผ่าตัดเป็นไปได้ด้วยดีและพ่อกลับมาเดินเหินได้เขาก็หายไปอีกครั้งฉันพยายามติดต่อเขาอีกหลายครั้งแต่เค้ามักยุ่งเกินกว่าจะมีเวลาคุยหรือมาทานมื้อค่ำหรืออะไรก็ตามอีก ฉันขายไอโฟนรุ่นล่าสุดไปและแบ่งเงินนั้นให้ “สเตฟ” และแม่ก็เริ่มกลับมาพูดกับฉันอีกครั้งหลังจากที่บอกว่าแม่บอกลูกแล้ว แน่ละฉันคงยังไม่ได้บอกพวกเขาว่าฉันเคยมีความคิดว่าจะบริจาคตับให้พ่อพวกเขาต้องฆ่าฉันแน่ถ้ารู้เรื่องนี้

คุณเคยทำความผิดพลาดใหญ่หลวงแบบนี้เวลาที่ต้องตัดสินใครไหมบอกฉันเรื่องนี้หน่อยสิฉันจะรออ่านเรื่องของคุณในช่องคอมเม้นต์ใต้วีดีโออย่าลืมกดติดตามช่องนี้ล่ะ 

เรื่องเล่าที่เกี่ยวข้อง

0 0 votes
Article Rating
Subscribe
Notify of
guest
0 Comments
Inline Feedbacks
View all comments
Back to top button
0
Would love your thoughts, please comment.x
()
x

ปิดโปรแกรมบล็อคโฆษณา

กรุณาปิดโปรแกรมบล็อคโฆษณาก่อนนะ เพราะเว็บจะอยู่ได้ก็จากป้ายโฆษณา