พ่อของฉันมีสองครอบครัวและพวกเราไม่ใช่ที่หนึ่ง!
สวัสดีฉันชื่อ “ลิซ่า” และในขณะที่เรื่องราวนี้กำลังเกิดขึ้นชีวิตของฉันก็เต็มไปด้วยความวุ่นวายอย่างหนัก เป็นเรื่องราวแบบที่คุณต้องการคำถามตัวเองว่าคุณใช่คนที่คุณเป็นหรือเปล่าและทุกสิ่งทุกอย่างที่คุณรู้มันคือเรื่องจริงไหมเรื่องทั้งหมดนี้เกิดขึ้นในเวลาเรา 1 สัปดาห์ ฉันสัญญาว่าฉันจะพยายามถ่ายทอดทุกสิ่งอย่างถูกต้องเพราะบางครั้งสิ่งที่ฉันจำได้มันเป็นแค่เรื่องของความรู้สึกล้วนๆ
ฉันยังฉันยังจำได้ชัดเจนถึงวันสุดท้ายที่ทุกอย่างเป็นปกติดีอยู่ว่าเป็นวันอาทิตย์และฉันก็ใช้เวลาทั้งวันกับพ่อแม่ของฉัน แม่ฉันชื่อแม่ “เมลิซ่า” พ่อฉันชื่อ “ทอม” เราทานมื้อกลางวันกันที่ร้านอาหารร้านโปรด ไปดูหนัง และปิดท้ายวันอันแสนสุขกันที่สนามหน้าบ้าน วันนั้นเราสามคนสนุกสนานกันมากจริงๆ และในวันรุ่งขึ้นพ่อของฉันต้องจากไป มันเป็นแค่การเดินทางตามปกติฉันรู้ดีว่าเขาทำงานในบริษัทที่มีสำนักงานทั้งในฝั่งตะวันตกและฝั่งตะวันออก
พวกเราอาศัยอยู่ในแคลิฟอร์เนีย ดังนั้นทุกสัปดาห์ถัดไปเขาจะต้องบินไปนิวยอร์กเป็นเวลา 5 ถึง 7 วัน แต่บางครั้งก็นานกว่าหรือสั้นกว่าและมันก็เป็นแบบนี้มาหลายปีแล้ว ฉันเลยไม่เคยครางแคลงใจอะไรเวลาเขาต้องเดินทางแน่นอนว่าพวกเราก็คิดถึงพ่อมากแล้วก็ตั้งตารอวันที่พ่อกลับ ครอบครัวของเราจะไม่สมบูรณ์เลยถ้าไม่มีพ่อนอกจากนี้เวลาที่พ่อไม่อยู่ พ่อก็มันจะยุ่งมากจนไม่สามารถโทรหาเราได้ในบางวันเลยทีเดียวกับพ่อมักจะพูดเสมอว่า พ่อคิดถึงพวกเราเช่นกันและเฝ้าฝันถึงแต่วันที่จะได้กลับมาบ้าน และในครั้งนั้นก็เป็นเหมือนกับคนอื่นๆ เพราะมีตั๋วไปกลับในสัปดาห์ต่อมาแต่น่าเสียดายที่วันเกิดของพ่ออยู่ในช่วงสัปดาห์ที่พ่อไม่ได้อยู่ที่นี่
วันถัดมาคุณครูมอบหมายการบ้านให้กับพวกเราทำเกี่ยวกับหน่วยงานรัฐบาลต่างๆ ว่าพวกเขาทำงานต่างกันยังไง คุณครู “แจ็คสัน” บอกว่า เธอต้องการให้เราเรียนรู้มากขึ้นเกี่ยวกับชีวิตในวัยผู้ใหญ่ ดังนั้นเขาจึงมอบงานมากมายเพื่อที่จะเป็นประโยชน์ให้กับพวกเราในอนาคต ฉันต้องทำรายงานอย่างละเอียดเกี่ยวกับการคืนภาษีว่าพวกมันใช้สำหรับทำอะไร ไปจนถึงวิธีการกรอกแบบฟอร์ม
ฉันนึกขึ้นมาได้ว่าเคยเห็นพ่อกรอกแบบฟอร์มเหล่านั้นเมื่อสองสามวันที่แล้ว แต่เค้าไม่มีเวลาไปยื่นมันเขาเลยจะกลับมาทำตอนที่กลับมาถึงบ้านแล้ว ฉันคิดว่ามันคงไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ฉันก็เลยถือวิสาสะเปิดลิ้นชักโต๊ะที่พ่อเก็บเอกสารทั้งหมดไว้ รวมไปถึงแบบฟอร์มการคืนภาษีก็อยู่ในนั้นฉันจึงเริ่มดูมันแล้วก็ นี่คือสิ่งที่ทำให้ฉันเกิดความสนใจขึ้นม าฉันเจอคอลัมน์ ผู้ที่อยู่ในความดูแล และฉันก็เห็นชื่อหลายชื่อฉันไม่เคยได้ยินมาก่อนในชีวิต คนพวกนี้มีนามสกุลเดียวกับพวกเรา แต่ฉันไม่รู้จักพวกเขาเลยจริงๆ ฉันไม่ต้องการที่จะสรุปอะไรตอนนี้มันดูไม่ชอบมาพากลจริงไหม แล้วพอฉันค้นดูไปเรื่อยๆ ฉันก็เห็นชื่อของฉันถูกกล่าวถึงในคอลัมน์นี้ถึง 2 ครั้ง
แต่นี่มันเป็นเอกสารสำคัญนะ ทุกอย่างมันควรได้รับการตรวจสอบหลายแล้วอย่างถี่ถ้วน ดังนั้นนี่คงไม่ใช่ความผิดพลาดแน่นอนฉันพยายามที่จะไม่ตื่นตระหนกและฉันยังไม่อยากบอกกับแม่ว่าฉันต้องค้นหาความจริงเองให้ได้ก่อน แล้วยิ่งตอนนี้แม่ก็อยู่ในช่วงอารมณ์อ่อนไหวอยู่แล้วด้วย ฉันเลยคิดว่าจะเป็นยังไงถ้าฉันค้นหาบุคคลเหล่านี้บนเฟสบุ๊ค อย่างน้อยฉันก็จะได้พบกับอะไรบางอย่าง แล้วฉันก็ทำมัน ความจริงแล้วฉันได้เจออะไรมากกว่าที่ฉันคิดไว้ซะอีก ฉันค้นหาพวกเขาเจอแค่บางคน แต่ที่ฉันเจอคือผู้หญิงที่มีชื่อและนามสกุลเหมือนกับฉันเด๊ะ ใบหน้าของเธอก็ดูคุ้นหน้ามากสำหรับฉัน แล้วสถานการณ์ทั้งหมดเนี่ยก็ดูน่าขนลุกเธอแก่กว่าฉัน 2 ถึง 3 ปี
ฉันเริ่มดูรูปถ่ายของเธอที่มีอยู่มากมายเป็นพันๆ รูป แล้วฉันก็เจอรูปนึงที่ดูเหมือนว่าจะถ่ายในวันคริสต์มาสเมื่อหลายปีก่อน มีคนหลายคนอยู่ที่โต๊ะอาหารนั้นและหนึ่งในนั้นแม้ว่ามันจะมองเห็นไม่ค่อยชัดนักแต่มันดูเหมือนพ่อของฉันเมื่อประมาณ 5 ปีที่แล้วมากๆ ฉันตกใจมากแต่ยังต้องควบคุมสติเอาไว้ไม่ว่ามันจะแย่ก็ตามกับสิ่งที่ฉันได้เห็น แต่ที่น่าตลกก็คือหลังจากเหตุการณ์ทั้งหมดนี้เกิดขึ้น ฉันกลับมีความมั่นใจเพิ่มขึ้นว่าฉันมีความสามารถในการคิดและทำเรื่องฉลาดฉลาดได้ภายใต้ความกดดันนี้
และตอนนี้ฉันก็ตัดสินใจที่จะส่งข้อความถึงผู้หญิงที่ฉันได้พบคนนั้น แต่ฉันแกล้งโกหกเธอว่าฉันเป็นญาติห่างๆ ของเธอ และต้องการจะทำความรู้จักกับครอบครัวของเธอมากขึ้น ฉันก็เลยถามเธอว่าคนในภาพนี้เป็นใคร และชื่ออะไร เธอตอบกลับมาเร็วมาก เธอบอกว่าเธอดีใจที่ได้พบลูกพี่ลูกน้องที่เธอไม่รู้จักมาก่อน แล้วก็พูดว่าผู้ชายคนนั้นเป็นพ่อของเธอเองเขาชื่อว่า “ทอม” ที่นี่ไม่ต้องสงสัยเลยว่านั่นคือพ่อของฉันเอง แล้วในขณะที่ฉันกำลังพยายามหาคำอธิบายอย่างมีเหตุผลว่า ถ้าเกิดเขาทิ้งครอบครัวนั้นไปนานแล้วอยากจะลืมทุกอย่างเกี่ยวกับมันล่ะ ทันใดนั้นลิซ่าก็พูดว่า “เขาใกล้จะกลับมาถึงบ้านแล้วล่ะ เอาไว้ฉันจะถามเขาทุกคำถามที่เธออยากจะรู้เลยนะ” ไม่นะไม่!! ไม่!! ทุกอย่างมันพังทลายลง ฉันไม่เคยคิดเลยว่าสิ่งนี้จะเกิดขึ้น
แต่ฉันก็มีบางอย่างที่คิดเอาไว้ในหัวแล้วเหมือนกัน บางทีฉันน่าจะเป็นนักเขียนหรืออะไรแบบนั้นน่ะ เอาล่ะอีก 2 วันก็จะถึงวันเกิดของพ่อและ คุณควรจะได้เห็นว่าเขาเศร้าแค่ไหนเมื่อรู้ว่าจะต้องฉลองวันเกิดในที่ทำงานที่ใกล้กับพวกเรามาก ฉันจึงหว่านล้อมลิซ่าว่าแม่ของฉันกับตัวฉันน่ะเป็นญาติห่างๆ ของพ่อที่ไม่พบเขามานานมากแล้ว และเราจะไปที่นั่นในอีก 2-3 วันบางทีเราอาจจะแวะไปหาพร้อมกับของขวัญ เพื่อที่จะเซอร์ไพรส์เขา เพื่อให้ดูน่าเชื่อถือมากขึ้นฉันเลยส่งรูปภาพตอนเด็กของฉันกับพ่อไป
ฉันคิดว่านี่น่าเป็นช่วงเวลาที่น่าเศร้า แต่ด้วยเพราะอะดรีนาลีนพลุ่งพล่าน มันเลยทำให้ฉันไม่รู้สึกอะไรเลย เหมือนกับว่ามีอะไรมาสิงให้ฉันวางแผนทำอะไรแบบนี้ ที่ไม่ใช่ตัวฉันเอง แต่ยังไงก็ตามลิซ่ากลับคิดว่ามันเป็นความคิดที่ดี แล้วก็เต็มใจช่วยเราเธอสัญญาว่าจะเก็บทุกอย่างเป็นความลับ และให้ที่อยู่ของเธอกับเรา พวกเขาอาศัยอยู่ในรัฐนิวเจอร์ซีย์ ดังนั้นขั้นตอนต่อไปซึ่งยากที่สุด นั่นก็คือการบอกทุกอย่างกับแม่ของฉัน แล้วก็โน้มน้าวให้เธอทำตามแผน นี้เป็นบทสนทนาที่ยากที่สุดในชีวิตของฉันเลย ปฏิกิริยาแรกของแม่คือการไม่ยอมรับแต่หลังจากที่ฉันเอาทุกอย่างให้เธอดู เธอก็รู้สึกหดหู่ใจซะจนไม่อยากจะออกไปไหน ซึ่งนั้นมันเกิดขึ้นเป็นประจำ
การจมอยู่ในความเวทนาตัวเองดูเหมือนจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด แต่ฉันใช้เคล็ดลับโดยการบอกเธอว่า นี่มันจะเป็นวิธีเดียวที่จะเซอร์ไพรส์พ่อและผู้หญิงคนอื่น แล้วคอยดูว่าพวกเขาตกใจกันขนาดไหน 2 วันต่อมาพวกเราก็ขึ้นเครื่องเดินทางไป เราทั้งคู่ประหม่ามากขึ้นในทุกๆ วินาที และแน่นอนเพราะพวกเราไปถึงบ้านหลังนั้น หัวใจของฉันเต้นแรงแทบระเบิด ฉันอยากจะเล่ารายละเอียดทั้งหมดในฉากนี้ให้คุณฟังหรอกนะเพราะมันไม่ใช่เรื่องที่น่ายินดีเลยสักนิด
มันเริ่มต้นด้วยการเต็มไปด้วยความสับสนอลหม่าน จากนั้นก็ตามมาด้วยเสียงตะโกน น้ำตา และความตกใจอย่างหนักสำหรับทุกคน แต่มีอยู่สิ่งนึงที่ฉันไม่ทันได้พิจารณาถึง เมื่อเรามาถึงลิซ่าเปิดประตูต้อนรับเราทุกคนทั้งครอบครัวอยู่ที่โต๊ะ มีลูกทั้งหมด 5 คนและ 2 คนในนั้นก็อยู่วัยราวๆ 20 แล้ว ภรรยาของพ่อดูแก่กว่าแม่ของฉันหลายปี บ้านที่ดูเหมือนว่า ถูกอาศัยอยู่มานานแล้ว แล้วบรรยากาศทั้งหมดของมันมัน ไม่ต้องใช้เวลานานเลย ที่จะทำให้ฉันคิดได้ว่านี่มันไม่ใช่ครอบครัวที่ 2 ของพ่อ แต่พวกเราต่างหากที่เป็นครอบครัวที่สองของเขา แม่ของฉันเป็นผู้หญิงอีกคนของเขา และนี่นี่คือครอบครัวที่แท้จริงของพ่อต่างหาก
ตอนแรกพ่อตกใจจนพูดอะไรไม่ออก จากนั้นเขาก็พยายามอธิบาย แต่ว่ามันก็ไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้น ทั้งกับพวกเราแล้วกับพวกเขาด้วย เท่าที่ฉันรู้คือตอนนี้คือครอบครัวนั้นไม่ต้องการให้เขาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตอีกต่อไปเหมือนกันหลังจากสิ่งที่เขาได้ทำมานานหลายปี พ่อทำงานทั้งสองฝั่งของประเทศอ่ะเป็นเรื่องจริง แต่ที่เหลือทุกอย่างล้วนเป็นเรื่องโกหกพ่อของฉันมี 2 ครอบครัวแต่ตอนนี้พ่อไม่เหลือใครแล้วสักคน
ส่วนทางแม่ของฉันกับตัวฉัน ตอนนี้เรากำลังพยายามทำความคุ้นเคยกับชีวิตใหม่ของเราแล้วก็พยายามลืมเรื่องราวทั้งหมดออกไปจากชีวิต อย่างน้อยก็เพื่อตัวของเราเอง แล้วตั้งแต่นั้นมาฉันก็ยังคุยกับ “ลิซ่า” และคนอื่นๆ อยู่เป็นระยะซึ่งมันก็ฟังดูแย่มากนะ แต่มันทำให้ฉันได้รู้ว่านี่มันเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับคนที่มีชีวิตเหมือนกับพ่อของฉัน เขาตั้งชื่อลูกๆ ของตัวเองในชื่อเดียวกันเพื่อที่เขาจะได้ไม่ต้องสับสน การพูดคุยกันของเราช่วยให้เราผ่านเรื่องนี้ไปได้
และทั้งหมดนั่นคือเรื่องราวที่โหดร้ายที่สุดที่เกิดขึ้นกับฉัน ท้ายที่สุดแล้วมันสำคัญที่ว่าเราได้เรียนรู้อะไรแล้วก็จะจัดการกับมันยังไง ถ้าเหตุการณ์แบบนี้เคยเกิดขึ้นกับคุณอย่าลังเลที่จะแบ่งปันกับเราในช่อง คอมเม้นต์ด้านล่างนะ