เพื่อนกัน

ฉันสูญเสียลูกไปเพราะคำแนะนำงี่เง่าของเพื่อนฉัน

ไงทุกคนฉันชื่อ “แอนนา” ฉันอยากเล่าให้คุณฟังเกี่ยวกับเรื่องอดีตเพื่อนรักของฉันที่ชื่อ “มอลลี่” มิตรภาพของเราพังทลายลงเพราะความที่เธอชอบสั่งสอนว่าฉันควรหรือไม่ควรจะทำอะไรบ้าง

โดยทั่วไปเรื่องแย่ๆ ที่เกิดจากคำแนะนำของเธอมักเกิดกับเฉพาะเรื่องเล็กๆ แต่เราก็มีครั้งที่แตกต่างอย่างสิ้นเชิงและกลายเป็นเรื่องใหญ่ขึ้นมา ถึงจุดนึงฉันตั้งตั้งคำถามกับเรื่องชีวิตหรือความตาย แต่ขอเล่าแต่แรกก่อนนะ “มอลลี่” ชอบให้คำแนะนำอยู่ตลอดที่จริงก็เป็นคำแนะนำที่งี่เง่าด้วย แต่ฉันเคยเชื่อว่าเธออยากให้สิ่งที่ดีที่สุดกับฉันและยิ่งกว่านั้นก็คือถ้าฉันเห็นเธอ

เธอก็จะโกรธเพราะฉะนั้นฉันก็เลยทำตามที่เธอแนะนำ เธอจะมีความสุขที่ได้บอกว่าฉันควรทำตัวยังไงแม้กระทั่งเรื่องที่ธรรมดาที่สุด ถึงฉันจะต้องจัดการกับผลลัพธ์อันไม่น่าพิสมัยที่ตามมาก็ตาม ตัวอย่างเช่นมีอยู่อีกครั้งหนึ่งฉันต้องไปซื้อชุดเดรสไปงานเต้นรำที่โรงเรียน แน่นอนว่าฉันไปห้างกับ “มอลลี่” หลังจากช๊อปปิ้งกันอยู่หลายชั่วโมงในที่สุดฉันก็เลือกชุดกระโปรงสีน้ำเงินความยาวปานกลาง

แต่ว่า “มอลลี่” ไม่ชอบเธอคะยั้นคะยอให้ฉันลองชุดที่เธอเลือกซึ่งเป็นสีเหลืองแล้วมันก็รัดเกินไปสำหรับฉันเธอหว่านล้อมว่าฉันใส่ชุดนี้แล้วดูดีกว่า ฉันก็เลยซื้อมาเวลาฉันสวมกระโปรงตัวนั้นฉันแทบจะหายใจไม่ออกและขณะที่กำลังเต้นรำฉันเคลื่อนไหวผิดท่าแล้วตะเข็บกระโปรงก็ขาด แน่นอนฉันรีบออกจากงานปาร์ตี้ทันที แต่คนรอบข้างก็เห็นไปแล้วว่าเกิดอะไรขึ้น คืนวันนั้นผ่านมานานละเพื่อนร่วมชั้นก็ยังล้อฉันอยู่เลย

ครั้งหนึ่งเมื่อ “มอลลี่” และฉันไปค่ายฤดูร้อน ฉันมีสิวเสี้ยวประมาณนึงบนหน้าก่อนถึงวันที่เราจะถ่ายรูปรวม “มอลลี่” ก็บอกว่าเธอมีสูตรมาร์คหน้ากลางคืนแบบยอดเยี่ยมซึ่งจะช่วยให้ผิวของฉันดีขึ้นได้ ฉันกังวลมากแล้วก็ไม่มีตัวเลือกอื่นนอกจากทำตามคำแนะนำของเธออีกครั้ง เมื่อตื่นขึ้นมาฉันพุ่งไปที่กระจกและวินาทีนั้นฉันหวังให้ตัวเองยังหลับฝันอยู่

หน้าฉันกลายเป็นสีส้มไปหมดแล้วสิวจะหายไปจริงๆก็เหอะมันรีบบอกว่าอาจจะเพราะขมิ้นผสมอยู่ในมาร์คที่เธอทำ โอ้!! พระเจ้าสิ่งที่ฉันต้องทำก็คือพยายามทำให้หน้าจอเป็นสีเดิม แต่ไม่ได้ผลฉันยังได้ชื่อเล่นว่า “แอนนา” หน้าส้ม และทุกคนก็หัวเราะใส่เวลาฉันเดินผ่าน ถึงอย่างนั้นฉันก็ยังเป็นเพื่อนกับ “มอลลี่” ต่อไป

แต่ว่าเรื่องที่เกิดต่อมาซึ่งสำคัญสำหรับฉันมากเลยก็คือ ฉันรู้ว่าไม่ว่าฉันจะพูดอะไรไปเธอจะสามารถเก็บเป็นความลับได้ เรื่องเริ่มขึ้นเมื่อชั้นพบว่าตัวเองมีอาการคลื่นไส้และง่วงนอนตลอดเวลา แถมยังไม่สามารถดื่มกาแฟอย่างที่ชอบได้เหมือนปกติเพราะกลิ่นของมัน ย้อนกลับไปตอนนั้นฉันคบกับ “อีวาน แม็กอาแล่น” มาได้เกิน 1 เดือนละ

เขาเป็นเหมือนรักแรกของฉัน เมื่อฉันพบว่าตัวเองท้องฉันกลัวมากเลยแน่ละว่า “มอลลี่” คือคนแรกที่ฉันบอกเรื่องนี้ ตอนนั้นฉันต้องการคำแนะนำให้จริงจังมากจริงๆ แล้วก็ไม่อาจจะทนฟังคำแนะนำงี่เง่าเหมือนก่อนๆ นี้ได้ฉันกำลังสิ้นหวังแต่ “มอลลี่” ก็ดื้อดึงเธอคิดว่า “อีวาน” ควรได้รู้เรื่องที่เกิดขึ้นในเมื่อว่ากันตามตรงแล้วเขามีส่วนที่ต้องรับผิดชอบปัญหาที่ฉันเผชิญอยู่นี้เท่าๆ กับฉันแต่ฉันไม่อยากให้เขารู้คือเรากำลังจะเรียนจบชั้นมัธยมในอีก 1 เดือนข้างหน้า

หรือไม่งั้นเขาก็ต้องไปเรียนมหาวิทยาลัยในอีกไม่นานอยู่ดีเรากำลังจะไปอยู่กันคนละฟากประเทศแล้วก็คงยากที่จะคบกันต่อไปแถมยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะเก็บเด็กไว้ดีหรือเปล่าฉันเลยไม่อยากให้จดจำฉันในฐานะผู้หญิงที่ทำลายชีวิตของเขาหรืออะไรแบบนั้น แต่ “มอลลี่” ตั้งหน้าตั้งตาออกความเห็นเรื่องนี้แล้วในที่สุดฉันก็หมดความอดทนพอถึงจุดหนึ่งฉันบอกให้เธอเลิกยุ่งเรื่องนี้ซะ แล้วบอกว่าคำแนะนำที่เธอให้ฉันตลอดตั้งแต่เมื่อก่อนจนถึงตอนนี้มันมีแต่เรื่องแย่ๆ

ฉันไม่ได้มีเจตนาจะทะเลาะกับเธอเลยแต่ว่าคำพูดของฉันแรงมาก “มอลลี่” ก็เลยปล่อยฉันไว้คนเดียวแล้วตอนนี้ฉันต้องตัดสินใจเอาเองโดยปราศจากคำแนะนำของเพื่อนรัก ฉันกลัวมากจริงๆ ที่ต้องบอกแม่ว่าเกิดอะไรขึ้นแต่แม่เป็นคนเดียวที่จะช่วยฉันได้แล้วในตอนนั้น ฉันเศร้ามากเมื่อแม่บอกว่าแม่ผิดหวังในตัวฉันมากแค่ไหน ฉันโกหกแม่บอกว่าไม่รู้ว่าพ่อของเด็กที่ใครแล้วแม่ก็เริ่มตะคอกใส่ฉันหนักขึ้น ฉันร้องไห้หนักมากตลอดทั้งคืนแล้วก็ยังร้องต่อไปเรื่อยๆ จนถึงเช้า

ฉันแทบจะลืมตาที่บวมแล้วก็มีแต่น้ำตาไม่ขึ้นสุดท้ายแม่บอกฉันว่าฉันไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากให้กำเนิดเด็กคนนี้ และแม่ก็ช่วยฉันเลี้ยง ฉันรู้สึกปลอดภัยมากขึ้น เพราะไม่ต้องตัดสินใจอีกแล้วแต่ขณะเดียวกันฉันก็ยิ่งรู้สึกเศร้าโศกกว่าก่อนหน้านี้ซะอีกเพราะรู้ว่าฉันจะไม่ได้ไปเรียนมหาวิทยาลัยหรือออกไปเที่ยวกับเพื่อนๆ หรือทำอะไรอย่างที่เด็กสาวในวัยเดียวกันกับฉันได้ทำแล้ววันหนึ่งขณะที่ฉันอยู่บ้านตามปกติไม่ได้ทำอะไรแล้วก็รู้สึกเสียใจกับสิ่งที่ตัวเองทำก็มีใครบางคนมาเคาะประตูบ้าน คนที่มาคือ “อีวาน” และพ่อแม่ของเขา

กลายเป็นว่า “มอลลี่” ไม่ได้ฟังสิ่งที่ฉันบอกที่ว่าให้เลิกยุ่งเรื่องที่ฉันท้องเธอบอกทุกเรื่องกับ “อีวาน” เขาเล่าปัญหาให้พ่อแม่เขาฟัง โอย..คุณคงเริ่มจินตนาการไม่ถูกด้วยซ้ำว่าที่บ้านฉันตอนนั้นวุ่นวายแค่ไหน พ่อแม่ของ “อีวาน” ไม่อยากจะเชื่อว่าฉันกำลังจะมีลูกพวกเขาบอกว่าจะไม่ให้ความช่วยเหลือใดๆ

จนกว่าฉันจะมีหลักฐานมายืนยันแบบตรวจ DNA หรืออะไรทำนองนั้นแล้วแม่ก็พยายามจะปกป้องฉันเองที่คนเขาพูดกันว่าดุเหมือนแม่เสือบอกว่าเธอจะไม่ให้ฉันไปตรวจพิเศษอะไรทั้งนั้นฉันร้องไห้แล้ว “อีวาน” ก็พยายามบอกให้ทุกคนใจเย็นทุกอย่างเต็มไปด้วยความตึงเครียดแล้วก็เลวร้ายอย่างมากแต่การโต้เถียงก็ไม่ได้ดำเนินต่อไปนานนัก

ฉันเป็นคนจบมันเองเพราะฉันรู้สึกแปลกๆ แล้วก็เจ็บช่วงล่างฉันกลัวมากจริงๆ จนเกือบจะเป็นลมไปหลังจากนั้นความวุ่นวายก็เริ่มขึ้นพ่อแม่ของอีวานพาฉันกับแม่ไปโรงพยาบาลเพราะว่าเราไม่มีรถ และเพราะอะไรก็ไม่รู้ทุกคนถึงได้ลืมว่าเราควรด้วยรถพยาบาลอย่างที่คุณคงเดาได้ความเครียดที่ฉันได้รับมาตลอดส่งผลต่อร่างกายและสภาพจิตใจและโชคชะตาของฉันก็คงเป็นแบบนั้นเองฉันสูญเสียลูกไปแต่หมอให้คำมั่นว่าฉันจะยังมีลูกได้อีกมากมายที่ต้องการเมื่อไหร่ก็ตามที่ฉันพร้อมแน่นอนว่าฉันกับ “อีวาน” ไม่ได้คบกันแล้วฉันตัดสินใจว่ามันคงจะดีกว่าฉันไม่ไปโรงเรียนในช่วงไม่กี่วันสุดท้ายแล้วก็งานพรอม ส่วน “มอลลี่” เธอมาขอโทษในสิ่งที่ทำ ฉันยกโทษให้เธอจริงๆ แต่ว่าเราไม่อาจจะเป็นเพื่อนกันได้อีกแล้วถึงแม้ว่าเรื่องนี้จะผ่านมานาน 6 เดือนแล้วก็ตาม ฉันยังรู้สึกเหมือนข้างในว่างเปล่าฉันหวังว่าคุณจะรู้นะว่าทำไม 

ฉันรู้ว่าฉันจะดีขึ้นและเชื่อว่าทุกสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นน่ะเกิดอย่างที่ควรจะเป็นที่สุดแล้วคุณคิดแบบนั้นไหมแบ่งปันความคิดเห็นของคุณลงในช่องคอมเมนต์ด้านล่างแล้วกดปุ่มติดตามช่องนี้ด้วยนะ 

เรื่องเล่าที่เกี่ยวข้อง

0 0 votes
Article Rating
Subscribe
Notify of
guest
0 Comments
Inline Feedbacks
View all comments
Back to top button
0
Would love your thoughts, please comment.x
()
x

ปิดโปรแกรมบล็อคโฆษณา

กรุณาปิดโปรแกรมบล็อคโฆษณาก่อนนะ เพราะเว็บจะอยู่ได้ก็จากป้ายโฆษณา