ครอบครัว

แม่ขังฉันไว้แล้วบอกว่าฉันจะตายถ้าออกไป

ว่าไงทุกคนฉันชื่อ “แอลลี่” คุณรู้ไหมว่าบางครั้งความโชคร้ายก็เปลี่ยนชีวิตคนให้เหมือนตกนรกได้แต่ในกรณีของฉันมันต่างออกไปเราเลี่ยงความโชคร้ายได้แต่ชีวิตของฉันก็เปลี่ยนไปตลอดกาล มันเกิดขึ้นเมื่อไม่กี่ปีก่อนพ่อแม่ฉันเซอร์ไพรส์ฉันและบอกว่าเรากำลังจะได้ใช้เวลา 3 เดือนบนเกาะสุดเก๋ที่ไหนสักแห่งในเอเชียพวกเขาจะจองวิลล่าไว้แล้วพวกเราจะได้ไปสนุกกับการอยู่ในสรวงสวรรค์ตลอดทั้งฤดูร้อนแต่เรื่องของเรื่องคือฉันไม่อยากไปเลยมันเป็นปิดเทอมหน้าร้อนครั้งสุดท้ายของฉันและฉันอยากจะใช้เวลากับเพื่อนๆปีหน้าพวกเราต่างต้องไปเรียนมหาวิทยาลัยคนละที่กันแล้วก็อาจจะไม่ได้ติดต่อกันอีกอย่างเช่นเกิดเดือนกรกฎาคมฉันไม่อยากฉลองวันเกิดกับพ่อแม่ที่เกาะหรอกถึงแม้ว่ามันจะเป็นเกาะสวรรค์ก็เถอะแต่โชคร้ายที่ไม่มีใครถามความเห็นฉันเลยพอแม่จองตั๋วเครื่องบินแล้ว แล้วพวกเขาก็ไม่ปล่อยฉันไว้ที่บ้านคนเดียวแน่เพราะงั้นฉันจะไม่มีทางเลือกแต่ฉันตั้งใจว่าจะอยู่บ้านจึงตัดสินใจขัดขวางการเดินทางครั้งนี้ใช้แล้วฉันรู้ว่าพ่อแม่คงจะเสียเงินเยอะแต่เข้าใจฉันหน่อยเถอะนี่มัน 3 เดือนในชีวิตของฉันเลยนะที่ต้องอยู่ห่างจากบ้านเลยเพื่อนๆเป็นพันกิโล

แล้ววันเดินทางก็มาถึงฉันจัดกระเป๋าตามแผนที่วางไว้แล้วเราเช็คของเป็นครั้งสุดท้ายฉันช่วยเพื่อที่จะได้เห็นว่าแม่เอาพาสปอร์ตของพวกเราเก็บไว้ที่ไหนที่ต้องทำก็แค่หันเหความสนใจของพ่อแม่เอาซองใส่พาสปอร์ตออกจากกระเป๋าของแม่แล้วซ่อนมันไว้ที่บ้านแม่โทรเรียกแท็กซี่แล้วพวกเราก็นั่งรอรถ ฉันคิดว่านี่เป็นช่วงเวลาที่เหมาะที่สุดในการสร้างความตื่นตระหนกฉันจะออกไปข้างนอกแป๊บนึงโทรหาบริษัทแท็กซี่และยกเลิกแท็กซี่ฉันหวังว่าเมื่อแท็กซี่ยังไม่มาแม่จะเริ่มกังวลและแม่จะออกห่างจากกระเป๋าของเธอสักแป๊บแท็กซี่ไม่มาตามเวลาที่นัดไว้และไม่ช้าพ่อแม่ก็เริ่มเป็นกังวลอย่างมากและเมื่อแม่โทรไปบริษัทแท็กซี่และพบว่าปัญหาคืออะไรแม่จึงรู้ว่าฉันพยายามทำลายทริปของเราและอย่างที่ฉันคาดไว้แม่เริ่มตื่นตระหนกแม่กับพ่อวิ่งออกไปด้วยแท็กซี่ได้ในที่สุด เยี่ยมเลยทำให้ฉันมีเวลาพอที่จะขโมยซองใส่พาสปอร์ตและโยนไว้ในตู้เสื้อผ้าหลังจากนั้นพวกเราก็รีบไปที่สนามบินพ่อแม่ตะโกนใส่ฉันตลอดทางและบอกว่าถ้าพวกเราไปไม่ทันฉันจะต้องถูกลงโทษฉันไม่กลัวเลยแม้แต่น้อยฉันพร้อมที่จะถูกกักบริเวณโดนหักค่าขนมหรืออะไรก็ตามที่พวกเขาคิดออก

เรามาถึงช้าแต่ก็ยังมีเวลาให้เช็คอินและเมื่อพนักงานขอพาสปอร์ตแม่ก็ตกใจมากที่พบว่ามันไม่อยู่ไม่มีเวลาพี่จะกลับไปเอาแล้วเพราะงั้นฉันชนะฉันแทบอดจะร้องออกมาว่า เย้ ไม่ได้แต่เมื่อเห็นสายตาอันขุ่นเคืองของพ่อแม่ฉันก็รู้สึกได้เลยว่าแย่แน่ๆ โอ้วต้องบอกไหมว่าพ่อแม่ดุฉันหนักขนาดไหนฉันสาบานเลยว่าแม่พร้อมจะฆ่าฉันเพราะสิ่งที่ฉันทำอะไรล่ะการลงโทษเริ่มขึ้นทันทีที่เราถึงบ้านฉันต้องเก็บของจากกระเป๋าเดินทางทั้งหมดและทำงานบ้านทั้งหมดด้วยพ่อแม่ยังบอกด้วยว่าฉันจะถูกกักบริเวณตลอดทั้งปิดเทอมและหน้าร้อนแหงละว่านี้ไม่ใช่อย่างที่ฉันหวังไว้และฉันคิดว่าพ่อแม่จะโกรธหนักขนาดนี้ฉันเริ่มรู้สึกแย่ฉันทำลายทริปนี้มันคงดีกว่านี้ถ้าเราได้ไปที่เกาะงี่เง่านั่นแต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันต่อมาเปลี่ยนทุกสิ่ง

คืนต่อมาฉันอยู่ในห้องกำลังคุยโทรศัพท์กับเพื่อนเพราะว่าฉันติดต่อเพื่อนๆทางอื่นไม่ได้เพราะถูกกักบริเวณอยู่ฉันเหนื่อยกับงานบ้านมากและดีใจที่หมดหวังสักทีแต่ทันใดนั้นแม่ก็เรียกฉันลงไปบอกว่าเป็นเรื่องด่วนในห้องนั่งเล่นพ่อแม่ของฉันกำลังมองไปที่ทีวีก็ดูตกใจสุดๆมันมีข่าวเริ่มเครื่องบินตกแล้วมันคือเครื่องบินลำที่พวกเราควรจะขึ้นและตอนนี้ฉันยืนอยู่ในบ้านดูข่าวว่าเครื่องบินลำนั้นตกมันแย่มากไม่มีใครรอดชีวิตเป็นเวลาสักพักที่เราพยายามทำความเข้าใจว่าถ้าเราไม่ตกเครื่องเมื่อวานเราคงตายไปแล้วแต่ฉันก็ไม่ได้พูดหรอกว่ามันเป็นความดีใจฉันสับสนมากๆแม่ตอบสนองกับเรื่องนี้ได้ชัดเจนกว่าคนอื่นแม่เชื่อว่าเราได้โอกาสครั้งที่ 2 แล้วมันเป็นเรื่องบังเอิญหรือโชคชะตาไม่ก็ทั้ง 2 อย่างรวมกันยังไงก็ตั้งแต่นั้นมาแม่ก็งมงายเรื่องไสยศาสตร์มากแต่ที่แย่ที่สุดคือแม่พยายามยัดเยียดความเชื่อของแม่กับฉันด้วยแม่เอาแต่พูดเกี่ยวกับโอกาสครั้งที่ 2 แล้วบอกว่าฉันไม่ควรท้าทายโชคชะตามันทั้งแย่และแปลกในเวลาเดียวกัน

แม่ซื้อเครื่องรางและธูปเข้าบ้านมันคงเอาไว้ไล่วิญญาณร้ายละมั้งและเรามีกระทั่งเท้ากระต่ายไว้ที่บ้านเพื่อให้โชคดีอย่าให้ใครกางร่มหรือทำกระจกแตกในบ้านชนะแม่มีกระทั่งคำพูดติดปากตอนเคาะไม้แม่พูดทุกครั้งเท่าที่ทำได้ฉันไม่อยากคิดเลยว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้ามีแมวดำเดินผ่านหน้าแม่มันยากที่จะทนเพราะฉันไม่เชื่อเรื่องพวกนี้แต่ถ้ามันทำให้แม่สบายใจก็เอาเถอะแต่หลังจากเหตุการณ์หนึ่งฉันก็เริ่มกังวลเกี่ยวกับแม่จริงๆฉันกับพ่อออกไปซื้อของแล้วเมื่อเรากลับมาเราก็เจอคนแปลกหน้าที่บ้านพวกเขาเดินไปมารอบๆบ้านพร้อมทั้งใส่หูฟังและอุปกรณ์วัดบางอย่างในระหว่างนี้แม่นั่งอยู่ในครัวและดูพวกเขาอย่างเงียบๆแล้วก็อธิบายกับพวกเราว่า พวกเขาเป็นผู้เชี่ยวชาญที่มาตรวจสอบบ้านเพื่อหาเหตุการณ์เหนือธรรมชาติแล้วฉันก็แบบ ห๊ะอะไรนะ เหมือนกับในหนังเรื่องบริษัทกำจัดผีหน่ะหรอมันประหลาดมากๆแต่ปัญหาคือเรื่องพวกนี้มันแพงมากแล้วแม่ก็จ่ายเงินไปเยอะมากแล้วพวกเราก็คุยกับแม่อย่างจริงจังเกี่ยวกับเรื่องไสยศาสตร์เรื่องเหนือธรรมชาติไร้เหตุผลพวกนี้แม่ยอมรับว่าอาจจะทำเกินไปแต่ฉันกับพ่อก็ยังกลัวว่าแม่อาจจะมีปัญหาเพราะเรื่องพวกนี้คุณไม่มีทางรู้เลยว่ามีนิกายมากขนาดไหนที่พยายามล่อลวงให้คนเข้าร่วม

หลังจากนั้นแม่ก็เพล่าๆเรื่องไสยศาสตร์ลงแต่ไม่นานก็ถึงวันเกิดของฉันและมันก็เริ่มขึ้นอีกครั้งเรื่องของเรื่องคือฉันเกิดวันที่ 13 กรกฎาคมและในปีนั้นมันเป็นวันศุกร์ใช้แล้ววลีนั้นเองวันศุกร์ที่ 13 เรื่องนี้ทำให้แม่ฉันกลัวและกังวลในทันทีแม่บอกว่าแน่ละเราจะฉลองวันเกิดลูกแต่เราจะฉลองกันวันถัดไปมันดีกว่าที่จะไม่ออกจากบ้านตอนวันศุกร์ที่ 13 และเราจะได้ไม่ท้าทายโชคชะตา โอ้นี่มันไม่ใช่เรื่องไสยศาสตร์แล้วนี่มันหวาดระแวงชัดๆฉันบอกว่าฉันอยากจะจัดปาร์ตี้ที่บ้านแต่คำตอบของแม่เป็นคำตอบของแม่เป็นคำตอบที่ฟังดูโง่ที่สุดเท่าที่ฉันเคยได้ยินมาเลยเราไม่ควรให้คนแปลกหน้าเข้ามาในบ้านเพราะพวกเขาอาจเอาโชคร้ายหรือคำสาปมาด้วยน่าเสียดายที่พ่อไม่พยายามจะแย่งแม่เลยตลอดเวลาที่ผ่านมาพ่อก็แค่ยอมแม่ถึงแม้ว่าพ่อจะไม่เชื่อเรื่องพวกนี้เหมือนกันแต่ฉันจะไม่ทนอีกต่อไปแล้วนั่นมันพ่อแต่ฉันจะทำอย่างที่ฉันอยากทำแล้วไม่มีรางโง่ๆจะมาอยู่ฉันได้ฉันเลยวางแผนทุกอย่างฉันจะกินข้าวเย็นกับพ่อแม่และเมื่อทั้งสองคนไปนอนฉันจะแอบออกไปเงียบๆแล้วไปหาเพื่อนเรื่องเดียวที่ฉันคิดไม่ถึงคือแม่นั้นหวาดระแวงขนาดไหน

แม่นั่งอยู่บนโซฟาและซ่อนใต้ผ้าห่มเกือบทั้งวันและมีเครื่องรางของขลังวางอยู่รอบๆตัวตาของแม่ดูเหมือนหลุดโลกไปแล้วน่ากลัวจริงๆว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นในวันศุกร์ที่ 13 หลังมื้อเย็นแม่ส่งฉันเข้าห้องและขังฉันไว้ในนั้นนี่มันบ้าอะไรเนี่ย นี่ฉันเป็นนักโทษในบ้านตัวเองหรอดูเหมือนว่าแม่จะบ้าไปแล้วไม่ฉันจะไม่อยู่บ้านแล้วไม่ว่าจะประตูอะไรก็หยุดฉันไม่ได้ฉันเลยเอาผ้าปูเตียงมาผูกเข้าด้วยกันให้เป็นเชือกอย่างที่เคยเห็นในหนังฉันออกมาจากทางหน้าต่างได้แล้ววิ่งไปที่บ้านเพื่อน โอ้วมันเป็นคืนที่ดีมากๆเราสนุกกันมากๆในที่สุดฉันก็ได้หันเหความสนใจของตัวเองจากเรื่องปัญหาของที่บ้านฉันและพวกเราก็สนุกกันทั้งคืนแค่คืนนี้กับเพื่อนๆก็คุ้มค่ากว่าทั้งทริปซะอีกเราทำทุกอย่าง เต้นจนเหนื่อยและเล่นเกมต่างๆและแน่นอนว่าพวกเราร้องไห้เพราะว่านี่เป็นหน้าร้อนสุดท้ายที่พวกเราจะได้อยู่ด้วยกันในที่สุดฉันก็ได้ลืมปัญหาที่บ้านทั้งหมดแต่เช่นเดียวกับเรื่องดีเรื่องอื่นปาร์ตี้ของพวกเราจบลงแต่ฉันต้องกลับบ้านก่อนที่พ่อแม่จะตื่นและจับได้ว่าฉันแอบหนีไป

เมื่อถึงบ้านฉันก็เริ่มปีนผ้าปูที่นอนให้ฉันผูกไว้ฉันเกือบถึงหน้าต่างแล้วเมื่อฉันได้ยินเสียงผ้าฉีกขาดผ้าเริ่มขาดเพราะน้ำหนักตัวของฉันวินาทีต่อมาฉันก็ตกและกรีดร้องด้วยความกลัวเสียงร้องของฉันปลุกพ่อแม่ตื่นแล้วพวกเขาก็วิ่งออกมาดูว่าอะไรขึ้นเมื่อฉันลุกขึ้นฉันก็รู้สึกเจ็บขาสุดๆดูเหมือนว่าฉันจะขาหัก พ่อแม่รีบพาฉันไปโรงพยาบาลฉันได้เอกซเรย์และใส่เฝือกและในระหว่างนั้นฉันก็รอว่าเมื่อไหร่แม่จะเริ่มดูชั้นที่ไม่ฟังแม่ แม่เริ่มพูดพล่ามเกี่ยวกับโอกาสที่ 2 แล้วมันก็เป็นอย่างที่ฉันคาดไว้เรื่องแรกที่แม่พูดเมื่อเห็นเฝือกของฉันคือแม่บอกแล้วมันเป็นเพราะวันศุกร์ที่ 13 แต่ครั้งนี้ฉันจะไม่ทนฟังเรื่องไร้เหตุผลอีกต่อไปและเริ่มเถียงแม่ฉันบอกว่ามันไม่ได้เป็นเพราะรางโง่ๆหรือเรื่องไสยศาสตร์อะไรหรอกแต่เป็นเพราะฉันต้องปีนออกจากบ้านต่างหากและฉันคงไม่ทำอย่างนั้นถ้าแม่ให้ฉันออกไปฉลองวันเกิดกับเพื่อนๆและอีกอย่างจริงๆแล้วมันเป็นวันเสาร์ที่ 14 แล้วต่างหากเพราะงั้นมันไม่ตรงกับความเชื่อเรื่องไสยศาสตร์ของแม่เลยด้วยคำพูดนี้ในที่สุดฉันก็ทำให้แม่เข้าใจ

เราคุยกันมากมายเกี่ยวกับเรื่องนี้ภายหลังและเราก็ประนีประนอมกันได้ถ้าแม่ไม่หนักข้องกับเรื่องพวกนี้ขนาดนั้นฉันก็คงไม่ต้องปีนออกนอกหน้าต่างและทำตัวเองขาหักแต่แม่ก็พูดถูกด้วยในบางเรื่องเราคงตายตอนเครื่องบินที่ตกไปแล้วดังนั้นจึงไม่ฉลาดนักที่จะเสี่ยงชีวิตและสุขภาพกับเรื่องไม่เป็นเรื่องชีวิตนั้นมีค่าเราต้องปกป้องชีวิตไม่ว่าจะยังไงก็ตาม

ขอบคุณที่รับชมนะทุกคนคุณเชื่อเรื่องไสยศาสตร์ไหมเราเรื่องแปลกประหลาดที่สุดให้ฉันฟังในช่อง คอมเม้น หน่อยสิและแน่นอนอย่าลืมกดติดตามช่องนี้และแชร์คลิปนี้กับเพื่อนๆด้วย 

เรื่องเล่าที่เกี่ยวข้อง

0 0 votes
Article Rating
Subscribe
Notify of
guest
0 Comments
Inline Feedbacks
View all comments
Back to top button
0
Would love your thoughts, please comment.x
()
x

ปิดโปรแกรมบล็อคโฆษณา

กรุณาปิดโปรแกรมบล็อคโฆษณาก่อนนะ เพราะเว็บจะอยู่ได้ก็จากป้ายโฆษณา