เพื่อนเก่าของฉันกลายเป็นคนหล่อเหลา ส่วนฉันยังคงอวบและมีความรัก

สวัสดีเพื่อนๆ ฉันชื่อ “ลิซ” อายุ 16 ปีฉันอยากจะแบ่งปันเรื่องราวของความอับอายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเท่าที่ฉันเคยประสบในชีวิตให้พวกคุณฟังสิ่งแรกที่คุณต้องรู้เกี่ยวกับฉันก็คือในตอนที่ฉันอายุครบ 14 ปีฉันสังเกตเห็นว่าเพื่อนผู้หญิงทุกคนเริ่มไปออกเดทกับผู้ชายในขณะที่ฉันดูจะไม่สามารถดึงดูดความสนใจของใครได้เลยฉันแน่ใจมากว่าทั้งหมดนี้เป็นเพราะรูปลักษณ์ของฉันเองอย่างที่คุณเห็นฉันเป็นสาวร่างผอมเพรียวมาเสมอแต่ระหว่างที่ฉันกำลังโตแต่เมื่อถึงช่วงอายุเนื่องจากเพราะฮอร์โมนไม่รักดีบางอย่างตามที่แม่ของฉันเรียกชั้นน้ำหนักขึ้นถึง 9 กิโลหรืออาจมากกว่านั้นอีกนิดหน่อย

ฉันพยายามซ่อนน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นอย่างมากไว้ใต้เสื้อผ้าขนาดใหญ่พิเศษและบอกให้ตัวเองลดน้ำหนักแต่ฉันก็ทำอะไรไม่ได้เลยในช่วงที่ฤดูร้อนพึ่งเริ่มต้นฉันไปที่บ้านริมชายหาดของตายายเพื่อพักผ่อนช่วงหน้าร้อนและวางแผนจะอยู่ที่นั่นเรา 6 สัปดาห์ ฉันไม่ได้ไปที่นั่นมานานหลายปีแล้วถึงตอนที่ฉันยังเป็นแค่เด็กตัวน้อยฉันจะใช้เวลาตลอดฤดูร้อนที่นั่นเพื่อเล่นกับเด็กๆในละแวกนั้นก็ตามเขาชื่อ “อาชี่” และเขาก็อายุมากกว่าชั้น 2 ปีเท่าที่ฉันจำได้นะแต่เขาดูตัวเล็กและอ่อนแอกว่านั้นดังนั้นครั้งนี้ฉันเลยแน่ใจว่าฉันไม่ต้องเขินอายอะไรกับการใส่ชุดว่ายน้ำตอนน้ำหนักเพิ่มขึ้นแล้วนั่งอยู่ข้างๆ “อาชี่” เด็กเนิร์ดที่ห่างไกลจากคำว่าเพอเฟ็กซ์นัก

วันหนึ่งฉันตัดสินใจออกไปเดินดูรอบๆว่าเมืองเปลี่ยนแปลงไปขนาดไหนแล้วนับตั้งแต่ครั้งสุดท้ายที่ฉันมาฉันเดินเล่นไปพร้อมกับ “ซันแดนซ์” หมาลาบราดอร์ของเราและทันใดนั้นเขาก็สลัดตัวออกจากสายจูงแล้ววิ่งเข้าไปในสวนหลังบ้านของใครบางคนฉันตกใจมากและไม่รู้ว่าต้องทำยังไงดังนั้นเลยวิ่งตาม “ซันแดนซ์” ไปและพยายามจับกลับมาให้ได้โดยไม่ได้รอขออนุญาตเจ้าของบ้านกลายเป็นว่ามีผู้ชายคนหนึ่งซึ่งหน้าตาหล่อเหลาจริงๆยืนอยู่ตรงนั้นและจับหมาของฉันเอาไว้ได้แล้วเขารู้จัก “ซันแดนซ์” ด้วยฉันหมายถึง “ซันแดนซ์” ดูจะคุ้นเคยกับผู้ชายคนนี้ดีแล้วเขาก็คุ้นเคยกับมันด้วยเช่นกันเพียงแค่หลังจะกล่าวคำขอบคุณและขอโทษอีกหลายคำในที่สุดอะไรๆ ก็กระจ่างขึ้นมานี่คือเขาเอง “อาชี่” ไม่ต้องสงสัยเลยว่าฉันคงจำเขาไม่ได้ในเว็บแรกความเปลี่ยนแปลงของเขาเด่นชัดมากตอนนี้เขาสูงราว 6 ฟุตมีผิวสีเข้มที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อและ โอ้…

กระทั่งตอนที่ฉันกำลังเล่าเหตุการณ์การพบกันของเราอยู่นี้ฉันก็ยังรู้สึกวูบวาบไปทั้งตัวอยู่เลยเอาเถอะเมื่อในที่สุดเขารู้แล้วว่าฉันเป็นใครเขาแทบไม่อาจซ่อนความประหลาดใจบนใบหน้าได้เขาบอกว่าเขาแทบจำฉันไม่ได้เธอไม่ใช่เพราะฉันมากกับสุนัขของตายาย แน่ละเขาพยายามจะพูดจาให้สุภาพแล้วอย่างเช่นไม่เจอเธอตั้งหลายปีแหนะเธอดูโตขึ้นมากเลยและอื่นๆอีกมากมายแต่ฉันรู้สึกชัดๆเลยว่าความเปลี่ยนแปลงของไม่ใช่อะไรที่คุณต้องร้องว้าวแน่ฉันถามเขาว่าเขาทำอะไรอยู่ในบ้านหลังนี้เพราะที่แน่ๆฉันจำได้ว่าเขาเคยอยู่ที่อื่นแล้วกลายเป็นว่านี่คือบ้านของเพื่อนเขาที่เพิ่งย้ายมาในเมืองเมื่อไม่นานมานี้พร้อมกับพ่อแม่ว่ากันตามตรงนะเราแทบไม่มีอย่างอื่นให้คุยกันดังนั้นฉันเลยบอกเขาว่าขอให้โชคดีและจากมาพร้อมสุนัขของตายายตลอดทางกลับบ้านฉันสบถกับตัวเองเงียบๆที่วันนี้แต่งตัวได้แย่สุดๆแน่นอนเลยว่าเขาต้องสังเกตเห็นไขมันที่หน้าท้องของฉัน

หลังจากนั้นหลายวันถัดมาเราบังเอิญพบกันอีกครั้งที่ชายหากครั้งนี้ “อาชี่” อยู่กับเพื่อนของเขาพวกเขากำลังง่วนอยู่กับการเล่นบอลและฉันก็มากับตายายกำลังอาบแดดกันอยู่แน่ล่ะทันที่ฉันสังเกตเห็นพวกเขาฉันก็รีบดึงผ้าขึ้นมาคลุมตัวฉันไม่อาจให้พวกเขาเห็นว่าฉันดูแย่ขนาดไหนเวลาสวมชุดว่ายน้ำได้จมูกของฉันเต็มไปด้วยครีมกันแดดและฉันก็สวมหมวกนะตาเลวร้ายที่คุณยายย้ำให้ฉันสวมมาถึงตอนนึงพวกเขาเข้ามาใกล้เราเพื่อทักทายพวกเขาคุยกับคุณตาของฉันสั้นๆแล้วกำลังจะกลับไปเล่นสนุกกันต่อเมื่อคุณยายของฉันพูดเรื่องที่น่าอับอายที่สุดของฉันเท่าที่คุณยายจะคิดได้ขึ้นมาอย่างกะทันหันทันบอก “อาชี่” ว่าฉันแทบทนอย่างออกไปเที่ยวเล่นกับ “อาชี่” และเพื่อนใหม่ของเขาไม่ไหวฉันสบสายตาของ “อาชี่” และรู้สึกหน้าแดงตั้งแต่หัวจรดเท้า

เขาเป็นคนดีมากที่บอกว่าเขายินดีที่จะแวะมาสักวันและพาฉันไปเดินเล่นในตอนนั้นฉันได้แต่ภาวนาขอให้แผ่นดินแยกตัวออกและสูบฉันลงไปซะหลังจากวันนั้นฉันพบว่าตัวเองเฝ้าแต่รอคอย “อาชี่” ฉันพยายามลองใส่เสื้อผ้าหลายๆแบบเลือกเสื้อผ้าที่สวมแล้วรู้สึกมั่นอกมั่นใจมากขึ้นถึงเขาจะไม่ได้พูดออกมาตรงๆว่าจะมาหาฉันวันไหนฉันก็อยากเตรียมตัวและพร้อมเต็มที่เพื่อให้ดูเพอร์เฟกต์โชคร้ายที่เขาไม่ได้มาในวันนั้นหรือแม้แต่อีกไม่กี่วันถัดมาด้วยความหวังที่จะได้พบเขาฉันจึงแต่งหน้าและทำผมออกไปไหนมาไหนตลอดทั้งเวลาไปร้านขายของกับคุณยายหรือไปไปรษณีย์เป็นเพื่อนคุณตาและเท่าที่ฉันจะพอมีโชคฉันไม่เคยเจอเขาเลยแต่ฉันกลับเห็น “อเล็กซ์” เพื่อนของเขาอยู่หลายครั้งจากนั้นวันหนึ่งคุณยายของฉันก็ตัดสินใจเข้ามายุ่งเกี่ยวกับชีวิตฉันอีกครั้ง

ตอนนั้นผ่านไปเรา 2 อาทิตย์แล้วนับตั้งแต่ที่เราพบกันที่ชายหาดและเขาสัญญาว่าจะพาฉันไปข้างนอกเมื่อเครื่องตัดหญ้าของคุณตาเกิดเสียเราทั้งหมดจึงออกไปซื้อเครื่องใหม่ที่ร้านขายอุปกรณ์ฉันบังเอิญเจอ “อเล็กซ์” อีกครั้งคุณแน่ใจได้เลยว่าคุณยายของฉันจะต้องไม่พลาดโอกาสกล่าวโทษ “อเล็กซ์” และเพื่อนของเขาที่ผิดคำพูดแน่ล่ะดังนั้นเขาเลยไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเชิญเราทั้งหมดไปงานปาร์ตี้ที่ครอบครัวของเขาจะจัดขึ้นในวันที่ 4 กรกฎาคมฉันจะพูดว่ายังไงดีนี่มันน่าตื่นเต้นสุดๆไปเลยฉันแน่ใจว่า “อาชี่” ต้องอยู่ที่งานปาร์ตี้แน่และฉันแทบทนรอเตรียมตัวไปงานไม่ไหวแล้วฉันมีเวลาเหลืออีกสัปดาห์นิดๆดังนั้นฉันเลยเริ่มออกกำลังกายตามที่เปิดดูในยูทูปและเริ่มออกไปวิ่งในตอนเช้าอีกอย่างคุณยายดูจะตื่นเต้นเสียยิ่งกว่าฉันอีกเพราะคุณยายเพิ่งเรียนสูตรอาหารใหม่รสชาติดีแล้วยังดีต่อสุขภาพมาเพื่อที่จะหาวิธีช่วยให้ฉันลดน้ำหนักได้สำเร็จมีแค่คุณตาของฉันเท่านั้นที่ดูเหมือนไม่รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้น

เดากันออกไหมในวันที่รอคอยนั้นฉันจัดการลดน้ำหนักได้มากพอที่จะซื้อชุดเดรสไซส์เล็กลงมาได้แล้ว โอ้…ฉันรู้สึกว่าตัวเองยิ่งใหญ่ที่สุดไปเลยและนั้นยังเป็นครั้งแรกในรอบระยะเวลาอันยาวนานที่ผ่านมาที่ฉันรู้สึกดีกับการมองตัวเองในกระจกอย่างไรก็ตามคุณจะต้องเดาผิดแน่ถ้าคิดว่าเรื่องทั้งหมดของฉันจะมีตอนจบที่ใกล้เคียงกับตอนจบอย่างมีความสุข “อาชี่” คือคนแรกที่ฉันเห็นเมื่อคุณตาคุณยายและฉันไปถึงงานปาร์ตี้เขายิ่งดูหล่อเหลากว่าก่อนที่เราจะพบกันและเมื่อเขาสังเกตเห็นเราเขาโบกมือให้เราฉันรู้สึกได้ว่าแก้มตัวเองเปลี่ยนเป็นสีแดงคุณยายกระซิบอะไรสักอย่างที่เหมือนให้กำลังใจจากนั้นพยายามบอกให้ฉันลุกไปคุยกับเขาในตอนที่มีเด็กผู้หญิงคนนึงปรากฏตัวข้างๆเขาอย่างกะทันหันตอนนั้น “อเล็กซ์” ก็ผ่านมาพอดีและฉันถามว่าเธอคือผู้หญิงคนนั้นเป็นใครแน่นอนวันนั้นคือแฟนของเขาฉันหมายถึงแฟนของ “อาชี่” หน่ะวินาทีนั้นฉันคิดว่าอะไรๆ คงไม่เลวร้ายไปกว่านี้อีกแล้วฉันคิดว่าความหวังที่จะมีรักของฉันต้องถูกทำลายเช่นเดียวกับค่ำคืนนั้นแต่แล้วคุณยายของฉันก็ตัดสินใจจัดการทุกอย่างด้วยตัวเอง

คุณยายตัดสินใจเดินเข้าไปหา “อาชี่” และแฟนของเขาและพูดจาเป็นเชิงกล่าวโทษที่ทำให้ฉันผิดหวังคุณยายบอกว่าเป็นเขาที่ทำให้ฉันทนอาบเหงื่อเพื่อลดน้ำหนักเขากล้าดียังไงที่มาให้ความหวังแล้วจากนั้นก็หักอกฉันและยังมีอีกฉันพนันได้เลยว่าคุณนึกภาพออกว่ามันน่าอายขนาดไหนแล้วจากนั้นเหนือสิ่งอื่นใดคุณยายยังบอกว่าฉันควรตกหลุมรัก “อเล็กซ์” ที่เป็นสุภาพบุรุษเต็มร้อยในคืนนั้นมากกว่าทุกคนได้ยินเรื่องนี้กันหมดแล้วฉันก็เตรียมตัวกลับไปอ้วนเหมือนเดิมเลยแบบว่ายอมอ้วนตลอดชีวิตก็ได้ที่ได้แลกกับการที่เหตุการณ์ในวันนั้นจะไม่เกิดขึ้นฉันยังต้องพูดอีกไหมว่าฉันใช้เวลาช่วงวันหยุดที่เหลือที่บ้านของคุณตาคุณยายไปกับการพักผ่อนเงียบๆอยู่ที่บ้านโดยที่แทบไม่ยื่นหน้าออกไปพ้นหน้าต่างเลย

คราวนี้ช่วยบอกฉันหน่อยนะว่าญาติของคุณบางครั้งเคยทำให้คุณต้องอับอายในที่สาธารณะบ้างไหมแบ่งปันประสบการณ์ของคุณได้ในช่องคอมเม้นต์ วีดีโอนี้และอย่าลืมกดไลค์ให้เรื่องราวของฉันล่ะ