ปัญหาสุขภาพ

เพื่อนของผมเดินไม่ได้อีกต่อไปเพราะผมเป็นต้นเหตุ

สวัสดีทุกคนผมชื่อ “จาร์เลท” อายุ 15 ปีคุณรู้ไหมว่ามันรู้สึกอย่างไรเวลาที่ส่องกระจกแล้วคุณไม่อยากเห็นตัวเองในนั้นคุณเคยรู้สึกต่อต้านตัวเองจนอยากจะลืมว่าตัวเองเป็นใครและกลายเป็นคนใหม่ให้มันรู้แล้วรู้รอดไหมเปล่าเลยผมไม่ได้ถูกล้อเลียนหรือถูกกลั่นแกล้งที่โรงเรียนแต่ประเด็นก็คือผมเป็นคนที่ไม่มีอะไรพิเศษเอาเสียเลยที่โรงเรียนผมก็เป็นแค่คนที่ไม่มีใครพูดถึงเรื่องหลงลืมได้ง่ายเสมอผมมีพี่น้องทั้งหมด 5 คนแล้วผมไม่ได้มีอะไรพิเศษกว่าพี่น้องคนอื่นๆเช่นกันมีคุณคนเดียวที่คอยเอาใจใส่ในตัวผมนั่นคือ “แฟรงค์” เขาเป็นเพื่อนผมมาตั้งแต่ยังเด็กเขาเป็นคนที่มีความสามารถและมีเพื่อนฝูงมากมายผมชื่นชมและนับถือเขามากแล้วไม่เข้าใจว่าทำไมคนแบบเค้าถึงว่าสนใจคบคนที่น่าเบื่อแบบผมเป็นเพื่อนพวกเราเรียนคนละโรงเรียนเรามักเจอกันหลังเลิกเรียนบ่อยๆเขามักจะเล่าเรื่องวงดนตรีเรื่องสาวๆและเรื่องปาร์ตี้ให้ผมฟังส่วนผมก็ได้แต่ถ้าปากค้างเมื่อฟังเรื่องราวของเขาและพยายามซ่อนความรู้สึกเจ็บปวดที่รู้ว่าตัวเองไม่มีเทียบเขาได้เลยแม้แต่น้อยผมไม่รู้เหมือนกันว่าผมรู้สึกไม่ชอบเขาแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ผมไม่กล้ายอมรับด้วยซ้ำว่าเขาไม่ได้ทำอะไรผิดแต่ที่ผิดคือผมเองดังนั้นผมจึงพยายามอย่างที่สุดในการขจัดความคิดแย่ๆพวกนี้ออกไปและรักษามิตรภาพที่ดีของเราไว้

วันหยุดสุดสัปดาห์หนึ่ง “แฟรงค์” มาหาผมที่บ้านเขาดูร่าเริงมากเขาบอกผมเกี่ยวกับข่าวดีที่สุดว่าเขาจะย้ายมาเรียนโรงเรียนเดียวกับผมและพ่อแม่ของเขาก็ขออาจารย์ใหญ่ถ้าย้ายเข้ามาที่ห้องเดียวกันกับผมด้วยแม่ผมดีใจมากที่ได้ยินเช่นนั้นเธอรักเขาเหมือนกับที่ใครๆก็รักเขาทุกครั้งที่เขามาที่บ้านเธอมักจะพูดคุยกับเขาเป็นเวลานานจนบางครั้งผมคิดว่าเธอน่าจะมีความสุขมากกว่าจะได้เข้ามาเป็นลูกชายคุณอาจเดาออกว่าผมไม่ได้ตื่นเต้นกับข่าวนี้เลยเพราะต่อจากนี้ผมจะต้องเห็นความสำเร็จของเขาทุกวันยิ่งไปกว่านั้นผมยังไม่ต้องการให้ “แฟรงค์” รู้ถึงสถานภาพทางสังคมของผมที่โรงเรียนส่วนตัวเขากลายเป็นคนเด่นของห้องในทันทีและยิ่งแย่เข้าไปอีกเมื่อเขาได้รับความสนใจจาก “ไวโอเล็ต” สาวในฝันของผมผมแอบชอบเธอมา 2 ปีก่อนและแน่นอนว่าผมไม่เคยมีโอกาสได้บอกเธอผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะทำยังไงความรู้สึกของผมที่มีต่อ “แฟรงค์” เปลี่ยนไปเขาทำให้ผมหัวใจสลายแล้วไม่นานสิ่งที่ผมกลัวที่สุดก็เกิดขึ้นเมื่อเขาขอให้ผมบอกทุกสิ่งทุกอย่างที่ผมรู้เกี่ยวกับ “ไวโอเล็ต” เพราะเขาต้องการชวนเธอออกไปเที่ยวผมจุกจนพูดไม่ออกแน่ใจเต็มไปด้วยความชิงชังและเครียดแค้นแต่ผมก็ต้องแสดงว่าเป็นเพื่อนที่แสนดีแม้ว่าจะต้องเพิ่มขึ้นจนสุดจะทนไหว

ด้วยความที่ผมแอบหลงรัก “ไวโอเล็ต” มานานผมจึงรู้เรื่องราวเกี่ยวกับเธอมากกว่าที่เขาคิดผมรู้ว่าเธอชอบหนังแบบไหนฟังเพลงอะไรน้ำหอมที่เธอใช้และทุกๆสิ่งแม้กระทั่งรายละเอียดเล็กๆน้อยๆผมรู้สึกเหมือนกำลังขุดหลุมฝังตัวเองทั้งเป็นแต่ผมก็บอกเขาทุกอย่าง อย่างที่ผมรู้ “แฟรงค์” ค่อนข้างแปลกใจที่ผมรู้เรื่องของเธอมากขนาดนี้จนสงสัยว่าผมกับ “ไวโอเล็ต” เป็นแค่เพื่อนกันจริงๆ หรือเปล่าผมอึ้งไปชั่วขณะแต่แล้วก็ต้องบอกเขาไปว่าเราไม่มีอะไรกันไม่ต้องห่วงแล้วผมไม่เคยคิดว่าเรื่องนี้จะนำไปสู่จุดจบของพวกเราอยู่มาวันหนึ่งหลังเลิกเรียน “แฟรงค์” ก็ชวนผมออกไปเดินเล่นในป่าที่ๆ เราเคยไปเล่นกันประจำสมัยยังเป็นเด็กผมไม่เคยเห็นเขาดูมีความสุขขนาดนี้มาก่อน  เราเดินไปที่สถานที่โปรดที่เป็นหน้าผาใกล้กับน้ำตกและนั่งดูพระอาทิตย์ตกด้วยกันจากนั้น “แฟรงค์” ก็พูดว่าฉันคิดว่าฉันตกหลุมรักเธอเข้าแล้วและคิดว่าเธอก็รักฉันเหมือนกันขอบใจมากนะ “จาร์เลท” ที่ช่วยฉัน

หัวใจของผมตกวูบทำไมมันถึงรวดเร็วขนาดนี้ผมพยายามเป็นปีเพื่อให้เธอหันมาสนใจแต่นี่แค่ “แฟรงค์” โผล่เข้ามาแค่พริบตาเดียวเธอก็ตกหลุมรักเข้าซะแล้วและแถมผมยังเป็นคนช่วยพวกเขาให้รักกันอีกนี่มันเกินกว่าที่ผมจะรับไหวผมลุกขึ้นวิ่งหนีไปผมรับไม่ได้จริงๆตอนนี้ “แฟรงค์” ครอบครองทุกอย่างที่ผมรักไปหมดแล้วผมไม่เหลืออะไรแล้วแม้กระทั่งความฝันผมได้แต่หวังให้เขาหายไปตลอดกาลผมกระโดดจากหินก้อนหนึ่งไปอีกก้อนหนึ่งโดยไม่ทันสังเกตว่าตัวเองเข้ามาใกล้กับน้ำตกแล้วถ้าก้าวพลาดแค่ก้าวเดียวผมคงตกลงไปแน่ๆผมหันหลังกลับไปแล้วเห็นใบหน้าที่ตกใจของ “แฟรงค์” เขาวิ่งตามผมมาแล้วเรียกชื่อผม ผมได้ยินเขาตะโกนว่าอย่าขยับนะฉันกำลังจะไปช่วยนายและทันใดนั้นเองเขาลื่นจากโขดหินแล้วลื่นตกลงไปที่หน้าผาผมเห็นเขาตีลังการ่วงลงไปแล้วก็คว้าอะไรเกาะไว้ได้ทันเขาตะโกนขอความช่วยเหลือช่วยฉันด้วย “จาร์เลท” 

ผมยืนนิ่งตกใจจนก้าวขาไม่ออกก็แล้วผมก็ได้สตินี้ผมกำลังทำอะไรลงไปเพื่อนผมกำลังจะตายแต่ผมกลับไม่ทำอะไรสักอย่างผมจึงรีบวิ่งไปหา “แฟรงค์” และพยายามคว้ามือเขาแต่เขายึดไว้ไม่ไหวแล้วลงไปผมได้แต่ตะลึงผมตะโกนเรียกชื่อเขาเป็นล้านๆครั้งแต่เขาไม่ขานรับผมเลย ผมร้องไห้ออกมาอย่างหนักทำไมผมถึงเป็นคนขี้อิจฉาที่น่าสมเพชได้ขนาดนี้ผมทำให้เพื่อนรักต้องตายเพื่อนที่ผมมีเพียงแค่คนเดียวแม้ว่าโอกาสที่จะรอดชีวิตอาจดูลางเลือนแต่ผมก็รีบลงไปขอความช่วยเหลือผมตะลึงหน่วยกู้ภัยพบเขาเขาดูซีดเซียวและเต็มไปด้วยรอยพกช้ำและบาดแผลแต่ปฏิหารย์ก็เกิดขึ้นเขายังมีชีวิตอยู่ผมหลั่งน้ำตาออกมาด้วยความยินดีแต่แน่นอนว่าเรื่องมันยังไม่จบแค่นี้ “แฟรงค์” กระดูกสันหลังหักและได้รับการผ่าตัดถึง 5 ครั้งแต่นั่นก็ยังไม่สามารถเปลี่ยนความจริงอันโหดร้ายได้นั่นคือเขาจะไม่สามารถกลับมาเดินได้อีกต่อไป 

ผมไปที่โรงพยาบาลทุกวันแต่ไม่กล้าพอที่จะเปิดประตูห้องเข้าไปหาเขาพ่อแม่และเพื่อนๆมาเยี่ยมเขาและยิงคำถามใส่ผมมากมายแล้วผมไม่กล้าพอที่จะเล่าความจริงผมจะพูดออกมาได้ยังไงผมไม่สามารถพูดอะไรได้เลยและได้แต่อ้ำอึ้งไปมาความกลัวเฉือนเข้าไปถึงกระดูกดำเมื่อผมคิดว่าจะบอกกับ “ไวโอเล็ต” ยังไงถ้าเธอรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับ “แฟรงค์” ผมจะกล้ามองตาเธอได้ยังไงแต่แล้วในที่สุดวันนั้นก็มาถึงวันที่เธอปรากฏตัวขึ้นที่โรงพยาบาลเธอร้องไห้ตั้งแต่ก่อนเข้ามาถึงในห้องเธอมองผมและถามผมว่า “แฟรงค์” เป็นยังไงบ้างผมรู้สึกเหมือนว่านี่เป็นครั้งแรกที่เธอสังเกตเห็นผมและนั่นคือคำถามแรกที่เธอถามผมมันช่างน่าละอายเหลือเกินเมื่อคิดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นผมมอง “ไวโอเล็ต” พร้อมน้ำตาที่ไหลอาบแก้มผมสารภาพต่อเธอทุกสิ่งตั้งแต่เรื่องที่ผมหลงรักเธอแล้วผมหึงเธอกับ “แฟรงค์” ผมบอกเธอทุกอย่างเกี่ยวกับความรวดร้าวในชีวิตผมพยายามบอกเธอว่าสิ่งที่เกิดขึ้นมันเป็นเพียงอุบัติเหตุที่ผมไม่ได้ต้องการให้มันเกิดขึ้นเลยผมคิดว่าเธอคงจะต่อว่าหรือตำหนิเธอกลับกอดผมไว้แล้วบอกว่าผมจะต้องคุยกับ “แฟรงค์” แล้วบอกความจริงกับเขาทุกอย่าง

ในที่สุดผมก็รวบรวมความกล้าทั้งหมดที่มีและเข้าไปหา “แฟรงค์” ในห้องเขาถูกหุ้มด้วยเปียกไปทั้งตัวแต่เขายังดีใจที่ได้เห็นผมเขาขอบคุณที่ผมช่วยชีวิตเขาผมแทบไม่เชื่อหูของตัวเองช่วยชีวิตงั้นเหรอนี่ผมก็ทำให้เขาเกือบต้องตายแท้ๆแต่เขามองหน้าผมและถามผมอย่างจริงจังว่าเกิดอะไรขึ้นหรือ “จาร์เลท” อะไรที่รบกวนจิตใจนายจนถึงกับต้องวิ่งหนีฉันไปแบบนั้นผมสูดหายใจลึกเริ่มต้นสารภาพเมื่อผมพูดจบ “แฟรงค์” ก็ยิ้มแล้วพูดว่าฉันดีใจที่ได้ที่สุดในก็ได้พูดสิ่งที่อยู่ในใจออกมาสักทีเขายังพูดอีกว่าเขาจะไม่มีวันจีบผู้หญิงของเพื่อนรักเด็ดขาดถ้าเพียงแค่ผมบอกให้เขารู้ผมไม่เคยรู้สึกแย่ขนาดนี้มาก่อนในชีวิตแต่ผมต้องทำใจยอมรับแต่อย่างน้อยตอนนี้ผมก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมานิดหน่อยนี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ผมรู้สึกมีชีวิตชีวาและเป็นที่ต้องการมันเป็นความรู้สึกที่แสนหอมหวานและขมขื่นในเวลาเดียวกันผมไม่เคยรู้สึกแย่ในชีวิตเท่านี้มาก่อนการโกหกและความอิจฉาเป็นสิ่งชั่วร้ายและอันตรายที่สุดในโลกมันสามารถทำลายชีวิตผู้คนอย่างไม่มีทางเรียกคืนมาและความริษยาของผมมันก็ได้ทำลายชีวิตของเพื่อนรักและของผู้หญิงที่ผมรักรวมถึงชีวิตของตัวผมเองด้วยเช่นกัน

ผมไม่สามารถให้อภัยตัวเองได้ไหมว่า “แฟรงค์” แล้ว “ไวโอเล็ต” จะยกโทษให้ผมก็ตามผมไม่คิดว่าจะมีใครมีน้ำใจให้ผมได้ขนาดนี้พวกเขาสัญญาว่าจะไม่บอกความลับที่มืดดำนี้ให้ใครรู้แม้กระทั่งพ่อแม่ของพวกเราและแม้ว่า “แฟรงค์” จะต้องใช้รถเข็นไปตลอดชีวิตแต่เขากลับยังมองโลกในแง่ดีและมีความสุขกับชีวิตเขามุ่งมั่นที่จะเรียนให้จบและเข้าเรียนต่อมหาวิทยาลัยเขารักที่จะเล่นบาสเกตบอลมาตลอดและเคยเล่นให้กับทีมของโรงเรียนแต่ในเมื่อเขาไม่มีโอกาสทำแบบนั้นได้อีกแล้วเขาจึงตัดสินใจที่จะเล่นวีลแชร์บาสเกตบอลแทนส่วน “ไวโอเล็ต” ก็ไม่ยอมแพ้ต่อสิ่งที่เกิดขึ้นถ้ายังคอยสนับสนุน “แฟรงค์” ทุกอย่างและคอยให้กำลังใจเขาได้ทุกเรื่องทุกๆสุดสัปดาห์ “ไวโอเล็ต” และผมจะพาเข้าไปที่สวนสาธารณะและใช้เวลาสนุกด้วยกันผมคิดว่าเขาทั้งคู่ช่างเหมาะสมกันจริงๆผม ผมได้แต่หวังว่าพวกเขาจะได้แต่งงานกันในอนาคตสำหรับตัวผมเหตุการณ์นี้ช่วยผมได้คิดใหม่ทำใหม่แล้วทบทวนมุมมองของตัวเองที่มีต่อโลกใบนี้ “แฟรงค์” เป็นแบบอย่างที่ดีให้กับผมความทะเยอทะยานที่จะก้าวต่อไปและความรักที่เขามีให้กับตัวเองทำให้ผมเลื่อมใสจะยกให้เขาเป็นแรงบันดาลใจในชีวิตให้กับผม

คุณเคยรู้สึกอิจฉาหรือโกหกใครบ้างหรือเปล่ามันสร้างปัญหาอะไรให้กับคุณบ้างไหมผมจะดีใจมากถ้าได้รู้ว่าคุณคิดยังไงกับเรื่องของผมช่วยแสดงความคิดเห็นของคุณลงในช่องคอมเม้นถ้าคุณต้องการแต่อย่าตำหนิผมแรงนะครับเพราะผมได้รับบทลงโทษที่สาสมมากพอแล้วสำหรับชีวิตที่เหลือ 

เรื่องเล่าที่เกี่ยวข้อง

0 0 votes
Article Rating
Subscribe
Notify of
guest
0 Comments
Inline Feedbacks
View all comments
Back to top button
0
Would love your thoughts, please comment.x
()
x

ปิดโปรแกรมบล็อคโฆษณา

กรุณาปิดโปรแกรมบล็อคโฆษณาก่อนนะ เพราะเว็บจะอยู่ได้ก็จากป้ายโฆษณา