พ่อแม่อุปถัมภ์สังเวยฉันเพื่อลูกสาวแท้ๆ ของพวกเขา

ไงฉันชื่อ “โซฟี” อายุ 17 ปีฉันกำลังจะเล่าเรื่องนี้ให้คุณฟังในแบบที่ทำเหมือนกับว่ากำลังเล่าเรื่องของคนอื่นนะหวังว่าวิธีนี้จะทำให้ฉันรู้สึกดีที่ได้บ้างไม่นานมานี้ชีวิตของฉันพังทลายไปเพราะพ่อแม่ของฉันเองฉันแน่ใจว่าพวกคุณหลายคนอาจจะพูดแบบเดียวกันแต่เรื่องของฉันที่จริงซับซ้อนกว่านั้นอยู่หน่อยคนที่ทำลายความฝันของฉันไม่ได้เกี่ยวพันกับฉันทางสายเลือดพวกเขาคือพ่อแม่อุปถัมภ์ของฉันคราวนี้คุณอาจจะถามตัวเองว่าทำไมใครสักคนถึงอยากจะรับเลี้ยงคนแปลกหน้าไว้ในครอบครัวจากนั้นก็ปฏิบัติกับพวกเขาอย่างเลวร้ายล่ะสารภาพตามตรงนะฉันก็ไม่รู้เหมือนกันฉันเชื่อใจพวกเขามากจริงๆ แต่แล้วพวกเขาก็ โอ้ว ลองฟังก่อนดีกว่าว่าทั้งหมดนี้มันเริ่มได้ยังไง

เรื่องทั้งหมดเกิดขึ้นในวันเกิดของฉันตอนแรกสุดนู่นเลย ฉันเริ่มต้นชีวิตที่ลานจอดรถใกล้ทางออกของโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในเมืองใหญ่ตามที่เทปบันทึกภาพในกล้องวงจรปิดถ่ายไว้ได้มีคนรู้ร่างผอมสูงสวมหมวกฮูทปิดบังใบหน้ามิดชิดพาฉันไปไว้ที่นั่นจากนั้นผู้หญิงคนนั้นดูเหมือนว่าน่าจะเป็นผู้หญิงนะแต่กล้องก็ถ่ายภาพใบหน้าเอาไว้ได้ไม่ชัดเจนเหมือนกันเราเลยบอกไม่ได้แน่นอนแต่ก็นั่นแหละเธอวางไว้ใกล้ๆ ทางออกอย่างระมัดระวังและจากไปนั่นคือส่วนที่พ่อแม่โดยสายเลือดมีบทบาทในชีวิตฉันแล้วก็เป็นตอนจบด้วย

ห่อพัสดุที่มีเด็กทารกนั้นหมายถึงฉันนั่นแหละถูกพบในไม่ช้าโดยพยาบาลกลุ่มนึงซึ่งต่อมาเป็นคนตั้งชื่อให้ฉันหลังจากนั้นชีวิตของฉันในฐานะนักเดินทางผจญภัยก็เริ่มต้นขึ้นและยังคงเป็นเช่นนั้นจนกระทั่งอายุครบ 14 ปีที่จริงมีเด็กอีกมากมายที่เป็นเหมือนฉันแต่ก็เช่นเดียวกับเด็กทุกคนที่มาคุยหาความรักจากพ่อแม่ฉันคิดว่าฉันเป็นเด็กที่ไม่มีความสุขที่สุดในจำนวนนั้นหรือบางทีอาจจะเป็นคนขี้แพ้ที่สุดก็ได้เรื่องกลายเป็นว่าไม่มีพ่อแม่อุปถัมภ์คนไหนที่อยากเป็นผู้ปกครองฉันเต็มตัวไม่มีเลยสักคนเดียว ฉันไม่ได้เสียดายเวลาที่ฉันใช้ไปกับคนหลายคนแตกต่างกันบางทีอาจจะยกเว้นคู่สามีภรรยาคู่หนึ่งที่มีวิถีชีวิตที่แย่เอามากๆ ฉันอยู่กับพวกเขาแค่ระยะสั้นๆ และนักสังคมสงเคราะห์ก็พาฉันไปและฉันก็คิดว่านั่นคือสิ่งที่ประเสริฐที่พระเจ้าประทานมาเลยล่ะ

เอาล่ะฉันคิดว่าตอนที่ฉันอายุ 14 ปีฉันเปลี่ยนครอบครัวอุปถัมภ์ไปมาถึง 6 บ้านบางคนก็อยากช่วยเด็กๆ ที่ตกอยู่ในสถานการณ์อันยากลำบากและอย่างน้อยบางครั้งบางคนก็คิดจริงๆ ว่าอยากจะรับเลี้ยงฉันแต่สุดท้ายก็ต้องล้มเลิกแผนนั้นไปเพราะเหตุผลบางอย่างในชีวิตอย่างไรก็ตามฉันเปลี่ยนผู้ปกครองมาหลายคนเสียจนฉันเรียนรู้ที่จะต้องหลีกเลี่ยงการมีความรู้สึกหรืออารมณ์ร่วมเวลาอยู่กับพวกเขาถึงแม้ลึกลงไปข้างในฉันจะหวังให้พบใครสักคนแต่กลายเป็นพ่อแม่จริงๆ ของฉันก็ตาม แล้วจากนั้นคุณและคุณนาย “ซิมมอน” ก็ปรากฏตัวขึ้นในชีวิตฉันพวกเขาเป็นคู่สามีภรรยาที่น่ารักในวัยเรา 40 ปีและยังอยากรับอุปถัมภ์ฉันไว้

สามีภรรยา “ซิมมอน” เป็นเจ้าของบริษัทเอเจนซี่เล็กๆ ที่ให้บริการด้านกฎหมายไม่ได้รวยหรือจนก็อาศัยอยู่ในบ้านหลังใหญ่สวยงามที่มีพื้นที่กว้างและยังมีลูกสาวอีกคนหนึ่งชื่อ “จิม” ซึ่งอายุเราราวๆ เดียวกับฉันคุณไม่คิดเหมือนกันหรอว่านี่ฟังดูเหมือนเทพนิยายไม่มีผิดฉันจะได้มีครอบครัวเป็นของตัวเองจริงๆ บ้านของตัวเองหรือแม้แต่น้องสาวที่อาจจะเป็นเพื่อนสนิทที่สุดของฉันได้แต่สิ่งที่น่าเวทนาก็คือสิ่งที่เกิดขึ้นในความเป็นจริงแทบไม่เคยเติมเต็มความฝันได้เลย

ช่วง 3 ปีแรกในชีวิตฉันกับครอบครัวนี้ไม่มีอะไรดีหรือแย่กว่าปกติฉันมีห้องของตัวเองซึ่งฉันก็ไม่ได้ต้องการอะไรจริงจังแต่ฉันก็ไม่มีความรู้สึกผูกพันกับคุณและคุณนายสิ่งนั้นนะกลายเป็นว่าพวกเขาเป็นคนสงบนิ่งมากๆ และยังไม่มีอะไรแตกต่างจากคนอื่นๆ พวกเขามุ่งความสนใจส่วนใหญ่ไปที่งานแล้วเรื่องในบ้านไม่ได้สนใจที่จะสร้างความสัมพันธ์ที่สนิทชิดเชื้อกับฉันมากนักหรือแม้แต่ทำความเข้าใจอารมณ์หรือความรู้สึกของฉันแต่ฉันคิดว่าพ่อแม่จริงๆ ก็คงจะสนใจแต่เรื่องพวกนี้เหมือนกัน ผลก็คือพวก “ซิมมอน” ไม่เคยรู้เลยว่าฉันมีความฝันอันยิ่งใหญ่จนกระทั่งอะไรอะไรสายเกินแก้

ฉันอยากจะบอกว่าฉันตัดสินใจได้ตั้งแต่เมื่อนานมาแล้วว่าฉันอยากทำอาชีพอะไรฉันคิดว่าตอนนี้ฉันอายุ 11 ปีในตอนที่พ่อแม่อุปถัมภ์ซื้อโทรศัพท์มือถือเครื่องแรกที่มีกล้องรุ่นใหม่ให้กับฉันนับจากนั้นความสนใจในเรื่องของการถ่ายภาพของฉันก็ค่อยๆ เติบโตขึ้นฉันจะไม่เล่ารายละเอียดให้คุณเบื่อหน่ายหรอกนะฉันแค่จะบอกว่านับตั้งแต่ตอนนั้นฉันก็ใช้เงินทั้งหมดไปกับการหากล้องคุณภาพดีกว่าเดิมหรือเลนส์ที่คุณภาพดีขึ้นความรักที่มีต่อการถ่ายภาพไม่ได้จำกัดเฉพาะการเซลฟี่หรือภาพบน อินสตราแกรม สำหรับฉันมันคืองานศิลปะฉันฝันว่าฉันจะได้เป็นช่างภาพมืออาชีพซึ่งจะได้ถ่ายรูปที่เป็นงานศิลปะจริงๆ และได้เปิดนิทรรศการของตัวเองในศูนย์จัดแสดงที่ดีที่สุดทั่วโลกเพื่อให้ความฝันของฉันเป็นสิ่งใดไม่ใช่แค่ฉันต้องขัดเกลาทักษะอาชีพของฉันยังต้องศึกษาหาความรู้มากมายและฉันก็เลือกโรงเรียนที่เหมาะที่สุดให้ตัวเองมหาลัยนี้ทันสมัยมากมีชื่อเสียงมากและยังแพงมากด้วยที่นั่นเป็นมหาวิทยาลัยเอกชนและยังไม่มีทุนการศึกษาให้เด็กอย่างฉัน

ดังนั้นฉันต้องทำคะแนนให้ดีที่สุดเพื่อให้ได้เข้าเรียนแต่เชื่อเถอะว่าฉันพยายามหนักมากฉันต่อสู้อย่างไม่ลดละในทุกวิชาเรากับแม่สิงโตเพื่อให้ได้เข้ามหาวิทยาลัยแห่งนั้นฉันทำ คอลเลคชั่น ผลงานให้สมบูรณ์แบบเพื่อนำเสนอเป็นแฟ้มเก็บสะสมผลงานและทำตามความฝันด้วยพละกำลังทุกอย่างที่มีและแล้วฉันก็ไม่ได้เกรดดีพอที่จะได้รับทุนแต่เจ้าหน้าที่ที่รับสมัครชอบตามผลงานของฉันมากพวกเขาก็เลยยินดีที่จะรับฉันเข้าเรียนทันทีที่พ่อแม่ของฉันจ่ายเงินค่าเทอมเทอมแรกและฉันจึงต้องขอความช่วยเหลือจากพวก “ซิมมอน” คุณและคุณนาย “ซิมมอน” ให้เรามารวมตัวเพื่อประชุมกันในครอบครัวและตอนนั้นสิ่งที่น่าสนใจที่สุดกลับเปิดเผยออกมา “จิม” ก็กำลังจะเรียนจบก็ต้องหาที่เรียนเวลาเดียวกับที่ฉันต้องเข้ามหาวิทยาลัยโดยสมัครเข้าโรงเรียนแพทย์แล้วปรากฏว่าเกรดของเธอก็ไม่ดีพอที่จะได้รับทุนการศึกษาเช่นกันฉันไม่เคยรู้เรื่องนี้เลยเพราะ “จิม” และฉันแทบไม่คุยกันแต่พวก “ซิมมอน” แน่ล่ะว่าต้องรู้ทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับลูกสาวของพวกเขาและพวกเขาก็มีคำตอบให้ฉันล่วงหน้าแล้ว

พ่อแม่อุปถัมภ์ของฉันประกาศว่าพวกเขาไม่มีเงินมากพอที่จะจ่ายค่าเรียนให้ฉันและ “จีน” พร้อมกันดังนั้นพวกเขาจึงต้องยึดตามหลักจริยธรรมและเหตุผลและอธิบายว่าอาชีพแพทย์มีความสำคัญต่อสังคมมีเกียรติและเป็นอาชีพที่รายได้ดีและยังบอกว่าจะเลือกอาชีพวิชาฉลาดแล้วส่วนช่างภาพนะหรอไม่เอาล่ะพวก “ซิมมอน” บอกฉันว่าถ้าฉันฝันอยากมีชีวิตที่สวยงามและไม่มีความมั่นคงอะไรในสังคมแบบพวกศิลปินฉันก็ต้องหาทางเอาเองโดยปราศจากความช่วยเหลือและทั้งหมดนั่นก็แค่หาเงินมาจ่ายซึ่งพวกเขาไม่มีมากขนาดนั้นจริงๆ ดังนั้นพวกเขาจึงจ่ายเงินค่าเรียนให้ “จิม” แต่ฉันต้องหาทุนให้ได้หรือไม่ก็ออกไปทำงานเพื่อหาเงินมาจ่ายค่าเรียน

ฉันตกตะลึงกับปฏิกิริยาของพวกเขาฉันพยายามอธิบายพวก “ซิมมอน” ว่าเรื่องนั้นสำคัญกับฉันมากขนาดไหนในแบบที่เกือบจะวิงวอนขอให้ฉันได้เงินนั่นเป็นโอกาสเดียวในชีวิตของฉันแต่คุณเลยคุณนาย “ซิมมอน” ไม่คิดจะเปลี่ยนแปลงการตัดสินใจของตัวเองฉันอยากจะบอกว่าฉันไม่เชื่อคำที่พวกเขาพูดแม้คำเดียวฉันแน่ใจมากว่าถ้าเพียงแต่ฉันเป็นลูกสาวของพวกเขาจริงๆ เรา “จิม” ไม่ใช่พวกเขาก็จะจ่ายเงินค่าเรียนให้ฉันไม่ว่าจะเลือกเรียนสาขาอะไรและพวกเขาก็สังเวยเพิ่มความฝันของฉันเพื่อแลกกับประโยชน์ของลูกสาวตัวเองแต่ฉันจะไม่ยอมแพ้หรอกฉันจะอายุครบ 18 ปีแล้วและฉันจะออกจากบ้านหลังนี้ซึ่งไม่มีทางกลายเป็นบ้านสำหรับฉันได้เพื่อจะหาทางสร้างความสำเร็จด้วยตัวเองอย่างที่คุณเคยได้ยินไม่ใช่แค่พ่อแม่โดยสายเลือดแต่พ่อแม่บุญธรรมก็อาจทำเรื่องเลวร้ายกับคุณได้เหมือนกัน

ช่วยกดไลค์เรื่องราวของฉันเพื่อให้กำลังใจและบอกเราในช่องคอมเมนต์ทีว่าคุณคิดยังไงกับสิ่งที่พวก “ซิมมอน” ทำ