พ่อแม่ของผมมีวิธีของตัวเองในการเลี้ยงลูกสาว ผมจึงต้องช่วยน้องสาวผม!
สวัสดีทุกคน ผมชื่อ “เจ๊ค” ผมอายุ 16 ปีเกิดการความรักและความเอาใจใส่ของพ่อแม่ฟังดูดีใช่ไหมแต่เมื่อไม่นานมานี้ผมพึ่งช่วยน้องสาวของผมจากพ่อและแม่ของเราเองเรื่องกลายเป็นแบบนี้ได้อย่างไรมาฟังกันเลย
พ่อแม่ของผมเป็นพวกหัวอนุรักษ์นิยมและคุณอาจใช้คำว่าเป็นผัวสูงได้เลยแล้วพวกเขาก็ยังเห็นด้วยกับการใช้ความเข้มงวดกระทั่งกับเรื่องการเลี้ยงดูแต่ผมไม่ได้ตระหนักถึงเรื่องนี้จนกระทั่ง “คอล่า”น้องสาวของผมเกิด ผมไม่เคยมีปัญหากับพ่อแม่บอกกันตามตรงผมเป็นลูกที่น่ารักเชื่อฟังของพวกเขาเสมอ แม่ของผมเป็นแม่ประเภทที่ปกป้องลูกจนเกินเหตุเธอจับตามองทุกฝีก้าวซึ่งทำให้ผมรำคาญใจมากขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้นผมเลยรู้สึกหายใจหายคอคล่องขึ้นบ้างเมื่อใดที่สุดครอบครัวของเราก็มี “คอล่า” ผมหวังว่าพ่อและแม่จะยุ่งเกินกว่าจะมาติดตามผมทุกฝีก้าว แต่ทุกอย่างไม่ได้เป็นไปตามนั้น สัญญาณแรกที่ผมเห็นก็คือปฏิกิริยาของพ่อตอนที่รู้ว่ามีลูกสาวไม่ใช่ลูกชายเขาโกรธและผิดหวังมากพ่อแทบไม่เคยไปดู “คอล่า” ที่เปลเลยและมักหงุดหงิดอารมณ์เสียเวลาที่เธอร้องไห้
แม่ของผมไม่ได้แย่ขนาดนั้นแต่มักมีอาการเน็ดเหนื่อยและซึมเศร้าเมื่อ “คอล่า” โตขึ้นและอายุได้ 9 ขวบทุกอย่างก็ยิ่งแย่ลงพ่อแม่ของผมปฏิบัติกับเธออย่างไม่เป็นธรรมและเข้มงวดมากจนผมต้องออกมาปกป้องน้องอยู่ตลอด พูดถึงตัวผมเองดูเหมือนว่าผมจะเป็นแสงสว่างหนึ่งเดียว พวกเขาตั้งความหวังและความฝันไว้กับผมสูงมากและสิ่งเดียวที่ผมต้องการก็คือหนีไปให้พ้นจากขุมนรกแห่งนี้แล้วผมก็มีโชคในที่สุด
ผมมีโอกาสได้เรียนในโรงเรียนที่มีชื่อเสียงในพื้นที่อื่นนั้นเป็นเป้าหมายของผมมานานแล้ว และผมก็ตั้งใจมากเพื่อทำให้สำเร็จแต่ผมก็ยังไม่อยากหยุดคิดเรื่องที่ผมต้องทิ้งน้องสาวที่น่าสงสารไว้กับพ่อและแม่ตามลำพัง แน่นอนพ่อแม่ภูมิใจในตัวผมมากแต่เมื่อ “คอล่า” รู้ข่าวเธอก็นิ่งเงียบไปผมเห็นเลยว่าเธอพยายามอดกลั้นไม่ให้ร้องไห้แล้วยิ้ม เธอบอกว่าดีใจกับผมด้วยผมทนไม่ได้จึงบอกเธอว่าถ้าขอให้พี่อยู่พี่จะอยู่นะ แต่ “คอล่า” ไม่ฟังน้อง “คอล่า” ตัวน้อยผมช่างใจกว้างนักดังนั้นผมจึงตัดสินใจอย่างยากลำบากและจากบ้านไปผมขอให้น้องสัญญาว่าจะโทรหาผมทุกวัน
และเล่าทุกอย่างให้ผมฟังเธอก็ทำตามนั้นผมชอบโรงเรียนให้ชีวิตใหม่มากและ “คอล่า” จะฟังเรื่องสนุกๆ จากผมทุกวันแต่พอผมถามเรื่องของเธอเธอจะเล่าแบบรวบๆ เธอพูดเสมอว่าสบายดีและพยายามเปลี่ยนหัวข้ออย่างไรก็ตามเพราะเวลาผ่านไปบทสนทนาของเราก็ชะงักไป “คอล่า” หาข้ออ้างที่จะไม่ต้องคุยกับผมทุกคืน และเพียงแค่ส่งข้อความสั้นๆ มาหา
แต่วันหนึ่งก็ไม่มีแม้กระทั่งข้อความผมโทรและส่งข้อความหาเธอไปล้านหนแต่ไม่มีการตอบกลับผมถึงโทรหาแม่ทันทีก็ถามว่าเกิดอะไรขึ้นแต่แม่บอกว่าทุกอย่างปกติดี “คอล่า” แค่ไม่ทันระวังจึงทำโทรศัพท์พังแต่ผมสงสัยเลยว่ามันต้องไม่ใช่อะไรง่ายๆ แบบนั้นแน่และความกลัวของผมก็ได้รับการยืนยัน หลังผ่านไปไม่กี่วันผมได้รับข้อความจากเบอร์แปลกหน้านั่นคือเพื่อนร่วมชั้นของ “คอล่า” เธอกังวลมากเพราะ “คอล่า” ไม่ได้มาโรงเรียนเกิน 2 อาทิตย์แล้วจึงอยากรู้ว่าเธอยังสบายดีหรือไม่
ผมกลัวจับใจแม่ไม่ได้บอกเลยว่าน้องสาวของผมป่วยหรือเป็นอะไรไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นผมก็รู้สึกว่าต้องกลับบ้านให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ผมไม่ได้บอกพ่อแม่ว่าจะกลับไปดังนั้นพวกเขาจึงประหลาดใจมากที่เห็นผมอยู่หน้าประตูในเช้าวันรุ่งขึ้น แม่ดูสับสนและกระวนกระวายผมถามถึง “คอล่า” แล้วแม่ก็บอกว่าเธออยู่ที่โรงเรียนผมบอกแม่ว่าผมสงสัยว่าคงไม่ใช่แล้วตรงไปที่ห้องของน้องสาวแม่พยายามของผมและเบี่ยงเบนความสนใจแต่ผมตรงไปถึงประตูก็ต้องตกตะลึงกับสิ่งที่เห็นห้องสะอาดเอี่ยมแต่เฟอร์นิเจอร์ทุกชิ้นหายไปไม่มีของเล่นไม่มีเตียงไม่มีโต๊ะเขียนหนังสือตรงนั้นมีแค่พรมผืนเล็กๆ บนพื้นแล้วโต๊ะตัวเล็กที่มีชามว่างเปล่า
และก็ใช่ “คอล่า” ไม่อยู่ในนั้นผมตรงเข้าไปหาพ่อและขอคำอธิบายแต่พ่อยังทำเหมือนไม่มีอะไรร้ายแรงบอกว่า “คอล่า” เป็นตัวปัญหาและนี่ก็คือหนทางเดียวที่จะเลี้ยงดูเธอได้เขาบอกว่าที่ระยะหลังมานี้ไม่ให้ “คอล่า” ไปโรงเรียนเพราะเธอทำตัวไม่ดีกลับบ้านช้ากว่าที่ควรและกระทั้งแอบใช้เครื่องสำอางบทลงโทษจึงเป็นการห้ามไม่ให้ไปโรงเรียนจนกว่าเธอจะเข้าใจว่าเด็กผู้ปฏิบัติตัวอย่างไรให้เหมาะสมและควรเป็นคนอย่างไรผมถึงกับอึ้งจนพูดไม่ออก
จากนั้นจึงวิ่งดูไปรอบๆ บ้านและเรียกหาน้องสาวของผมแม่บอกเบาๆ ว่าฉันกำลังถูกลงโทษด้วยการส่งไปทำความสะอาดโรงเก็บของผมคิดว่าแม่พูดเล่นพวกเขาให้เด็กผู้หญิงอายุ 9 ขวบไปทำความสะอาดโรงเก็บผิดคิดว่าแมีพูดเล่น พวกเชาให้เด็กผู้หญิงอายุ 9 ขวบไปทำความสะอาดโรงเก็บของผุๆ ที่สภาพเลวร้ายซึ่งเป็นภารกิจที่เป็นไปไม่ได้โดยสิ้นเชิงผมตรงไปที่นั่นและพบ “คอล่า” ที่น่าสงสารกำลังขัดพื้นเธอดูเหนื่อยและบอบบางผมพนันเลยว่าการอดอาหารเป็นอีกหนึ่งวิธีที่พ่อผมเห็นว่าเป็นวิธีการเลี้ยงดูเด็กผู้หญิงเธอยังสวมชุดเหมือนแม่ชีด้วยเป็นกระโปรงเก่าๆ ยาวลากพื้นผมจะมา “คอล่า” ไว้และพาเธอหนีไปโดยไม่เหลียวหลังกลับมาเราไปที่ร้านกาแฟเพื่อหาอะไรให้เธอกินผมถามเธอเป็นล้านๆ หนว่าทำไมถึงไม่บอกอะไรผมเลย
เธอร้องไห้และสารภาพว่าพ่อของเราขู่ว่าถ้าเธอบอกผมเขาจะโยนเธอออกจากบ้านหรือส่งเธอไปอยู่กับครอบครัวอื่นเธอกลัวว่าจะไม่ได้พบผมอีกแล้วพ่อก็ยึดโทรศัพท์ของเธอนี่มันเกินไปแล้วผมก็หนักเลยว่าพ่อแม่ของผมบ้าไปแล้วแน่นอนแล้วผมไม่อยากปล่อยให้เขาทำแบบนี้ได้ต่อไปสิ่งเดียวที่ผมคิดได้คือไปที่โรงเรียนของ “คอล่า” และคุยกับครูใหญ่ผมยังไม่ใจแข็งพอที่จะเรียกตำรวจจับพ่อแม่ตัวเองบอกเลยว่าผู้ใหญ่ช๊อกมากและโกรธสุดขีดจนคงไม่ต้องบรรยายเลยว่าอะไรจะเกิดขึ้นต่อไปแล้วเธอก็รับปากว่าจะจัดการส่วนที่เหลือเอง
ตามการตัดสินของศาลในเวลาต่อมาและคำให้การของผม ”คอล่า” และผมถูกส่งไปอยู่กับพ่อแม่อุปถัมภ์จนกว่าผมจะโตพอที่จะดูแลน้องสาวด้วยตัวเองผมยังคงไม่อยากทำความเข้าใจได้ว่าเกิดอะไรขึ้นแล้วทำไมถึงเกิดเรื่องแบบนี้เรื่องนี้ทำให้ผมเจ็บปวดมากในอีกมุมหนึ่งเพราะชีวิตผมส่วนใหญ่ผมมีพ่อแม่ที่น่ารักอยู่เคียงข้างจากนั้นผมก็ต้องเห็นพวกเขาทำสิ่งเลวร้ายผมได้แต่หวังว่าผมน่าจะรู้เรื่องกว่านี้แต่ตอนนี้ผมรู้แล้วว่าไม่มีใครทำกับน้องสาวของผมแบบนั้นอีกผมหวังว่าวันหนึ่งพ่อแม่ผมจะคิดได้และเข้าใจว่าพวกเขาทำผิดพลาดขนาดไหน
คุณคิดอย่างไรกับเรื่องนี้คุณเห็นด้วยกับการตัดสินใจของผมที่เปิดเผยสิ่งที่พ่อแม่ผมทำหรือเปล่าถ้าคุณเห็นพ่อแม่คุณทำเรื่องแย่มากๆ บอกผมไม่ชอบคอมเมนต์หน่อยว่าคุณหยุดยั้งพวกเขาอย่างไรผมจะดีใจมากครับคุณแบ่งปันเรื่องของคุณ