ครอบครัว

พ่อแม่ของฉันทิ้งฉันไว้คนเดียวที่บ้านและจากไปตลอดกาลตอนฉันอายุ 6 ขวบ

สวัสดี ฉันชื่อแอมเบอร์อายุ 13 ปีคุณเคยถูกใครหักหลังบ้างไหมว่าคงไม่เคยนะแต่ฉันคิดว่าคุณคงพอจะเดาออกว่ามันเจ็บปวดแค่ไหนที่รู้ว่าพ่อแม่ของคุณไม่เคยต้องการคุณเลยลองนึกภาพในเช้าวันหนึ่งคุณลืมตาตื่นขึ้นมาหลังจากวิ่งผ่านจากฝันร้ายอันสุดแสนทรมานเกี่ยวกับปีศาจและพบว่าไม่มีใครอยู่บ้านเลยคุณมองหาพวกเขาร้องหาพวกเขาและจากนั้นคุณก็ได้แต่เริ่มร้องไห้เพราะมันไม่มีแม้กระทั่งแม่และพ่อที่จะเข้ามาปลอบโยนคุณนั่นแหละคือสิ่งที่เกิดขึ้นกับฉัน

ตอนอายุ 6 ขวบตอนนั้นฉันรู้สึกกลัวมากจริงๆพวกเราอาศัยอยู่ในอพาร์ทเม้นท์เล็กๆเท่ารูหนูในหน้าที่ยากจนที่สุดแต่ในวันนั้นฉันถูกทิ้งเอาไว้คนเดียวห้องนั้นมันกลับดูกว้างใหญ่และเต็มไปด้วยเหล่าปีศาจร้ายฉันยังจำได้ว่าฉันร้องไห้หนักมากจนเผลอหลับไปจนตื่นลืมตาขึ้นมาอีกครั้งก็พบว่ายังไม่มีใครกลับมาฉันจะหลับตาลงไปอีกเช่นเดิมแต่จากนั้นก็เริ่มฝันถึงปีศาจอีกพวกมันบอกว่าไม่มีใครต้องการฉันแล้วมันทำให้ฉันหดหู่ใจเป็นอย่างมากฉันอยู่อย่างนั้นจนกระทั่งในอีก 2 วันถัดมาถึงได้มีหน่วยงานบริการสังคมมาพบตัวฉันอาจเป็นเพราะเพื่อนบ้านของเราได้ยินเสียงฉันร้องไห้สะอึกสะอื้นเรียกหาพ่อแม่พวกเขาจึงนำตัวฉันไปส่งที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าและหลังจากนั้นไม่กี่วันก็มีผู้หญิงร่างสูงคนนึงเข้ามาหาฉันเธอบอกว่าเธอเป็นหมอและจะช่วยให้ฉันยอมรับความจริงที่ว่าฉันจะต้องอยู่ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าแบบนี้ไปสักระยะหนึ่ง

ไม่ฉันไม่ได้คิดว่านั่นเป็นสถานที่ที่ไม่ดีนะแต่คิดว่ามันคือหายนะเลยล่ะเพราะฉันต้องอาศัยอยู่ที่นั่นกับเด็กๆมากหน้าหลายตาแล้วไม่ใช่ทุกคนที่ทำตัวดีกับฉันมีครั้งนึงเด็กที่แก่กว่าฉันที่ชื่อว่า “วิกกี้” เธอกล่าวหาว่าฉันเป็นขโมยก็พบช็อกโกแลตแท่งอยู่ใต้หมอนของฉันเธอบอกว่าช็อกโกแลตนี้เธอได้รับมาจากคนที่แวะมาเยี่ยมเธอเป็นประจำแต่ว่าฉันไม่รู้เรื่องนี้ก็เพิ่งมาอยู่ที่นี่เป็นสัปดาห์แรกฉันชอบพบมันตกอยู่ที่พื้นฉันเก็บมันไว้และคิดว่าจะเก็บเอาไว้กินทีหลังหรือว่ามันเป็นของคนอื่นและไม่ได้ตั้งใจที่จะขโมยมันแต่แล้วฉันก็ถูกทำโทษจนได้การถูกทำโทษมันไม่ถือว่าเป็นเรื่องใหม่อะไรสำหรับฉันหรอกเพราะพ่อแม่มักจะคอยหาเรื่องว่าฉันมักจะทำอะไรผิดอยู่เสมอฉันจะไม่ขอลงรายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องนี้แต่จะขอพูดว่าตั้งแต่ฉันจำความได้

ตามร่างกายของฉันมักจะมีรอยพกช้ำดำเขียวอยู่เสมอจริงๆพ่อไม่ใช่คนใจร้ายอะไรหรอกนะแต่แม่บอกว่าเขาแค่มีปัญหาเรื่องการควบคุมตัวเองเท่านั้นมีวันนึงฉันเห็นแม่กำลังร้องไห้อยู่เธอบอกว่าพ่อเป็นคนหาเลี้ยงครอบครัวเพียงคนเดียวและจะต้องจากพวกเราไปเพื่อหาเงินเพราะอาหารและเงินของเราใกล้จะหมดแล้วเขาหายไปนานอยู่ 3 หรือ 4 วันแต่ฉันกลับรู้สึกว่าช่วงที่เขาไม่อยู่นั้นมันทำให้ฉันมีความสงบสุขอย่างน่าประหลาดเลยล่ะอย่างไรก็ตามตอนนี้ทั้งคู่ก็ได้หายไปแล้วโดยที่ฉันเองก็ไม่รู้หรอกว่ามันเกิดอะไรขึ้นฉันหมายถึงฉันพูดถึงพวกเขาทุกวันแต่ดูเหมือนว่าเด็กทุกคนที่เติบโตที่นั่นจะไม่เข้าสิ่งที่ฉันพูดเลยพูดถึงเด็กๆที่นั่นมักจะมีคนที่ต้องการอุปการะเด็กๆค่อยแวะมาเยี่ยมดูพวกเราอยู่เสมอพวกเขามันจะเฝ้าดูพวกเราเล่นกันเอาของอร่อยๆมาให้พวกเรากินแล้วรวมถึงพูดคุยกับพวกเราด้วยนั้นมันทำให้ฉันคิดถึงร้านขายสัตว์เลี้ยงมากๆเลยคุณสามารถหาลูกสุนัขได้ที่นั่นด้วยคัดเลือกตัวที่คุณคิดว่าจะเหมาะกับคุณที่สุด

ฉันไม่ต้องการที่จะเป็นเหมือนลูกสุนัขเรานั้นฉันมั่นใจว่าวันนึงพ่อกับแม่ต้องหาฉันเจอและรับฉันกลับไปบ้านแต่พวกเขาก็ไม่ได้มาวันนึงฉันบังเอิญได้ยินจากอาจารย์ 2 คนของเราพูดถึงพ่อกับแม่ของฉันว่าตำรวจพบแม่ในศูนย์บำบัดร่างกายฉันไม่อยากจะเชื่อหูตัวเองเลยพวกเขาพบแม่ฉันแล้วฉันไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าจะได้ยินข่าวนี้แต่นั่นมันทำให้ฉันไม่แรงบันดาลใจอย่างมากและไม่สามารถหยุดคิดได้ว่าวันหนึ่งเธอจะต้องมาหาฉันและพาฉันกลับบ้านฉันเฝ้านับคืนนับวันที่จะได้เจอกับแม่อีกครั้งฉันวาดรูปไว้มากมายเพื่อที่จะมอบให้กับเธอมิหนำซ้ำเลิกโกรธ “วิกกี้” งี่เง่าที่คอยดูหมิ่นและล้อเลียนฉันนับตั้งแต่วันที่เกิดเรื่องช็อกโกแลตแท่งวันนั้นด้วย

อยู่มาวันนึงเหมือนเช่นเคยคุยฟุ้งไปทั่วกับทุกคนเกี่ยวกับเค๊กที่ผู้หญิงคนนึงมอบให้และหวังที่จะรับเธอไปอุปการะ “วิกกี้” ต้องการจะแบ่งเค๊กงานให้กับทุกคนแต่เธอกลับแกล้งทำมันหล่นลงพื้นตอนที่เธอกำลังจะยื่นมันให้กับฉันฉันอยากจะเอาคืนบ้างช่วยบอกกับเธอว่าจริงอยู่ที่เธอกำลังจะได้รับอุปการะเร็วๆนี้แต่ฉันนี่แหละที่จะได้เจอกับแม่แท้ๆของตัวเองเพื่อหาว่าฉันพูดโกหกและคุณนาย “แพทเทอสัน” ที่เป็นอาจารย์ใหญ่ผ่านมาได้ยินเข้าและนั่นทำให้ฉันไปคุยกับเธอเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างจริงจัง

เรื่องกลับกลายเป็นว่าจากสิ่งที่ฉันได้ยินมาฉันเข้าใจผิดไปทั้งหมดพวกเขาพบตัวพ่อแม่ของฉันก็จริงแต่เธอไม่ได้ต้องการที่จะมารับตัวฉันกราบเธอปฏิเสธความรับผิดชอบทั้งหมดในฐานะผู้ปกครองและบอกว่าเธอพร้อมที่จะเซ็นเอกสารยินยอมให้สำหรับครอบครัวไหนก็ตามที่ต้องการรับฉันไปดูแลนี่มันทำร้ายจิตใจฉันอย่างมาก ตอนแรกพ่อทิ้งฉันไปปรากฏฉันไม่มีตัวตนแล้วมาตอนนี้แม่ก็ไม่ต้องการที่จะเป็นแม่ฉันอีกต่อไปแล้วเพราะทุกอย่างที่ฉันได้รับรู้มันทำให้ฉันป่วยและเป็นไข้จนได้แต่นอนซมอยู่บนเตียงโดยไม่สามารถกินอะไรได้เลยอยู่นานราว 10 วัน

ผ่านมา 6 เดือนแล้วที่ฉันได้อยู่ในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าแห่งนี้และในที่สุดฉันก็ได้พบกับครอบครัวที่น่ารักที่ต้องการจะเป็นผู้อุปถัมภ์ฉันพวกเขาบอกฉัน พวกเขาบอกฉันว่ามีบ้านหลังใหญ่ที่สวยงามพร้อมสระว่ายน้ำและสุนัขตัวโตสีดำและอื่นๆมากฉันเบื่อเหลือเกินกับการที่ต้องอยู่ตัวคนเดียว เพราะฉันไม่สามารถเข้ากับใครที่นี่ได้เลยดังนั้นฉันจึงตกลงที่จะไปอยู่กับพวกเขาครอบครัวนี้ชื่อว่า “จอห์นสัน” พวกเขาใจดีและมีลูกชายบุญธรรมฝาแฝดที่รับอุปการะมาเหมือนกันเท่าที่ฉันรู้คือถ้าเด็กๆ พวกนี้เข้ากันได้ดีกับฉันพวกเขาก็จะรับอุปการะชั้นแบบถาวรการใช้ชีวิตกับครอบครัว “จอห์นสัน” น่าสนใจทีเดียวแต่มันก็ไม่ถึงกับสนุกพวกเขาเป็นคนเข้มงวดมากและมีการลงโทษที่จริงจังแน่นอนว่าพวกเขาไม่ได้ทำร้ายร่างกายพวกเราแต่หากอยู่ในพวกเราทำอะไรผิดพลาดเล็กๆน้อยๆเช่นทำถ้วยชามแตกหรือเปิดเพลงร็อคเสียงดังพวกเราทั้งสามคนก็จะไม่ได้กินอาหารเย็นแม้ว่าพวกเราจะหิวแค่ไหนก็ตามพวกเขาบอกว่าสิ่งนี้จะช่วยพัฒนาจิตใจในความเป็นครอบครัวระหว่างพวกเราได้และด้วยความที่พี่ๆของฉันเป็นเด็กชายอายุ 12 ที่กำลังซุกซนพวกเราถึงไม่ค่อยได้กินมื้อเย็นกันบ่อยนัก

นอกจากนั้นพวกเขายังไม่ยอมให้พวกเราฟังดนตรีแนวอื่นๆเลยนอกจากเพลงคลาสสิคได้แถมยังจัดหาครูสอนเปียโนมาให้ฉันด้วยแล้วนั้นมันไม่ดีหรือไงแน่นอนคุณต้องถามแบบนี้แน่ๆแต่ฉันก็คิดแค่ว่านี่มันไม่ใช่ครอบครัวในแบบที่ฉันต้องการจริงๆสักเท่าไหร่ฉันอยู่ที่นี่มาได้สักระยะหนึ่งแล้วกระทั้งมีวันหนึ่งนักสังคมสงเคราะห์มาตรวจสอบตามปกติเพื่อเช็คดูว่าฉันมีความเป็นอยู่อย่างไรแต่ครั้งนี้มันไม่เหมือนทุกทีกลายเป็นว่าพ่อของฉันปรากฏตัวขึ้นและต้องการรับฉันตลอดไปครอบครัว “จอห์นสัน” รู้สึกเสียใจมากเพราะมีสิทธิ์ถูกต้องตามกฎหมายในตัวฉันวันต่อมาพวกเขานัดเจอกันกับพ่อพูดคุยกันและเดาสิว่าเกิดอะไรขึ้นพอรู้ว่าฉันได้มาอยู่กับครอบครัวที่ร่ำรวยดังนั้นเขาจึงต้องการเงินเพื่อแลกกับสิทธิ์ในการเป็นผู้ปกครองของฉันฉันไม่แน่ใจว่ารายละเอียดมันเป็นยังไงกันแน่เพราะตอนนั้นฉันอายุเพียงแค่ 7 ขวบเท่านั้นและฉันก็ยังคงสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่เหมือนกันแต่คุณเห็นไหมล่ะว่าทั้งพ่อและแม่ที่แท้จริงของฉันต่างไม่เคยมีใครต้องการฉันเลยสักคนไม่เคยเลยจริงๆ

ตอนนี้คุณคงเดาได้แล้วว่าฉันยังคงอาศัยอยู่กับครอบครัว “จอห์นสัน” ต่อไปพวกเขารับอุปการะชั้นและพวกเขาก็เป็นพ่อกับแม่ที่ฉันมีตามกฎหมายตอนนี้ฉันไม่เพียงแค่เรียนเล่นเปียโนแต่ฉันยังคุ้นเคยกับกฎต่างๆของพวกเขาแล้วด้วยฉันพูดได้เต็มปากว่าฉันเองก็รักพวกเขาแต่อย่าไปบอกพวกเขาล่ะส่วนพวกพี่ชายตอนนี้ของฉันก็โตจนเข้าเรียนในระดับมหาวิทยาลัยแล้วล่าสุด 1 ในพวกเขาได้โพสต์รูปภาพเพื่อนร่วมชั้นลง Facebook ได้ฉันก็ต้องเซอร์ไพรส์เพื่อฉันจำเธอคนหนึ่งในรูปนั้นได้เห็นไหมนั่นไงล่ะยาย “วิกกี้” เพื่อนเก่าช็อกโกแลตแท่งของฉันเอง

ฉันหวังว่าเรื่องราวของฉันอาจจะน่าสนใจหรืออาจจะเป็นแรงบันดาลใจให้กับคุณได้บ้างอย่าลังเลถ้าคุณอยากจะแชร์มันให้กับคนอื่นๆด้วยและอย่าลืมกดติดตามช่องนี้แล้วรับชมเรื่องราวอื่นๆได้จากช่องนะคะ 

เรื่องเล่าที่เกี่ยวข้อง

0 0 votes
Article Rating
Subscribe
Notify of
guest
0 Comments
Inline Feedbacks
View all comments
Back to top button
0
Would love your thoughts, please comment.x
()
x

ปิดโปรแกรมบล็อคโฆษณา

กรุณาปิดโปรแกรมบล็อคโฆษณาก่อนนะ เพราะเว็บจะอยู่ได้ก็จากป้ายโฆษณา