ฉันยกลูกของฉันให้คนรับเลี้ยง ตอนนี้ฉันอยากได้เขากลับมา!
ไงฉันชื่อเจนนะ ฉันกำลังจะมาเล่าเรื่องของตัวเองให้ฟังให้คุณได้รู้เรื่องดราม่าส่วนตัวของฉันด้วยความหวังว่าคุณอาจเข้าใจฉันจริงๆตอนนี้ฉันเหมือนนั่งอยู่ตรงหน้าระเบิดเวลาที่กำลังนับถอยหลังระเบิดเวลาลูกเบ้อเริ่มและก็ร้ายแรงโดยที่ฉันไม่รู้เลยว่าจะต้องตัดสายชนวนตรงไหนฉันไม่ได้พูดเวอร์นะฉันเหลือเวลาอีกแค่ 3 วันเท่านั้นเพื่อตัดสินชะตากรรมของคนสองคนนั้นคือลูกที่น่ารักของฉันแล้วก็ตัวฉันเองตอนนี้ฉันอายุ 20 ปีเมื่อประมาณ 1 ปีครึ่งที่ผ่านมาฉันได้รู้ตัวว่าตัวเองท้องตอนนั้นมันเหมือนเป็นระเบิดลูกใหญ่พุ่งเข้าใส่ฉันอย่างจังก่อนที่ต่อมาฉันก็รู้ว่าน่าจะเป็นแค่ระเบิดลูกแรกจากอีกหลายๆรอบที่จะตามมาฉันขอให้ตัวเองไม่ต้องไปคุยกับพ่อเด็กฉันเกลียดไอ้งั่งนั่นกลายเป็นคนดังอินเทอร์เน็ตอย่างที่เขาเป็น
แต่ฉันต้องอธิบายก่อนว่าเขาจากไปยังไงทันทีที่เขารู้ว่าฉันท้องหมายถึงแฟนหนุ่มของฉันหรือพ่อของเด็กเนี่ยเขาบอกว่าไม่ใช่ลูกของเขาแล้วก็หายตัวไปเลยโดยไม่รอแม้กระทั่งโอกาสที่จะไปตรวจ DNA ยืนยันแล้วก็ทิ้งฉันไว้คนเดียวอย่างไม่มีเยื่อใยโดยเฉพาะเมื่อพ่อแม่ของฉันไม่ใช่คนประเภทอยากจะรับภาระดูแลแม่เลี้ยงเดี่ยวที่มีลูกเล็กพวกเขายังบอกฉันตรงๆด้วยซ้ำว่าฉันไม่พร้อมจะเป็นแม่คนบอกว่าฉันไม่สามารถเรียนมหาวิทยาลัยจนจบได้เพราะว่าท้องและเมื่อไม่มีวุฒิการศึกษาฉันก็จะหางานดีๆทำไม่ได้แล้วต้องดิ้นรนทั้งชีวิตอยู่กับจนเชื่อฉันเถอะนะพ่อแม่ฉันรู้ดีมากว่าอะไรคือความยากจนเพราะพวกเขาก็ไม่เคยหลุดพ้นมันได้เลยใช่ในหัวของฉันเข้าใจเป็นอย่างดีว่าพ่อแม่พูดถูกแต่ลึกลงไปในใจฉันไม่อาจต่อสู้กับความคิดที่ว่าพวกเขาผิดได้ฉันทนทรมานทางจิตใจอย่างมากเพราะฉันต้องประสบกับความยากลำบากในการตัดสินใจฉันอยากเก็บลูกคนนี้ไว้แต่ก็ไม่อยากในเวลาเดียวกันฉันไม่รู้เลยว่าฉันจะทำอะไรต่อถ้าไม่ใช่เพราะ “เฮเรน”
ลูกพี่ลูกน้องของฉันที่อยู่ๆก็เข้ามาช่วยชีวิตฉันไว้เธอมาหาฉันที่วิทยาเขตมหาวิทยาลัยแล้วก็เป็นเหมือนนางฟ้าแม่ทูนหัวที่ปรากฏตัวขึ้นมาจากเทพนิยาย “เฮเรน” กับฉันจริงๆแล้วเราไม่เคยคุยกันเลยก่อนหน้านี้แล้วฉันก็ประหลาดใจมากที่เธอมาหาแต่กลายเป็นว่าเป็นแม่ฉันเองที่ขอร้องให้เธอช่วยฉัน “เฮเรน” เป็นนักสังคมสงเคราะห์และต้องรับมือกับประเด็นต่างๆอย่างการยกเด็กที่ไม่เป็นที่ต้องการของพ่อแม่แท้ๆให้ครอบครัวอุปถัมภ์ดังนั้นถ้าจะมีใครสักคนช่วยฉันได้ “เฮเรน” ก็คงเป็นคนนั้น “เฮเรน” เป็นผู้หญิงวัยกลางคนที่ดูสงบนิ่งและเป็นคนเอาจริงเอาจังคุณก็รู้คนแบบนี้แหละที่คุณจะเชื่อใจทันทีที่เห็นตั้งแต่แรกเลยเธอคุยกับฉันในแบบที่แม่ของฉันจะพูดกับฉัน “เฮเรน” บอกฉันอย่างใจเย็นว่ามีอะไรรอคอยฉันอยู่อีกฟากหนึ่งของการตั้งครรภ์บ้างอย่างจะเกิดอะไรขึ้นถ้าฉันทิ้งลูกของตัวเองและชีวิตฉันจะเป็นยังไงถ้าฉันทิ้งไป
กลายเป็นว่าแม่ฉันซึ่งนอกจากจะวิตกกังวลอย่างรุนแรงและมีแรงกดดันทางศีลธรรมแบบที่เธอยัดเยียดให้ฉันยังเร่งรัดให้ “เฮเรน” นำเคสฉันเข้าระบบเพื่อมองหาพ่อแม่อุปถัมภ์ลูกฉันในทันทีเพื่อประโยชน์ของตัวฉันเองแต่ “เฮเรน” ก็เห็นความลังเลใจของฉันอย่างชัดเจนและให้เวลาฉันคิดก่อนที่ลูกชายหรือลูกสาวของฉันจะกำเนิดขึ้นคุณก็รู้ฉันไม่อยากรู้เพศของเด็กถ้าฉันไม่แน่ใจว่าเขาหรือเธอจะอยู่กับฉันหรือเปล่านานหลายเดือนก่อนที่เด็กจะเกิดฉันคิดโน่นนี่อยู่ตลอดเวลาจะคิดอะไรหลายอย่างมากฉันถามความเห็นของเพื่อนๆแล้วก็ยังเคยพูดถึงสถานการณ์ของฉันกับอาจารย์บางคนที่มหาวิทยาลัย แน่ละไม่มีใครที่จะให้คำแนะนำที่เหมาะสมกับฉันได้เลยฉันก็เลยไม่ได้ตัดสินใจจนกระทั่งอยู่โรงพยาบาลตอนนี้อาการเจ็บท้องครั้งแรกฉันบอก “เฮเรน” ว่าฉันจะยอมยกสิทธิ์ความเป็นแม่แล้วก็มอบให้อยู่ในระบบอุปถัมภ์และฉันทั้งไม่อยากรู้เพศของเขาหรือเธอและพบกับพ่อแม่อุปถัมภ์ด้วย
“เฮเรน” สัญญาว่าจะดูแลทุกอย่างให้แล้วก็ฉันก็คลอดเด็กออกมาลูกของฉันถูกพาตัวไปทันทีแล้วมันฟื้นฟูร่างกายได้เล็กน้อยก็มีใครบางคนอยากเอกสารที่ฉันต้องเซ็นเพื่อสละสิทธิ์ความเป็นแม่ใส่มือฉัน ฉันเซ็นกระดาษแต่ละใบด้วยความรู้สึกไม่ต่างกันและ “เฮเรน” ก็รักษาสัญญาทั้งหมดที่เธอต้องการจากฉันมีแค่ลายเซ็นทุกอย่างทุกอย่างง่ายดายเอามากๆและในตอนแรกทุกอย่างมันก็ง่ายจริงๆร่างกายของฉันฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็วและฉันก็เอาแต่บอกตัวเองว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นในเป็นแค่ประสบการณ์เป็นความเปลี่ยนแปลงทางร่างกายจากแบบนึงเป็นแบบหนึ่งฉันยังกล่อมตัวเองด้วยว่าฉันก็แค่ป่วยไปนานหลายเดือนแล้วตอนนี้ก็หายดีแล้วสามารถกลับมาใช้ชีวิตปกติได้แล้วยังการไปเข้าชั้นเรียนที่มหาวิทยาลัยใช้เวลาตอนค่ำกับเพื่อนๆไปวิ่งจ๊อกกิ้งในตอนเช้าได้อีกครั้งแล้วก็ไปหาพ่อแม่ในช่วงสุดสัปดาห์อย่าเพิ่งด่วนตัดสินฉันเลยนะเพราะที่จริงแล้วเนี่ยฉันตัดสินใจไปแล้วและตอนนี้ฉันก็ต้องกลับไปใช้ชีวิตถูกไหม คุณก็รู้ฉันมีความสุขกับความรู้สึกที่มีอิสระแบบเดิมมากจริงๆมันเหมือนฉันเริ่มหายใจได้ทั่วท้องอีกครั้ง
เพื่อนๆ ของฉันระมัดระวังมากพอที่จะไม่พูดกับฉันเลยว่าการตั้งครรภ์ของฉันจบลงยังไงจริงๆแล้วก็ไม่มีอะไรเลยที่จะทำให้ฉันไม่ลืมสิ่งที่เกิดขึ้นแต่หลายเดือนผ่านไปฉันก็ตระหนักว่าฉันเป็นแค่คนทรยศที่แย่มากฉันทรยศลูกของฉันเองฉันไม่ควรยอมแพ้ง่ายดายขนาดนี้ตอนนี้ฉันเลยคิดถึงลูกอยู่ทุกนาทีทุกวันของชีวิตฉันรู้สึกถึงความว่างเปล่าที่ไม่มีอะไรจะเติมเต็มได้ฉันต้องทำอะไรสักอย่างอันดับแรกโทรหา “เฮเรน” คุณรู้ไหมเธอกำลังรอโทรศัพท์ฉันอยู่พอดีลูกพี่ลูกน้องของฉันเข้าใจว่าฉันไม่ใช่พวกแม่ที่จะยกลูกของเธอให้คนอื่นได้ง่ายดายขนาดนั้นและถึงเรื่องนี้จะทำให้เกิดความขัดแย้งอย่างมากกับจริยธรรมในหน้าที่ของเธอ “เฮเรน” ก็ยังหาช่องโหว่ให้ฉันได้ซึ่งเธอจะช่วยฉันพาลูกกลับมาอยู่ในชีวิตตามกฎหมายของรัฐโรดไอแลนด์ที่ฉันอาศัยอยู่นี้ฉันยังมีเวลาเปลี่ยนใจและขอคืนสิทธิ์ความเป็นแม่ “เฮเรน” ยังให้ที่อยู่ของคนที่รับลูกฉันไปเลี้ยงด้วยถึงแม้เธอไม่ควรจะทำแบบนั้นก็ตาม
“เฮเรน” ยังบอกฉันด้วยว่าเธอยอมแหกกฎด้วยเหตุผลเดียวเลยนั่นคือฉันเหลือเวลาอีกแค่ 2 สัปดาห์ถึงจบปีการศึกษาเวลาผ่านไปเร็วมากตอนแรกฉันตื่นตระหนกจากนั้นก็มุ่งตรงไปยังที่อยู่นี้ในเมืองใกล้ๆซึ่งตามข้อมูลเนี่ย “เฮเรน” ให้ไว้ว่าคนที่รับลูกของฉันไปเลี้ยงอาศัยอยู่ฉันไม่ได้เตรียมตัวมาพบกับเขาเลยจริงๆฉันแค่ตัดสินใจว่าไม่ควรบอกให้พ่อแม่ที่รับลูกของฉันไปเองได้รู้ฉันไม่อยากให้พวกเขามีเวลาเตรียมตัวรับการมาเยือนของฉันอย่างทำให้พวกเขาออกจากเมืองหรือว่าพาทนายครอบครัวดีๆมาสักคนนอกจากนี้ยังไม่แน่ใจด้วยว่าฉันจะกล้าพอที่จะไปที่บ้านเขาแล้วบอกว่าฉันเป็นใครหรือเปล่าใช่ฉันอยากได้ลูกของฉันกลับมาจริงๆแต่ฉันก็ไม่อาจรับกับความคิดที่ว่าคนเหล่านั้นอาจทำตัวโหดร้ายกับฉันหรือเรียกฉันว่าคนทรยศฉันเริ่มร้องไห้ทุกครั้งเลยที่คิดเรื่องนี้ฉันจะปกป้องตัวยังไงแม่ที่ให้ลูกของเล่นกับคนอื่นไปแล้วไม่อยากมันก็ต้องรู้ว่านั่นเป็นเด็กผู้ชายและเด็กผู้หญิงเนี่ยนะ
ดังนั้นฉันก็เลยไม่อยากคิดว่าจะมีอะไรรอฉันอยู่ฉันแค่ต้องไปต่อข้างหน้าเมื่อฉันไปถึงที่นั่นฉันเห็นบ้านหลังใหญ่สวยงามมีพื้นที่กว้างขวางแล้วก็เห็นแปลงดอกไม้ที่สวยไร้ที่ติเบ่งบานเห็นได้ชัดว่าคนที่อาศัยอยู่ที่นี่มีฐานะร่ำรวยและฉันยังเห็นเจ้าของบ้านด้วยพวกเขาสองคนอยู่เคียงข้างกันเหมือนพวกเขารู้ว่าฉันอยากเข้าไปดูพวกเขาใกล้ๆนั้นคือคู่แต่งงานที่ดูดีมากคู่หนึ่งอายุมากกว่า 40 เล็กน้อยฉันพึมพัมอะไรบางอย่างกับพวกเขาหาข้ออ้างให้พวกเขาให้ฉันเข้าไปแล้วก็ใช้ประโยชน์จากความสับสนของพวกเขาหลบเข้าไปในบ้านฉันโชคดีประตูห้องนั่งเล่นเปิดอยู่และที่นั่นเองฉันก็เห็นลูกชายของฉันนั่งเล่นของเล่นอยู่ตอนนี้ฉันรู้แล้วว่าฉันมีลูกชายฉันตรงเข้าไปกอดลูกฉัน แต่พ่อบุญธรรมของเขาจับมือฉันไว้จากนั้นฉันก็พ่นความจริงทุกอย่างออกมาพ่อแม่บุญธรรมของลูกฉันเปลี่ยนท่าทีฉับพลันพวกเขาไม่ได้ดูเป็นคนดีและสุภาพติดต่อไปพวกเขาออกคำสั่งทุกทางแบบหยาบคายมากว่าให้ฉันออกจากบ้านนี้พวกเขาจะเรียกตำรวจและผลักฉันไปทางประตู
แต่ฉันรู้ว่าฉันยังมีสิทธิ์อย่างถูกต้องฉันบอกพวกเขาว่าวันนี้ฉันจะไปก่อนแต่แค่ถอยกลับไปเพื่อเรียกร้องสิทธิ์ความเป็นแม่ของฉันในวันพรุ่งนี้เรื่องนี้ส่งผลกระทบอย่างนั้นหน่วงต่อพวกเขาพวกเขาหยุดขู่ฉันเราเริ่มขอร้องให้ฉันออกไปปล่อยเขาไว้กับลูกชายของพวกเขาเพียงลำพังพวกเขายังเสนอเงินให้ฉันด้วยซึ่งแน่ละว่าฉันไม่รับพวกเขาพยายามจะโน้มน้าวว่าฉันไม่มีวันจะให้อนาคตที่ดีกว่ากับเด็กคนนี้อย่างที่พวกเขาให้ได้และยังบอกฉันด้วยว่าพวกเขาไม่สามารถมีลูกเป็นของตัวเองได้และเด็กชายคนนี้ก็เป็นความหวังเดียวที่พวกเขาจะได้พบความสุขและสร้างครอบครัวด้วยอะไรบางอย่างคนเหล่านี้ก็ยังเพาะเมล็ดแห่งความลังเลในใจฉันได้ฉันออกจากบ้านของพวกเขาโดยไม่ได้ให้คำตอบรับหรือปฏิเสธเพียงแค่ในตอนท้ายฉันได้มองลูกชายอย่างพินิศแล้วก็ยาวนานเหมือนฉันไม่ได้เพิ่งเห็นเขาเป็นครั้งแรกแต่อาจเป็นครั้งสุดท้ายด้วยและเป็นไปได้เรื่องนี้จะเป็นเรื่องจริงตอนนี้ฉันมีเวลาเหลืออีกแค่ 3 วัน “เฮเรน” เตรียมเอกสารที่จำเป็นทั้งหมดไว้แล้วอีกครั้งสิ่งเดียวที่ฉันต้องทำให้เธอก็คือลายเซ็นแต่ฉันก็ยังไม่แน่ใจว่าฉันจะเซ็นขอสิทธิ์คืนฉันอยากทำแบบนั้นมากแต่ก็ไม่แน่ใจว่าฉันทำสิ่งที่ถูกต้องหรือเปล่าฉันไม่รู้เลยว่าจะทำยังไงฉันหวังเพียงว่าในอีกไม่กี่ชั่วโมงต่อมาจะได้คำตอบที่ถูกต้องของการตัดสินใจ
ขอบคุณนะที่รับฟังเรื่องราวของฉันบอกฉันในช่องคอมเม้นทีว่าคุณจะทำยังไงถ้าเกิดเป็นฉันจะปล่อยให้เขาอยู่ในสถานที่ดีๆเหมาะสมในบ้านที่มีฐานะแต่ไม่ใช่ครอบครัวของเขาจริงๆไหมอีกอย่างแบ่งแบ่งปันเรื่องราวของฉันกับเพื่อนคุณได้นะบางทีเรื่องของฉันอาจช่วยใครสักคนได้