ความรัก

ฉันตกหลุมรักผู้ชายที่เห็นฉันโตมา

ไงฉันชื่อ “เบทานี่” เรียกสั้นว่า “เบท” ก็ได้ชีวิตของฉันเต็มไปด้วยเรื่องราวดราม่ามากมายทั้งส่วนที่สำคัญและเจ็บปวดที่สุดก็คือการที่ฉันตกหลุมรักใครบางคนอย่างจริงจังแต่ว่าเรามีอุปสรรคมากมายเหลือเกินที่จะได้อยู่ด้วยกันตอนนี้ฉันอายุเกือบจะครบ 19 ปีแล้วแต่เรื่องราวที่ฉันกำลังจะเล่าให้คุณฟังเริ่มขึ้นตั้งแต่ตอนที่ฉันยังเด็กกว่านี้มากนัก ฉันเกิดในเมืองเล็กๆในครอบครัวที่พ่อเป็นทหารแล้วก็แม่เป็นแม่บ้านอย่างที่คนมักจะพูดกันนั่นแหละว่าอาชีพนี้เป็นสิ่งที่บ่งบอกถึงวิถีการใช้ชีวิต เรื่องนี้เป็นจริงสำหรับพ่อแม่ฉันเลยขณะที่พ่อฉันกำลังปฏิบัติภารกิจของเขาแม่ก็เลี้ยงดูฉันแล้วก็คอยดูแลบ้านหรือพูดอีกแบบก็คือทำสิ่งที่ภรรยาดีๆและแม่คนนึงจะต้องทำแต่ไม่นานเพราะฉันก็เกษียณแล้วมาอยู่บ้านพร้อมทำธุรกิจทำสีรถเล็กๆของตัวเองหนึ่งในเพื่อนเก่าในกองทัพของพ่อก็เลยมาเยี่ยมเราที่บ้านเป็นประจำทุกปี

ฉันเรียกเขาว่า “อาโอเว่น” ครั้งแรกที่ฉันเจอเขาฉันอายุ 5 ขวบเองมั้งเขาสูงแล้วก็หล่อมากจริงๆหมายความว่าถึงเขาจะเด็กกว่าพ่อแม่ฉันไม่กี่ปีแต่เขาดูเด็กกว่านั้นไปมากเข้ามาที่เมืองของเราทุกๆฤดูหนาวและบางครั้งก็ยังอยู่ด้วยนานหลายเดือนเขาไม่ได้โชคดีถึงขนาดจะมีครอบครัวของตัวเองแล้วก็ไม่เคยมีลูกเขาก็เลยบอกว่าเขารักฉันมากเหมือนเป็นลูกสาวของเขาเองฉันยังจำได้ว่าเขามักจะซื้อของขวัญมากมายมาให้ฉันทุกวันนี้ยังเก็บของพวกนั้นส่วนใหญ่เอาไว้อยู่เลย “อาโอเว่น” อาศัยอยู่ในเมืองใหญ่และพอมาเยี่ยมเราเขาก็มันจะเล่าเรื่องโลดโผนต่างๆในชีวิตของเขาที่นั่นให้ฟังและฉันก็ทึ่งกับทุกอย่างที่ได้ฟังมากแบบว่านั่งอ้าปากค้างเวลาฟังเขาจริงๆเลยอ่ะฉันยังเคยกระทั่งทิ้งเพื่อนมาในตอนที่ “อาโอเว่น” มาถึงด้วยพวกเพื่อนๆ เคืองฉันนิดหน่อยจนฉันต้องลงเอยด้วยกันขอโทษพวกเขาหลังจากที่ “อาโอเว่น” กลับไปแต่ยิ่งเขาอยู่ที่บ้านเรานานเท่าไหร่ฉันก็เกิดความรู้สึกข้างในที่คุณก็รู้ว่าเด็กเล็กๆที่รอคอยคืนก่อนวันเกิดของตัวเองอ่ะ

แล้วตอนนั้นฉันเคยคิดด้วยว่าถ้าฉันโตขึ้นฉันจะย้ายไปที่เมืองนั้นเมืองเดียวกับ “อาโอเว่น” และใช้ชีวิตอย่างมีความสุขแล้วก็น่าตื่นตาตื่นใจเหมือนอย่างที่เขาเป็นแล้วเขายังไม่เหมือนเพื่อนคนไหนของพ่อแม่ฉันเลยรู้ไหมเวลาที่ผู้ใหญ่คนอื่นมาเยี่ยมเราพวกเขามาจะให้ฉันขึ้นไปด้านบนก็อยู่ในห้องของตัวเองหรือถ้าเกิดว่ามีเด็กๆมาด้วยพวกเขาก็จะบอกให้เราออกไปเล่นข้างนอกบ้านเพื่อที่พวกผู้ใหญ่จะได้คุยกันสนุกสงบได้แต่พอ “อาโอเว่น” มาเขาจะบอกพ่อแม่ว่าให้ฉันอยู่ด้วยแล้วก็ให้ฟังทุกอย่างที่เขาคุยกันและเขาชอบที่จะใช้เวลาอยู่กับฉันคนเดียวแบบเล่นของเล่นหรือปั้นตุ๊กตาหิมะนอกบ้านเขาบอกเสมอว่าฉันใสซื่อและสำหรับเขานั่นเป็นวิธีที่อย่างน้อยก็ทำให้ตัวเขาเองรู้สึกว่ายังเป็นคนใสซื่อบริสุทธิ์เหมือนกันได้ฉันจำได้ว่าครั้งนึงเขากับพ่อไปตกปลาด้วยกันในช่วงฤดูหนาวและ “อาโอเว่น” ก็ชวนฉันไปด้วยทั้งที่พ่อฉันก็ไม่ค่อยอยากให้ไปด้วยเท่าไหร่ครั้งนั้นสนุกมากจริงๆแต่ข้างนอกก็หนาวมากและฉันต้องใช้เวลาเกือบตลอดเวลาอยู่ในรถแถมยังเป็นหวัดหลังจากนั้นด้วย

อาการหวัดแย่ลงเมื่อเรากลับมาบ้านฉันได้แต่นอนอยู่บนเตียงด้วยพิษไข้ “อาโอเว่น” ใช้เวลาตลอดคืนนั้นอยู่ข้างเตียงฉันเอาชาร้อนมาให้แล้วก็อ่านหนังสือให้ฉันฟังฉันคิดว่าตอนนั้นฉันอายุ 7 หรือ 8 ขวบตอนนี้คุณคงเห็นแล้วว่าถึงตอนนั้นฉันก็ป่วยหนักมากฉันก็ยังมีความทรงจำอบอุ่นถึงเรื่องนั้นอยู่ต้องขอบคุณเขาเลย แต่ในปีนึง ทุกอย่างก็เปลี่ยนไปตอนนั้นฉันอายุ 12 ปีและหลังจากมีโทรศัพท์สายนึงพ่อของฉันก็บอกว่า “อาโอเว่น” เล่นกำลังจะมาเยี่ยมเราและพาคนพิเศษคนหนึ่งมาด้วยกลายเป็นว่าเขาพบผู้หญิงคนนึงแล้วแต่งงานกับเธอล่ะอยู่ด้วยกันเพียงไม่กี่เดือนก็ตอนนี้เขาก็ตัดสินใจจะพาเธอมาพบเราทันทีที่ฉันได้ยินเรื่องนี้ฉันก็รู้สึกแปลกๆว่าฉันไม่ชอบเธอแล้วเพราะเขามาจริงๆฉันได้เห็นเธอฉันก็แน่ใจเลยว่าฉันจะไม่มีวันชอบเธอนั่นแน่ไม่มีทาง “ซูซาน” ผู้หญิงคนนั้นอายุน้อยกว่า “อาโอเว่น” ราว 10 ปีเธอเป็นผู้หญิงสไตร์แบบชอบแต่งเนื้อแต่งตัวและไม่เหมาะสมกับกาละเทศะใดๆโดยสิ้นเชิง ให้ฉันอธิบายให้ฟังนะ

ตอนเขามาเยี่ยมเราครั้งแรกตอนนั้นข้างนอกมีหิมะตกแต่เธอดันสูงกระโปรงสั้นมากๆไว้ใต้แจ๊คเก็ตตัวนอกส่วนอีกวันฉันก็พบเธอใส่เสื้อลายเสือดาวกับเลกกิ้งรัดติ้วพูดตรงๆถ้าฉันเป็นเธอฉันจะซ่อนส่วนโค้งเว้าไว้หน่อยอย่างน้อยก็ระหว่างที่ฉันไปเป็นแขกอยู่ในบ้านคนอื่นถึงยังงั้นเธอก็ดูเหมือนจะไม่ใช่คนไม่ดีอะไรแค่ดูงี่เง่าน่ะหัวเราะกับทุกอย่างที่ “อาโอเว่น” พูดแล้วมันจะไม่ตลกเอาซะเลยแล้วเมื่อเธอพยายามจะคุยกับฉันตรงๆเธอก็จะทำเสียงเล็กเสียงน้อยเหมือนเห็นฉันเป็นเด็ก 3 ขวบหรือไม่ก็ถามคำถามงี่เง่าสุดๆซึ่งทำให้ฉันอายชะมัดอย่างเช่นเธอถามว่าฉันมีประจำเดือนหรือยังและจากนั้นก็เราถึงความทรงจำตอนมีประจำเดือนครั้งแรกว่าจะรู้สึกยังไงนู่นนี่นั่นโน่นแล้วพอ “อาโอเว่น” ประกฏตัวในห้องครัวซึ่งเรากำลังคุยกันอยู่เธอก็บอกเขาว่าเราคุยเรื่องอะไรกันแล้วไม่ได้ดูเขินอายกับการวิจารณ์สิ่งต่างๆที่มองเห็นได้ที่เรามีในชีวิตเลยตั้งแต่พรหมที่ประตูหน้าจนถึงสีของจานชามในบ้านเรา แต่เรื่องที่เลวร้าย ที่สุดของเธอก็คือความพยายามที่จะบ่นว่า “อาโอเว่น” ให้แม่ฉันฟังหลายครั้งที่ฉันเข้าไปในห้องครัวซึ่งแม่ฉันทำอาหารอยู่และ “ซูซาน” กำลังรบกวนด้วยการชวนคุยโน่นนี่ฉันก็ได้ยินเธอบ่นเรื่องเงินเดือนของ “อาโอเว่น” ว่ามันไม่มากพอ

พอพูดถึงอพาร์ทเม้นท์ที่พวกเขาอยู่ก็เล็กเกินไปและพูดถึงความต้องการที่อยากมีลูกของเขาเห็นได้ชัดว่าเธอไม่อยากทำลายรูปร่างของตัวเองด้วยการตั้งท้องของฉันและเห็นใจ “อาโอเว่น” ผู้เป็นที่รักของฉันแต่ฉันรู้ว่าฉันไม่อาจทำอะไรได้ในสถานการณ์แบบนี้และครั้งหนึ่งพวกเขาทะเลาะกันหนักมากทั้งตะโกนแล้วก็โวยวายใส่กันในห้องนอนแขกแม่ฉันซึ่งพยายามจะเป็นเจ้าบ้านที่ดีก็เลยตัดสินใจพาฉันออกไปซื้อไอศกรีมเพื่อให้ทั้งคู่อยู่กันตามลำพังฉันจำได้ว่าฉันถามแม่ว่าคิดว่าพวกเขาทะเลาะกันทำไมแม่บอกว่าบางทีอาจเพราะพวกเขาแตกต่างกันมากเกินไปนั้นทำให้ฉันคิดจริงๆแล้วก็ตัดสินใจได้ว่าเมื่อฉันโตขึ้นฉันจะต้องเลือกตกหลุมรักผู้ชายที่เหมาะกับฉันใช่เลยฉันไร้เดียงสาเหมือนเด็กสาววัยรุ่นคนอื่นๆนั่นแหละไม่ว่าในปีนั้นจะเกิดอะไรก็ตาม “อาโอเว่น” เลิกมาเยี่ยมเราเขาบอกว่าเขามีงานมากมายต้องทำแต่แม่ฉันแน่ใจว่าเพราะเขาอายกับการมาเยี่ยมแล้วครั้งล่าสุดขณะที่ฉันเดาเอาว่าเป็น “ซูซาน” นั่นแหละที่ไม่อยากมาที่นี่อีกแล้วพ่อแม่ฉันก็เลยคุยกับเขาทางโทรศัพท์แทน

และฉันก็ได้รับของขวัญที่มีโน๊ตน่ารักๆจากเขาในทุกวันเกิดแล้วก็วันคริสต์มาสคุณรู้ไหมว่าเรื่องไหนที่แปลกจริงๆฉันเริ่มค้นพบว่าตัวเองคิดถึงเขามากหมายถึงแน่ล่ะว่าฉันก็เคยคิดถึงเขามากๆมาก่อนแต่ฉันรู้ว่าพอฤดูหนาวมาเขาก็จะแวะมาอีกครั้งแต่ครั้งนี้ฉันคิดถึงเขาจริงๆโดยเฉพาะมานึกถึงมือใหญ่ๆที่เคยกอดฉันกับดวงตาที่ดูอ่อนโยนแล้วก็ดูรักใคร่มากๆรวมถึงน้ำเสียงที่สงบนิ่งสุดและพอฉันอายุ 15 ปีคิดว่านะเพราะฉันเพิ่งบอกเราว่า “อาโอเว่น” เป็นยังไงบ้างอย่างที่มักทำหลังจากที่โทรคุยกันฉันเลยรู้ทันทีว่าฉันคิดถึงเขามากกว่าปกตินั่นคือตอนที่ฉันเข้าใจจริงๆว่าฉันหลงรักเพื่อนรักที่สุดของพ่อฉันอย่างลึกซึ้งไปแล้วแน่ละเราว่าฉันไม่อยากบอกอะไรกับใครได้เลยเฉพาะพ่อแม่ฉันหมายถึงแม่ฉันก็คงไม่คิดว่าเป็นเรื่องจริงจังหรอกเพราะแม่คิดว่าฉันยังเด็กเกินกว่าจะรู้สึกอะไรจริงจังและพ่อในกรณีที่ดีที่สุดพ่อคงล้อฉันเรื่องนี้และในกรณีที่แย่ที่สุดเขาคงจะบอก “อาโอเว่น” ว่าฉันรู้สึกยังไงและฉันไม่รู้เลยว่าพ่อจะมีปฏิกิริยายังไงบางทีพวกเขาอาจหัวเราะขำด้วยกันและฉันก็คงจะอับอายขายหน้าและโศกเศร้าไปเลยก็ได้

แล้วเวลาก็ผ่านไปฉันก็เติบโตขึ้นพยายามออกเดทกับผู้ชายอื่นๆเราไปดูหนังไปงานเต้นรำของโรงเรียนด้วยกันแต่ฉันไม่เคยรู้สึกจริงจังกับพวกเขาเลยหมายถึงฉันก็ยังรู้สึกว่า “อาโอเว่น” คนนั้นเป็นชายในฝันของฉันและฉันก็เอาแต่เปรียบเทียบผู้ชายกับเขาและแน่นอนว่าพวกเขาต้องพ่ายแพ้เมื่อฉันเรียนจบจากโรงเรียนอายุครบ 18 พ่อแม่จึงบอกว่าพวกเขาพร้อมแล้วในทางการเงินที่จะส่งฉันไปมหาวิทยาลัยก็แค่พ่อฉันชวนให้ฉันเลือกมหาวิทยาลัยที่อยู่ใกล้เมืองที่ “อาโอเว่น” อาศัยเขาบอกว่าเขาจะวางใจได้มากขึ้นถ้ารู้ว่าเพื่อนรักของเขาจะคอยดูแลฉันแน่ล่ะคุณก็รู้ฉันไม่ถือเลยดังนั้นทันทีที่ฉันมาถึงเมืองนั้นแล้วก็จัดการเรื่องหอพักเรียบร้อย “อาโอเว่น” จึงบอกฉันว่าจะพาไปทานมื้อค่ำเตรียมขณะตัวออกไปฉันรู้สึกท้องไส้ปั่นป่วนคุณก็รู้ถึงจะผ่านไปหลายปีแล้วแล้วฉันก็ไม่ได้ฝันถึงเขาอีกแต่มันก็ยังรู้สึกแปลกๆเวลาได้เจอคนที่ชอบมากๆนอกจากนั้นฉันยังไม่อยากไป “ซูซาน” ภรรยาของเขาแล้วก็ยังประมาณว่าเตรียมใจจะทำตัวดีๆกับเธอด้วย แต่ลองนึกภาพความประหลาดใจของฉันเวลาที่ไปยังที่นัดพบและเห็นว่าเขามาคนเดียวสิ

หลังจากพูดคุยถามสารทุกข์สุขดิบกันสักหน่อยแล้วว่าเป็นยังไงบ้างและคิดว่ารูมเมทที่มหาวิทยาลัยเป็นยังไงหลังจากนั้นเขาจึงดื่มกันนิดหน่อย “อาโอเว่น” บอกว่าเขาไม่มีความสุขในการแต่งงานเลยและนั่นก็เป็นเหตุผลที่ “ซูซาน” ไม่ได้มากับเขาซึ่งทำให้เขาสงสัยว่าเธอน่าจะนอกใจขณะที่เธอบอกเขาว่าจะไปเล่นโยคะต่อจากนั้นเขาก็บอกว่าเขาไม่ชอบเลยที่ทำให้ชีวิตแต่งงานของ “ซูซาน” ต้องตกอยู่ในความเศร้าโศกแต่เขาก็ไม่แน่ใจว่าเขาควรขอเธอหย่าหรือเปล่าแล้วก็มีเรื่องอื่นๆอีกคุณก็รู้ฉันเห็นแววตาของเขาความรู้สึกไม่มีความสุขแล้วก็มีแต่ความเศร้าและค็อกเทลเหล่านั้นก็ทำให้เขาผ่อนคลายและพูดขึ้นมากนิดหน่อยซึ่งทำให้ฉันผ่อนคลายไปด้วยฉันก็เลยโพล่งออกไปให้ “อาโอเว่น” รู้เลยว่าฉันรักเขาตอนแรกเราก็หัวเราะกันแต่ไม่ใช่เพราะเรื่องนี้น่าขันในสงสัยตาเขานะว่าเป็นเพราะเขากำลังดีใจและยินดีจากนั้นเราก็สบตากันฉันรู้สึกถึงอะไรบางอย่างอุ่นๆแล้วก็ความตื่นเต้นข้างในหลังมื้อค่ำนั้นเราก็เลยออกไปเดินเล่นด้วยกันแล้วเขาก็ทำนองว่าจับมือฉันโดยไม่ตั้งใจและฉันก็รู้สึกเหมือนไม่เคยเข้าใกล้สิ่งที่เรียกว่าความสุขที่ได้อยู่ใกล้ใครสักคนมากเท่านี้มาก่อนเลยในชีวิต

สำหรับตอนนี้ “อาโอเว่น” กับฉันคบกันมาได้ 2 เดือนละตอนนี้ก็เป็นช่วงเวลาที่มีความสุขที่สุดแต่ก็โศกเศร้าที่สุดในชีวิตฉันเขาบอกว่าเขารักฉันจริงๆบอกว่าฉันทำให้เขารู้สึกถึงความบริสุทธิ์และความเป็นเด็กอีกครั้งเหมือนอย่างที่เคยบอกฉันตอนฉันเป็นเด็กไงจำได้ไหมและเมื่อฉันอยู่กับเขาฉันรู้สึกกระตือรือร้นแล้วก็เต็มไปด้วยแรงบันดาลใจเหมือนว่าฉันจะสามารถทำอะไรก็ได้ในโลกแต่พอเขากลับบ้านแล้วฉันต้องกลับไปหอพักฉันต้องคิดถึงภรรยาของเขาอย่างช่วยไม่ได้ฉันรู้ว่าตรงนั้นในอพาร์ตเมนต์ของเขาพวกเขาก็ยังอยู่ด้วยกันกินข้าวด้วยกันนอนบนเตียงเดียวกันไปพบเพื่อนๆของพวกเขาด้วยกันแล้วก็ยังเรื่องอื่นๆอีกและถึงเขาจะสัญญาว่าจะแก้ปัญหาเรื่องการหย่าและทุกอย่างฉันก็ยังไม่อาจจะนึกภาพเราทั้งคู่ไปพบพ่อแม่ฉันด้วยกันแล้วบอกพวกเขาว่าเรารักกันได้อยู่ดีสวรรค์ที่ไหนจะรู้ว่าพ่อฉันจะมีปฏิกิริยากับเรื่องนี้ยังไง

พวกคุณคิดยังไงกับเรื่องนี้เราจะได้เลิกพบกับลับๆและจะได้อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขในซักวันหรือเปล่าแชร์ความคิดเห็นของคุณลงในช่อง คอมเม้น ข้างล่างวีดีโอนี้และอย่าลืมกดติดตามช่องด้วยนะ 

เรื่องเล่าที่เกี่ยวข้อง

0 0 votes
Article Rating
Subscribe
Notify of
guest
0 Comments
Inline Feedbacks
View all comments
Back to top button
0
Would love your thoughts, please comment.x
()
x

ปิดโปรแกรมบล็อคโฆษณา

กรุณาปิดโปรแกรมบล็อคโฆษณาก่อนนะ เพราะเว็บจะอยู่ได้ก็จากป้ายโฆษณา