ผมซื้อแฟนสาวให้ตัวเอง
ไงผมชื่อ “ร๊อจเจอร์” คุณเคยซื้ออะไรแบบไม่ยั้งคิดบ้างไหมของที่เมื่อพอคุณกลับไปบ้านแล้วคุณถึงมานึกทีหลังว่าตัวเองโง่เง่าขนาดไหนแล้วกลับไปที่ร้านเพื่อเอาของที่คุณซื้อมาเองไปคืนร้าน นี่แหละเรื่องที่ผมจะเล่าให้ฟังต่อไปนี้เมื่อไม่นานมานี้ผมพึ่งแบบว่าซื้อแฟนให้ตัวเองมาหมาดๆ ไม่ใช่ครับผมไม่ใช่มหาเศรษฐีหรืออะไรและครอบครัวผมก็มีรายได้แบบปานกลางสุดๆเพราะพ่อผมเป็นช่างไม้และแม่ผมก็เป็นนักวาดภาพประกอบถึงอย่างนั้นเราก็ไม่ได้ยากหมายถึงพ่อแม่ผมจ่ายเงินค่าเรียนมหาวิทยาลัยให้ผมได้ซึ่งตอนนี้ผมกำลังเรียนอยู่ปี 2 แล้ว คุณอาจถามว่าแล้วผมเอาเงินซื้อแฟนมาจากไหนแล้วผมจะบอกคุณนะ
ตอนนี้ผมอายุ 14 พ่อกับผมเข้าไปในมือเพื่อทำธุระผมเห็นรถยนต์ที่สวยมากๆคันนึงนั่นคือรถออสตินมาร์ตินและยังเป็นโมเดลรุ่นล่าสุดแล้วพอผมได้ยินเสียงถอนหายใจซึ่งผมคิดว่าท่านคงหมายถึงเขาไม่อาจทำตามความฝันของตัวเองได้ผมจึงตัดสินใจเลยว่าเมื่อผมโตขึ้นผมจะทำทุกอย่างเท่าที่ทำได้เพื่อให้พ่อแม่ของผมมีชีวิตที่ดีขึ้นตอนแรกสุดผมเริ่มมองหาวิธีที่จะทำเงินในทุกทางเท่าที่จะทำได้และเก็บเงินทั้งหมดที่ผมหาได้เอาไว้ตอนแรกผมเป็นผู้ช่วยในร้านดอกไม้ในห้างใกล้ๆบ้านจากนั้นไปทำงานพาร์ทไทม์เป็นคนล้างรถและคนทำความสะอาดในร้านกาแฟท้องถิ่นและทันทีที่ผมเข้ามหาวิทยาลัยได้ผมก็เริ่มทำงานด้วยการเป็นผู้ช่วยสอนของอาจารย์ ดังนั้นในตอนที่เรื่องนี้เกิดผมจึงมีเงินเก็บหลายพันดอลลาร์และคิดทันทีว่าจะเริ่มทำธุรกิจเราไปลงทุนในตลาดหุ้นและนั่นคือตอนที่ผมได้พบกับ “แบ๊กกี้” โอ้วเธอดูเหมือนเป็นนางแบบหรืออะไรแบบนั้นเลย หุ่นสวยดูดีผมบลอนยาวและตาสีเขียวคู่โตสำหรับผมนั้นเป็นรักแรกพบหรือไม่ก็เป็นอะไรที่ทำให้ผมตื่นเต้นหรือจะเรียกว่าไงก็ช่างแต่เห็นได้ชัดว่าเธอไม่ได้มองว่าผมอาจเป็นผู้ชายที่จะเป็นแฟนเธอได้เลยผมไม่แน่ใจว่าเธอจะสังเกตเห็นผมหรือเปล่าด้วยซ้ำถ้าผมไม่ได้ทำคะแนนวิชาเศรษฐศาสตร์ได้ดีด้วยการตอบคำถามของอาจารย์ได้
อย่างไรก็ตามทันทีที่เธอเข้าใจว่าผมก็ฉลาดเหมือนกันเธอจึงเริ่มเป็นมิตรกับผมและถึงเพื่อนผมจะบอกว่าเธอก็อยากให้ผมช่วยทำการบ้านให้ผมก็ไม่สนใจเพราะผมคิด เฟร์นโซน อาจทำให้ผมมีโอกาสขอคบเธอได้เหมือนกันคุณอาจประหลาดใจถ้ารู้ว่าผมพยายามจะชวนไปกินไปเที่ยวกันอยู่หลายครั้งแค่ไหนเธอก็มักติดอะไรสักอย่างที่สำคัญตลอดผมรู้ว่าผู้หญิงที่พิเศษคู่ควรกับสิ่งพิเศษดังนั้นก็เลยคิดว่าบางทีวิธีการที่ผมชวนเธออาจจะไม่ได้ผลนั้นจึงทำให้ครั้งหนึ่งผมรวบรวมความกล้าทั้งหมดชวนเธอกลางห้องเรียนผมสัญญาว่าจะทำให้การเดทครั้งนี้เป็นดั่งเทพนิยายผู้คนรอบข้างหัวเราะคิกคักแล้วเป่าปากและอาจารย์ก็สัญญาว่าจะจัดข้อสอบที่เป็นเหมือนเทพนิยายในฝันให้ผมโดยเฉพาะเลยแต่ทั้งหมดไม่สำคัญเพราะในที่สุด “แบ๊กกี้” ก็ตอบว่าตกลง ปรากฏว่าการทำเดชดูเพอร์เฟคเหมือนดั่งเทพนิยายกลายเป็นเรื่องยากมากๆ
เพื่อนทุกคนแนะนำเรื่องต่างๆที่ดูมีระดับให้อย่างช่อดอกกุหลาบช่อใหญ่และเดินเล่นในสวนแต่ผมอยากทำให้เธอประหลาดใจมากเหลือเกินผมคิดว่าคงไม่ใช่เรื่องใหญ่ถ้าผมจะใช้เงินเก็บของตัวเองแบบว่าเพื่อให้ค่ำคืนนี้เป็นที่จดจำน่ะและด้วยเหตุนั้นผมจะต้องใช้เงินสักหน่อยดังนั้นพอวันนัดมาถึงผมจะสั่งช่อดอกไปส่งให้เธอในตอนเช้าตรู่เรื่องสั่งอีกหลายๆชอบติดต่อกันทุก 1 ชั่วโมงจนกระทั่งหกโมงเย็นซึ่งเป็นเวลาที่เรานัดพบกันที่ร้านอาหารหลังจากทานมื้อค่ำเราไปที่สวนซึ่งรถม้าจะจอดรออยู่ด้านหลังนั่งรถมาสักครู่หนึ่งเราจะนอนด้วยกันที่มานั่งที่เห็นวิวสวยๆของเมืองตอนกลางคืนแล้วผมจะให้กำไลข้อมือสีเงินสวยๆกับเธอใช้ผมรู้ว่าอยากฟังดูโง่อยู่บ้างที่เสี่ยงมากขนาดนั้นเพราะเธอไม่ได้รับปากอะไรผมเลยแต่ผมตกหลุมรัก “แบ๊กกี้” มากจริงๆแล้วเมื่อเธอจูบผมผมก็เข้าใจเลยว่าทุกดอลล่าที่เสียไปนานคุ้มค่าแล้ว
แน่นอนตั้งแต่เดทครั้งนั้นเราจึงกลายเป็นคู่รักกันจริงๆและตลอดทั้งสัปดาห์ครั้งแล้วครั้งเล่าผมจะได้ยินพวกสาวๆกระซิบกระซาบพูดกันถึงคืนนั้นซึ่งที่จริงหมายถึงว่า “แบ๊กกี้” ชอบมากซะจนเอาไปพูดให้ทุกคนฟังว่าผมโรแมนติกแค่ไหนผมมีความสุขมากจริงๆที่ได้อยู่กับเธอรู้สึกเหมือนจะบินได้เลยมีแค่อย่างเดียวที่ไม่ได้รบกวนจิตใจผมในตอนแรกแต่ไม่นานก็เริ่มน่าสงสัยขึ้นมานั่นคือ “แบ๊กกี้” เอาแต่ร้องขอของขวัญและการเซอร์ไพรส์จากผมอีกแล้วถึงผมจะรู้ว่าสาวๆทุกคนมีประสบการณ์แบบนั้นหลายๆครั้งผมก็อดคิดไม่ได้ว่าแฟนผมเริ่มกลายเป็นคนเสพติดวัตถุไปแล้วผมจะอธิบายสักหน่อยนะวั นหนึ่ง “แบ๊กกี้” เอาแต่พูดเป็นนัยๆว่าถ้าอยากได้ชุดกระโปรงสวยๆราคาแพงตัวนึงเอามากๆและตอนนี้ก็บังเอิญว่าลดราคาอยู่พอดีแต่เธอไม่มีเงินพอและอื่นๆผมก็เลยซื้อให้เธอใน 2 วันต่อมาช่วยขอให้ผมไปช่วยเลือกของขวัญให้เพื่อนเธอเป็นของขวัญวันเกิดเพื่อนคนนั้นที่จะมาถึงในอีกไม่นานและขณะที่เรากำลังเลือกดูเธอก็พบรองเท้าสวยๆที่เข้ากับชุดกระโปรงที่ผมซื้อให้ก่อนหน้าผมก็เลยซื้อมาแล้วของขวัญงี่เง่าให้เพื่อนเธอด้วย
หลังจากมีความสัมพันธ์กัน 1 เดือนเธอจึงบอกว่านี้เป็นวันครบรอบครั้งแรกของเราดังนั้นก็นั่นแหละผมเลยต้องใช้เงินอีกครั้งใช้ผมรู้ว่าผมควรพูดกับเธอเรื่องนี้แต่ก็แค่แบบว่าผมรักเธอแล้วไม่อาจต้านทานได้เลยเวลาที่เธอเริ่มออดอ้อนนู้นนี่ต่อมาเมื่อถึงปิดเทอมฤดูใบไม้ผลิและผมอยากกลับไปเยี่ยมพ่อแม่ที่บ้านเกิดมากผมจึงบอก “แบ๊กกี้” เรื่องนี้และเธอก็ทำให้ผมประหลาดใจจริงๆที่บอกว่าอยากไปด้วยเพื่อแนะนำตัวกับพ่อแม่ผมนี่เป็น เรื่องไม่คาดฝันและยอดเยี่ยมมากๆผมก็เลยซื้อตั๋ว 2 ใบแทนที่จะเป็นใบเดียวแล้วโทรบอกแม่ว่าผมไม่ได้กลับไปคนเดียวผมเห็นเลยว่า “แบ๊กกี้” ตื่นเต้นและกระวนกระวายแค่ไหนระหว่างอยู่บนเครื่องบินและเธอก็เอาแต่ถามว่าควรทำยังไงเพื่อให้แม่ผมพอใจแล้วพ่อผมชอบคุยเรื่องแบบไหนอะไรอื่นแบบนั้นและเมื่อเราไปถึงบ้านผมเห็นเลยว่าพ่อแม่ผมแบบว่าเตรียมพร้อมจะต้อนรับขับสู้เราไว้แล้วทุกที่ในบ้านสะอาดเอี่ยมเงาวับมีดอกไม้สดอยู่ทุกหนทุกแห่งและผมก็รู้สึกว่าผมอาจเป็นครอบครัวเดียวกับ “แบ๊กกี้” ในวันหนึ่งได้จริงๆแล้วผมก็เห็นภาพในหัวเลยว่าเราจะมาที่นี่กันในทุกคริสต์มาส
แต่คุณรู้ไหมว่าอะไรที่แปลก “แบ๊กกี้” ดูเหมือนจะประหลาดใจกับสิ่งที่เห็นหมายถึงบ้านแล้วพ่อแม่ผมแต่ไม่ใช่ในทางที่ดีทันทีที่เธอเข้าไปในบ้านดูเหมือนจะมีอารมณ์รังเกียจแบบแปลกประหลาดปรากฏบนหน้าเธอเหมือนได้กลิ่นอะไรเหม็นๆและเมื่อแม่ของผมกอดเธอบอกว่าดีใจที่ได้พบเธอแทบไม่ยืมแล้วไม่พูดอะไรเลยเธอเงียบตลอดมื้อค่ำแล้วแทไม่กินอะไรจริงๆถึงทุกอย่างจะอร่อยมากแล้วผมก็เห็นแม่ผมใช้หลายชั่วโมงไปกับการทำอาหารทั้งมื้อนั้นแล้วจากนั้น “แบ๊กกี้” ก็บอกง่ายๆว่าถ้าจะกลับไปมหาวิทยาลัยและลุกจากโต๊ะไปวันถัดมาเธอจึงสั่งให้ผมไปส่งเธอที่สนามบินทุกคนสับสนอย่างมากโดยเฉพาะผมที่คิดว่าเธอเป็นฝ่ายบอกเองแท้ๆว่าเราน่าจะมาด้วยกันผมรีบไปคุยกับเธอถึงจะรู้สึกไม่พอใจเอามากๆผมพยายามจะข่มเสียงให้ราบเรียบแต่ในทางกลับกันเธอกลายเป็นคนเสียสติและเริ่มกล่าวหาว่าผมโกหกเธอทำเหมือนว่าผมมาจากครอบครัวร่ำรวยมีความสัมพันธ์กับเธอและตอนนี้ก็กลายเป็นว่าครอบครัวผมถ้าไม่มีกำลังซื้อกับข้าวสักมื้อได้ด้วยซ้ำ
สิ่งนี้ทำให้ผมโกรธมากปกติผมก็ไม่ยอมให้ใครพูดแบบนั้นกับพ่อแม่ผมอยู่แล้วแต่ตอนนั้นผมกำลังตกหลุมรักใครสักคนจริงๆแล้วไม่อยากเสียเธอจะความเข้าใจผิดแบบนี้ผมพยายามบอก “แบ๊กกี้” ว่าผมไม่ได้โกหกและพฤติกรรมของเธอไม่เหมาะสมอย่างมากแต่เธอไม่อยากรับฟังเธอก็เลยจากไปแล้วผมยังอยู่ที่นั่นแน่หละว่าหลังจากปิดเทอมหมดลงผมก็ต้องกลับไปมหาวิทยาลัยและน่าใจมากว่า “แบ๊กกี้” ต้องพูดไปทั่วว่าผมคนไม่ซื่อสัตย์และมีเรื่องแย่ๆ อื่นๆ อีกแต่อะไรบางอย่างที่ตรงข้ามโดยสิ้นเชิงกับเกิดขึ้นในวันแรกที่เราเจอกันเธอต้องมาหาผมเริ่มกล่าวขอโทษที่หยาบคายกับพ่อแม่ผมและบอกว่าเธอเสียใจในสิ่งที่ทำไปตอนนั้นที่เธอออกมาจากบ้านผมและเรื่องอื่นๆที่น่าแปลกใจมากๆจริงๆนะตอนนั้นผมคิดเลยว่าถ้ามีปัญหากับการเป็นโรคไบโพล่าหรืออะไรสักอย่างเพราะเธอทำตัวแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงแต่เรื่องนี้ก็ทำให้ผมมีความสุขอยู่เพราะผมยังรักและคิดถึงเธอเหลือเกิน
หลังจากนั้นเมื่อผมเล่าเรื่องความเปลี่ยนแปลงที่น่าทึ่งในทัศนคติของ “แบ๊กกี้” ให้เพื่อนๆฟังซึ่งพวกเขารู้เรื่องทริปที่ห่างไกลจากทริปพ่อแม่ผมที่ดีมาก่อนแล้ว “แซม” จึงสารภาพความจริงและหลังจากฟังเขาทุกอย่างก็เหมือนจะเข้าที่เข้าทางทันทีเขาบอกว่าทันทีที่ “แบ๊กกี้” กลับมาเขาก็ได้ยินเธอบอกพวกเพื่อนๆไปทั่วว่าครอบครัวและบ้านผมน่าขยะแขยงขนาดไหนในฐานะเพื่อนที่ดีเค้าไม่อยากปล่อยให้เธอทำแบบนั้นได้แล้วจึงพยายามปกป้องผมด้วยการเล่าเรื่องว่าครอบครัวผมรวยมากๆแล้ววันนั้นที่เธอเห็นบ้านที่เธอไม่ชอบมากขนาดนั้นเป็นแค่การทดสอบสำหรับผมว่าเธอเป็นพวกที่คิดหวังสินทรัพย์หรือเปล่าดูจากพฤติกรรมของเธอเขาจึงบอกว่าเธอสอบตกผมไม่อยากเชื่อเลยว่าเรื่องนี้จะเป็นความจริงกลายเป็นว่าผู้หญิงที่ผมเอาใจใส่มากย่อมเปลี่ยนความคิดไม่ใช่เพราะเสียใจที่ทิ้งผมไว้จะเพราะเธอคิดว่าผมรวยนี่หมายความว่าเธอไม่ได้คิดจะคบกับผมแต่คบกับเงินที่ผมสร้างความประหลาดใจให้เธอ “แซม” ยังบอกด้วยว่าเขาไม่อยากให้เธอกลับมาคบกับผมแต่เขาแค่อยากสอนบทเรียนหรืออะไรทำนองนั้นให้เธอตอนนี้ก็อย่างที่พวกคุณคงเดาได้ “แบ๊กกี้” กลายเป็นคนที่พยายามจะรักษาความสัมพันธ์ของเราต่อไปบอกตามความจริงผมไม่มีเงินซื้อของขวัญราคาแพงอีกแล้วผมใช้เงินส่วนใหญ่ไประหว่างเดือนแรกของความสัมพันธ์ของเราดังนั้นตอนนี้ผมเลยต้องเก็บเงินอย่างหนักอีกครั้งเพื่อเติมเต็มความฝันของผม ผมยังคงชอบ “แบ๊กกี้” นะถึงผมจะรู้ทุกอย่างแล้วก็ตามผมยังหวังไว้ด้วยว่าวันหนึ่งเมื่อเวลาที่เหมาะสมที่จะเปิดเผยความจริงมาถึงเธอจะตกหลุมรักผมจริงๆไม่ใช่อำนาจเงินของผม
พวกคุณคิดว่าเรื่องนี้จะเกิดขึ้นได้จริงไหมทิ้งคำตอบไว้ในช่อง คอมเม้น และอย่าลืมกดติดตามช่องนี้นะ