ความรัก

ฉันเป็นพ่อคนตอนอายุ 16 ฉันช่างไร้เดียงสาจริงๆ !

สวัสดีเพื่อน ผมชื่อ “หลุยส์” แล้วผมมีบางอย่างจะบอกคุณ โอเคคือว่าแฟนของผมตั้งท้อง มันดูเหมือนไม่มีอะไรผิดปกติใช่ไหมแต่ปัญหาก็คือผมอายุเพียง 16 ปี ดังนั้นไชโย ผมจะไม่ได้หรอกว่าผมได้พบกับ ”จัสมิน” เมื่อไหร่เพราะตอนนั้นผมยังเป็นเด็กอยู่เลยพ่อแม่ของเธอเป็นเพื่อนบ้านเราเหมือนกับที่แม่เคยพูดไว้ “จัสมิน” กับผมรู้จักกันมาตั้งแต่ยังเป็นแบเบาะเราเติบโตมาพร้อมกัน 

ตอนที่เราเป็นเด็กเราทำทุกอย่างด้วยกันมาตลอดจนกระทั่งถึงอายุ 16 ปีเราก็ยังเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดกันเสมอมาแต่แล้วผมก็ทำมันพังโดยที่ผมไม่ได้ตั้งใจผมโตขึ้นกลายเป็นหนุ่มแล้วคุณน่าจะเดาออกใช่ผมพูดกับ “จัสมิน” ว่าผมอยากเป็นมากกว่าเพื่อนกับเธอและได้นอนเธอพูดอย่างที่ใครๆ มักพูดกันว่าเธอไม่ต้องการทำลายมิตรภาพของเราและอื่นๆ อย่างที่ผู้หญิงมักจะพูดนั่นแหละ

ดังนั้นผมจึงต้องถูกจำกัดอยู่แค่ตรงคำว่า “แค่เพื่อน” หรือจะพูดให้ถูกก็คือเราเป็นแค่เพื่อนมาตั้งแต่ 16 ปีที่แล้ว แต่ไม่เป็นไรผมรับมือได้อยู่แล้วและแม้ว่าผมจะต้องทนทุกข์ทรมานนิดหน่อยและสูญเสียความรู้สึกไปบ้างก็ตาม แต่ว่าหลังจากนั้นผมก็พบว่าเธอเริ่มออกเดทกับผู้ชายในโรงเรียนที่ชื่อ “ไมค์” เจ้าตัวประหลาด “ไมค์” จากชั้นเรียนการแสดงว่าเขาดูเหมือนนกยูงมากกว่าผู้ชายซะอีกแล้วเธออยากจะเดทกับคนอย่างเขามากกว่าผมเนี่ยนะบ้าไปแล้ว

ใครๆ ก็รู้ดีว่า “ไมค์” เดทกับสาวๆ แทบจะครึ่งของทางโรงเรียน “จัสมิน” ยอมที่จะเดตกับเขาไปได้ยังไงผมโกรธมากผมพยายามบอกเธอว่าเขาแค่จะมาหลอกเธอแต่เธอไม่ฟังอะไรทั้งนั้นแล้วหลังจากนั้นไม่กี่เดือนเองก็เกิดขึ้นจนได้ ผมเห็นเธอร้องไห้อยู่ใกล้ๆ โรงเรียนคุณไม่จำเป็นต้องเป็นนักสืบก็คงเดาออกว่าเกิดอะไรขึ้น ดังนั้นผมจึงเข้าไปหาเธอและกอดเธอโดยไม่มีอะไรพูดสักคำ ผมพาเธอกลับบ้านแล้วเธอก็เล่าให้ผมฟังทุกอย่างแล้วก็เป็นอย่างที่ผมคาดไว้ “ไมค์” บอกเลิกกับเธอ

พูดตามตรงผมต้องกัดปากตัวเองไว้เพื่อจะได้ไม่พูดว่า “เห็นไหมผมเตือนเธอแล้ว” และขอบคุณพระเจ้าที่ผมไม่ได้พูดอย่างนั้นออกไป เธอรู้สึกขอบคุณสำหรับความเห็นอกเห็นใจของผมมากเมื่อถึงตอนที่เราบอกลากันเธอมองลึกเข้าไปที่ดวงตาของผมและจูบผมเพื่อน โอ้…..เพื่อนเอ๋ย ผมฝันถึงช่วงเวลานี้มาตลอดและนั่นแหละจากนั้นเราก็เริ่มออกเดทกัน โอ้ว…นี่มันเป็นช่วงเวลาที่ผมมีความสุขที่สุดในชีวิตเลย 

เราใช้เวลาด้วยกันทั้งวันทั้งคืนและผมไม่ต้องการจะห่างเธอแม้แต่วินาทีเดียว เป็นเวลา 3 สัปดาห์ที่ผมเปี่ยมล้นไปด้วยความสุขจนกระทั่งเช้าวันหนึ่งที่มีคนมาเคาะประตูบ้านผม “จัสมิน” และพ่อแม่ของเธอยืนอยู่หน้าประตูบ้านเราพวกเขาเข้ามาในบ้านแล้วทำให้พวกเราช็อคได้ข่าวที่ว่า ”จัสมิน” ตั้งท้อง ว้าว!! ผมตัวแข็งและพึ่งไปเลยผมได้แต่มึงงงแล้วไม่สามารถแม้แต่จะได้ยินทุกสิ่งที่พ่อแม่ของเราพูดในขนาดนั้น

สิ่งที่ผมทำได้คือมองตาจัสมินและเข้าใจความรู้สึกของเธอ เธอแทบจะกลั้นน้ำตาไว้ไม่ไหวแต่เมื่อถึงจุดหนึ่งเธอก็ยืนขึ้นและขัดจังหวะทุกคนว่าเธอพูดว่า “หนูจะเก็บเด็กอาไว้” พ่อแม่ของเราเงียบกันไปชั่วขณะนั้นผมก็ลุกขึ้นแล้วพูดว่าผมเองก็โตพอที่จะรับผิดชอบเรื่องนี้และผมสัญญาว่าจะทำทุกอย่างที่ทำได้เพื่อดูแล “จัสมิน” และลูก แน่นอนคำพูดเหล่านี้มันฟังดูไม่มีความหมายเท่าไหร่เพราะในสายตาของพวกเขาผมเป็นเพียงเด็กชายอายุ 16 ที่ทำสิ่งที่ไม่ดีขึ้นก็เท่านั้น 

หลังจากนั้นพวกเราก็มีการพูดคุยและโต้เถียงกันมากมายแต่ละบทสรุปสุดท้ายก็คือผมกำลังจะกลายเป็นพ่อคนผมเข้าใจดีว่าสิ่งแรกที่เราต้องการก็คือเงินดังนั้นผมจะเริ่มหางานทำน่าเสียดายที่เด็กในวัยอย่างผมสามารถหาเงินได้แค่ด้วยการส่งพิซซ่าหรือทำงานที่ร้านอาหารฟาสต์ฟู้ดเท่านั้นแต่ผมต้องการงานจริงๆ ดังนั้นผมจึงทำงานเป็นพนักงานร้านพิซซ่าจนถึงตอนเย็นจากนั้นก็เข้าทำงานในครัวต่อที่ร้านแมคโดนัลใช่มันเป็นงานที่หนักมากแต่ในหัวของผมมีเพียงแค่สิ่งเดียวที่ทำให้ผมต้องก้าวต่อไปนั่นก็คือผมกำลังจะมีลูกเร็วๆ นี้แหละนั่นมันทำให้ผมมีแรงฮึดในการทำงานตลอดทั้งวันทั้งคืน

“จัสมิน” เธอเองก็ประสบปัญหาเช่นกันเธอตั้งครรภ์ตอนอายุ 16 ดังนั้นทุกคนรอบข้างจึงพากันตัดสินเธอแม้แต่พ่อแม่ของเธอเองพวกเขาไม่เคยยอมรับอย่างเต็มใจว่าพวกเรากำลังจะมีลูกแล้วเอาแต่ตำหนิเธอแต่ตรงกันข้ามกับทางพ่อแม่ของผมพวกเขาสนับสนุนเราและยังบอกผมว่าจัสมินสามารถย้ายเข้ามาอยู่กับพวกเราได้แล้วเราจะทำห้องหนึ่งไว้ให้เป็นห้องเลี้ยงเด็กพวกเขาไม่ตามผมมากเกินไปด้วยซ้ำและผมก็รู้สึกขอบคุณพ่อและแม่ของผมมาก

สิ่งต่างๆ กำลังไปได้ดีผมคุ้นเคยกับการทำงานหนักแล้วเริ่มหาเวลาไปอยู่กับ “จัสมิน” บ้าง แต่เธอก็ยังดูอารมณ์เสียตลอดเวลามีบางอย่างกำลังทำให้เธอกังวลใจมากกว่าเรื่องพ่อแม่เธอไม่ต้องการพูดถึงมันผมพยายามหาวิธีที่จะทำให้เธอร่าเริงขึ้น ผมปลีกเวลา 2 3 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ในการทำห้องเด็กอ่อนผมทาสีผนังวางพรมนุ่มๆ จัดเปลนอนและซื้อของเล่นมาไว้มากมายและผมยังวาดรูปสัตว์ต่างๆ ไว้บนผนังด้วย ใช้ผมรู้ฝีมือผมมันไม่ค่อยดีเท่าไหร่โอเค แต่ว่าผมว่ามันด้วยหัวใจเลยนะแล้วห้องมันก็ดูดีมากๆ เลยล่ะผมอยากจะทำเซอร์ไพรส์ให้กับ “จัสมิน” จริงๆ วันนั้นผมขอลาหยุดแล้วเราใช้เวลาด้วยกันทั้งวันเราไปเดินเล่นดูหนัง และทานมื้อค่ำสุดโรแมนติกในที่สุดเธอก็อารมณ์ดีขึ้นและลืมเรื่องเศร้าไปได้บ้างและตอนนี้ก็ถึงเวลาสำหรับเซอร์ไพรส์แล้ว

พวกเราไปที่บ้านของผมผมใช้มือปิดตาเธอเอาไว้และพาฉันเข้าไปในห้องของลูกเราเมื่อเราเข้าไปข้างในผมก็พูดว่า “ลูกของเราจะเติบโตที่นี่” แล้วผมเปิดตาเธอออกเธอมองรอบๆ ไปที่ห้องนั้นสัก 1 นาทีได้ จากนั้นเธอก็เริ่มร้องไห้ตอนแรกผมคิดว่ามันเป็นน้ำตาแห่งความปลื้มของเธอแต่ไม่ใช่เลย เธอเริ่มขอโทษผมผมงงมากเลยไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นแต่แล้วในที่สุดเธอก็สารภาพบอกมาว่า ผมไม่ใช่พ่อของเด็กเธอบอกว่าไม่ทิ้งเธอเพราะรู้ว่าเธอท้องหลัง จากนั้นพวกเราก็เริ่มออกเดททันที ฉันคิดว่าเธอจะปิดเครื่องนะไว้ แต่ความรู้สึกผิดชอบชั่วดีของเธอกำลังกลืนเธอทั้งเป็น 

ในช่วงเวลานั้นโลกของผมแตกสลายออกเป็นเสี่ยงๆ ทั้งการทำงานหนัก ทั้งการต่อสู้กับพ่อแม่ ทั้งหมดเป็นความผิดของ ”ไมค์” ผมรู้สึกเหมือนถูกหลอกใช้เธอกำลังตั้งท้องของเขาแล้วผมต้องมาทำงานหลังขดหลังแข็งเพื่ออนาคตลูกของคนอื่นเป็นเวลาประมาณ 1 สัปดาห์ที่สติผมเลื่อนลอยผมได้แต่นอนบนเตียงคิดถึงความสัมพันธ์ของเรากับลูกผมว่าควรจะทำอย่างไรต่อไปดี ความคิดของผมบางส่วนก็มืดมนมากผมรู้สึกหดหู่ใจแต่แล้วก็มีบางสิ่งที่คาดไม่ถึงเกิดขึ้น

กลางดึกคืนนั้นมีคนมาเคาะประตูบ้านเราเป็นพ่อแม่ของ “จัสมิน” เองพวกเขาดูตื่นกลัวแล้วตะโกนว่าฉันกำลังแย่แล้วเธอต้องรีบไปโรงพยาบาลด่วนพวกเราขึ้นรถ แล้วพ่อขับรถพาพวกเราไปส่งโรงพยาบาลแล้วขับเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้และแหกทุกกฏแทบจะทั้งหมด ที่โรงพยาบาล “จัสมิน” ถูกนำตัวไปแต่ปัญหาก็คือว่าอายุครรภ์ของเธอเพิ่งจะได้ 8 เดือนเท่านั้นดังนั้นชีวิตของเธอและเด็กจึงอาจตกอยู่ในอันตรายไม่กี่ชั่วโมงต่อมาผมได้แต่เดินไปเดินมาในห้องโถงพยายามสลัดความคิดที่ไม่ดีออกจากหัวผมแค่บอกตัวเองว่าเธอจะต้องสบายดีและเด็กจะต้องปกติดี ทุกอย่างจะต้องไม่มีปัญหาจากนั้นประมาณ 3 ชั่วโมงต่อมาหมอเข้ามาหาเรา และถามว่าใครเป็นพ่อของเด็ก ผมพูดออกไปโดยไม่ต้องใช้เวลาคิดเลยว่าผมเป็นพ่อของเด็กเอง

จากนั้นหมอก็ถอนหายใจแล้วพูดว่า “ทั้งเด็กและคุณแม่ปลอดภัยดีแล้วแต่ตอนนี้เธอต้องการการพักผ่อนก่อน” หมอบอกให้เรากลับบ้านไปนอนพักกันได้แล้วค่อยกลับมาใหม่ในตอนเช้า แต่ผมนอนไม่หลับเลยและคิดตลอดว่าขอบคุณพระเจ้าที่ลูกของผมปลอดภัย และในตอนเช้าพอจัสมินตื่นพวกเขาอนุญาตให้ผมเข้าไปเยี่ยมเธอได้ผมเดินเข้าไปหาเธอแล้วกอดเธอแน่นแล้วพูดว่า “ทุกอย่างจะต้องโอเคสำหรับเรา” ไม่กี่ชั่วโมงต่อมาพยาบาลพาเราไปหาลูกในตอนนั้นน้ำตาแห่งความสุขของผมก็เริ่มท่วมท้นออกมา เขาตัวเล็กมากและตัวก็ชมพูไปหมดผมไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเองเหมือนกับว่าความสุขทั้งโลกนี้ถูกรวมไว้ทั้งหมดที่ทารกตัวน้อยๆ คนนี้ผมคิดว่านี่มันคือสัญชาตญาณของความเป็นพ่อแม่เพราะผมรู้สึกว่าผมจะทำทุกอย่างเพื่อให้ลูกน้อยของผมปลอดภัยมันไม่สำคัญอีกแล้วว่าบิดาผู้ให้กำเนิดจะเป็นใครนี่คือลูกของเราและเป็นครอบครัวของเรา ผมกลายเป็นพ่อคนแล้วผมก็ภูมิใจมันมาก

ขอบคุณสำหรับการรับฟังเรื่องราวของผมแต่คุณได้สังเกตไหมว่ามีตุ๊กตาหมีปรากฏขึ้นในวีดีโอหลายครั้งคุณนับได้ไหมว่าเท่าไหร่เขียนคำตอบของคุณในช่องความคิดเห็นด้วยนะครับ 

เรื่องเล่าที่เกี่ยวข้อง

0 0 votes
Article Rating
Subscribe
Notify of
guest
0 Comments
Inline Feedbacks
View all comments
Back to top button
0
Would love your thoughts, please comment.x
()
x

ปิดโปรแกรมบล็อคโฆษณา

กรุณาปิดโปรแกรมบล็อคโฆษณาก่อนนะ เพราะเว็บจะอยู่ได้ก็จากป้ายโฆษณา