ฉันพบกับแม่มดผู้เปลี่ยนชีวิตของฉันให้กลายเป็นหนังสยองขวัญ
สวัสดีทุกคน ฉันชื่อ “เบร็นด้า” อายุ 13 ปีวันนี้ฉันได้รวบรวมความกล้าเพื่อที่จะมาเล่าเรื่องราวที่ลึกลับและพิศวงที่สุดในชีวิตให้คุณฟังคุณเคยเจอกับเหตุการณ์แปลกประหลาดกับตัวเองบ้างไหมแบบเรื่องที่หาคำตอบไม่ได้ทำนองนั้นน่ะเอาล่ะทุกอย่างมันเกิดขึ้นตอนที่ครอบครัวของฉันย้ายมาอยู่ในเมืองเล็กๆของรัฐเทนเนสซี
ฉันตื่นเต้นมากที่ได้ไปโรงเรียนที่มีชื่อเสียงแห่งนี้และได้เริ่มต้นกับอะไรใหม่ๆ ในสถานที่ใหม่ๆ ดูเหมือนว่าไม่มีอะไรต้องกังวลแต่แล้วมันก็เกิดขึ้นเพื่อนร่วมชั้นของฉันนิสัยดีมากพวกเขาพาฉันไปเที่ยวชมรอบเมืองและฉันก็เริ่มสนิทสนมกับทุกคนยกเว้นแต่ “เอเด็น” เขาเป็นคนประหลาดและชอบเก็บตัวเงียบและไม่สุงสิงกับใครเขามองฉันแค่แป๊บเดียวก็นั่นมันทำให้ฉันรู้สึกอึดอัดจริงๆฉันถามพวกเพื่อนใหม่ของฉันท์เกี่ยวกับตัวเขาทุกคนบอกว่าเขาก็เป็นแค่คนเพี้ยนๆ คนนึงไม่มีใครคบเขาซึ่งมันก็ไม่น่าเป็นเรื่องผิดปกติอะไรเพื่อนๆ บอกว่าเขาชอบสะสมแปลกๆและไม่เคยยอมให้ใครแตะกระเป๋าสะพายของเขาเลยพูดตามตรง อันที่จริงแล้วฉันเคยเป็นพวกที่ชื่นชอบเรื่องราวลึกลับมาก่อนฉันจึงเกิดความสนใจและจากนั้นเพื่อนๆ ร่วมชั้นของฉันจึงได้คิดอะไรห่ามๆ กันขึ้นมาพวกเขาต้องการขโมยกระเป๋าของ “เอเด็น” เพื่อดูว่ามันมีอะไรอยู่ในนั้นกันแน่
และแผนการมันเป็นดังนี้พวกเขาจะช่วยกันเบี่ยงเบนความสนใจของเขาและฉันต้องเป็นคนไปหยิบกระเป๋าของเขามาและนั่นคือสิ่งที่เราทำแต่มันกลับไม่ได้ผลอย่างที่เราคาดไว้ได้ “เอเด็น” สังเกตว่าฉันกำลังหยิบกระเป๋าของเขาไปแล้วเขาก็โมโหมากเขาร้องตะโกนและสาปแช่งฉัน ฉันกลัวมากจึงวิ่งหนีไปอย่างเร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้ฉันวิ่งโดยไม่หันหลังกลับไปมองแต่ฉันก็ยังได้ยินเสียงเขาตะโกนไล่หลังมาประมาณว่า “แล้วเธอต้องเสียใจกับสิ่งที่เธอทำ” และหลังจากนั้นไม่นานทุกคนก็เปิดกระเป๋าของเขาดูและพบว่าในนั้นมีแต่ของแปลกๆ และน่าขยะแขยงมันเป็นพวกก้อนหิน ขนนก กิ่งไม้แห้ง และแม้กระทั่งซากนกและอะไรก็ไม่รู้ที่ดูแล้วเหมือนซากแมวตายฉันรู้สึกละอายใจในสิ่งที่ทำและพยายามอยู่ห่างมันฉันมั่นใจว่า “เอเด็น” จะต้องทนไม่ได้กับเรื่องนี้
แต่แล้วในวันรุ่งขึ้นหรือแม้กระทั่งในวันถัดมามันก็ยังไม่มีเรื่องร้ายๆ อะไรเกิดขึ้นฉันเลยคิดว่าเรื่องนี้คงจบลงแล้วแต่โชคไม่ได้เข้าข้างฉันขนาดนั้นอยู่มาวันหนึ่งมีเสียงเคาะประตูที่บ้านของเรามีผู้หญิงท่าทางแปลกๆ มาหาเธอบอกว่าเธอเป็นเพื่อนบ้านของเราเองและแวะมาเพื่อทักทายเพื่อนบ้านใหม่แถมเธอยังทำเค้กมาให้เราอีกด้วยดังนั้นแม่ของฉันจึงเข้าไปที่ครัวเพื่อนำมันไปใส่จานและทิ้งให้ฉันอยู่ตามลำพังกับผู้หญิงคนนี้เธอดูน่ากลัวและดูมีเสน่ห์ในเวลาเดียวกันเธอจ้องมองฉันและทันใดนั้นก็ขอให้ฉันนำน้ำมาให้เธอซักแก้วแต่พอฉันกลับมาพร้อมแก้วน้ำในห้องก็ไม่มีใครอยู่ เธอหายไปแล้วแม่ของฉันกลับมาพร้อมเช็คและน้ำชาแล้วถามฉันว่าเกิดไปขึ้นแต่ฉันไม่รู้จะตอบยังไงเราทั้งคู่ประหลาดใจมากเธอคนนั้นมีธุระด่วนหรือยังไงกันนะถึงได้จากไปโดยไม่ร่ำลาแบบนี้
แต่แล้วพอฉันมองไปที่เก้าอี้ที่เธอนั่งฉันก็พบหนังสือวางอยู่บนนั้นฉันเปิดมันและแทบจะไม่เชื่อสายตาตัวเองมันดูเหมือนหนังสือเวทย์มนต์อะไรทำนองนั้นมันเต็มไปด้วยรูปภาพและสัญลักษณ์แปลกๆ ฉันแอบหยิบมันไปซ่อนไว้ในห้องของฉันมันน่าเหลือเชื่อจริงๆ ฉันใช้เวลาหลายชั่วโมงกับหนังสือเล่มนั้นและฉันได้พบกระดาษโน๊ตที่พับเสียบไว้ในหน้าหนังสือมันมีข้อความว่าหากเธอต้องการรู้อะไรมากกว่านี้ขอแค่บอกฉันฉันแทบจะคลั่งตายด้วยความอยากรู้อยากเห็นผู้หญิงคนนั้นทิ้งที่อยู่ของเธอไว้ด้วยแต่ฉันก็ไม่กล้าพอที่จะไปหาเธอที่บ้านในเช้าวันถัดมาขณะที่ฉันกำลังอยู่ที่ซุปเปอร์มาร์เก็ตฉันก็เห็นผู้หญิงคนนั้นยืนอยู่ที่มุมถนนฉันแทบไม่รู้ตัวว่าฉันได้ทำอะไรลงไป รู้เพียงแต่ว่าฉันเดินเข้าไปหาเธอด้วยค่ะที่สั่นเทาและเปล่งคำพูดออกไปว่าฉันต้องการรู้มากกว่านี้เธอยิ้มให้ฉันแล้วบอกให้ฉันไปพบกับเธอที่กระท่อมชายป่า
แน่นอนว่าฉันไม่ได้บอกเรื่องนี้ให้แม่รู้แม่ไม่ค่อยชอบที่ฉันสนใจเรื่องราวลึกลับพันนี้อยู่แล้วแต่ว่าเรื่องทั้งหมดนี้มันดึงดูดใจฉันมากจนยากเกินจะต้านทานไหวฉันไปที่กระท่อมนั้นตามเวลาที่นัดกันไว้และผู้หญิงคนนั้นก็รอฉันอยู่ที่นั่นแล้วมันดูราวกับว่าฉันได้ก้าวเข้าไปในบ้านของแม่มดยังไงอย่างนั้นในกระท่อมนั้นมันเต็มไปด้วยหม้อไห เหยีอกที่ใส่ของแปลกๆ ตาข่ายดักฝันและของอื่นๆ ที่ดูลึกลับอีกมากและแล้วผู้หญิงคนนั้นก็เริ่มต้นเล่าเรื่องราวอธิบายให้ฉันฟังเกี่ยวกับความหมายต่างๆ ของรูปภาพและสัญลักษณ์ในหนังสือที่เธอทิ้งเอาไว้ให้ฉันฉันอยากฟังเธอไม่ได้เลยมันเกิดขึ้นราวกับถูกสะกดจิตเธอบอกว่าฉันเป็นคนมีพรสวรรค์และเป็นบุคคลที่ถูกเลือกและเขายังย้ำด้วยว่าจะต้องให้ความสำคัญกับความรู้เหล่านี้พร้อมทั้งเก็บมันไว้เป็นความลับ
และหลังจากนั้นฉันก็กลับไปที่นั่นครั้งแล้วครั้งเล่า ฉันเริ่มโดดเรียน ฉันสนใจบทเรียนเวทย์มนต์นี้มากกว่าจนวันนึงคุณครูผู้ลึกลับของฉันก็บอกฉันว่าเรากำลังจะเรียนรู้เกี่ยวกับการสร้างเครื่องรางพิเศษเธอบอกว่าถ้าฉันทำตามขั้นตอนอย่างถูกต้องมันจะเป็นสิ่งที่คอยคุ้มครองดูแลครอบครัวของฉันนี่มันน่าตื่นเต้นมากหลังจากที่พวกเราทำเครื่องรางเสร็จแล้วฉันต้องนำพวกมันกลับไปที่บ้านและนำมันไปซ่อนไว้ตามมุมต่างๆ ของบ้านที่ลับหูลับตาคนฉันทำตามนั้นและผลลัพธ์ก็เกิดขึ้นตามมาอย่างรวดเร็วฉันเริ่มสังเกตเห็นว่าครอบครัวของฉันกำลังเผชิญเรื่องที่ไม่น่าพอใจเล็กๆ น้อยๆ ในแต่ละวันแล้วมันก็เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าอย่างเช่นแม่ของฉันทำอาหารเช้าของพ่อไหม้ทุกวันรองเท้าบูทของพ่อก็มาฟังในวันที่เขาไปทำงานสายฉันเปิดประตูแล้วก็ทำที่จับประตูหัก
ในคืนนึงฉันตื่นขึ้นก็ได้ยินเสียงแปลกๆ พ่อกับแม่ของฉันตะโกนเสียงดังและวิ่งไปรอบบ้านดูเหมือนพวกเขาตื่นตระหนกกับอะไรบางอย่างอยู่ฉันกำลังก้าวลงจากเตียงเพื่อไปดูว่ามันเกิดอะไรขึ้นเท้าของฉันสัมผัสเข้ากับน้ำที่พื้นบ้านของเราเต็มไปด้วยน้ำบ้านของเราถูกน้ำท้วมเพราะว่าท่อประปาในบ้านมันแตกนี่เองเรื่องนี้มันน่าสงสัยมากฉันจึงไปบอกครูว่ามันเกิดอะไรขึ้นฉันถามเธอว่าทำไมเครื่องรางเหล่านั้นถึงใช้ไม่ได้ผล เธอดูสับสนแต่ก็บอกว่าเรื่องราวต่างๆ มีวิธีของมันแต่ปัญหาของเราก็ยังคงเกิดขึ้นเรื่อยๆ
วันหนึ่งขณะที่ฉันกำลังทานอาหารเช้าก่อนไปโรงเรียนแม่ก็ออกไปนอกบ้านเพื่อนเอาขยะไปทิ้งแต่แล้วเธอก็เกิดพลาดตกบันไดถ้าได้รับบาดเจ็บที่ขาอย่างมากฉันจึงโทรไปหาพ่อแล้วเขาบอกว่าจะเลิกงานก่อนเวลาแล้วรีบกลับบ้านมาให้เร็วที่สุดฉันพยายามที่จะช่วยหาอะไรมาปิดแผลให้แม่แต่ฉันก็ไม่สามารถหาผ้าพันแผลได้เลยฉันเลยตัดสินใจไปเคาะประตูเพื่อนบ้านเพื่อขอความช่วยเหลือ
ฉันไปหาหลายบ้านแต่ดูเหมือนว่าไม่มีใครอยู่บ้านเลยสักคนฉันจึงรีบวิ่งไปตามท้องถนนและนึกขึ้นได้ว่ากำลังวิ่งผ่านบ้านอาจารย์ขมังเวทย์ของฉันฉันจึงตรงเข้าไปที่บ้านของเธอและเห็นเธออยู่ที่สนามหน้าบ้านฉันกำลังจะร้องเรียกเธอแต่ทันใดนั้นเองฉันก็เห็น “เอเด็น” เขากำลังออกมาบ้านหลังนั้นพร้อมกับกระเป๋าเป้สะพายหลังฉันแน่ใจว่าฉันได้ยินเขาพูดว่า “ไปก่อนนะครับแม่” ฉันตกตะลึงอยู่ชั่วขณะแม่งั้นหรอผู้หญิงคนนี้เป็นแม่ของ “เอเด็น” ผู้ซึ่งเคยให้คำมั่นแก่ฉันว่าฉันจะต้องเสียใจกับสิ่งที่ทำลงไปฉันไม่รู้มาก่อนเลยว่าเขาอาศัยอยู่ในถนนสายนี้ด้วยซ้ำแต่ตอนนี้ทุกอย่างกระจ่างแล้วฉันไม่คิดโทษใครในสิ่งที่เกิดขึ้นเลยนอกจากตัวฉันเอง
ฉันกลับมาถึงบ้านและรู้สึกหมดหวังเรื่องมันยังไม่จบแค่นั้นแม่ของฉันรอพ่ออยู่นานมากแต่เขาก็ไม่กลับมาสักทีเราโทรหาเขาไม่ติดตอนนี้พวกเราเป็นห่วงเขามากแต่ทันใดนั้นแม่ก็ได้รับโทรศัพท์ว่าพ่อของฉันประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์โชคดีที่เขาไม่ได้บาดเจ็บสาหัสเพียงแต่แค่ต้องอยู่โรงพยาบาลสักระยะหนึ่งฉันไม่สามารถปล่อยให้เรื่องน่ากลัวพวกนี้เกิดขึ้นกับเราอีกต่อไปฉันจะต้องแก้ไขมันโดยการนำเครื่องรางทั้งหมดพวกนั้นไปทิ้งฉันมองหาทั่วทุกที่ไม่ว่าจะเป็นใต้เก้าอี้หรือใต้ตู้เคยดูให้แน่ใจว่าพวกมันหลงเหลืออยู่และทันใดนั้นฉันก็เห็นอะไรบางอย่างที่น่าขนลุกใต้ชั้นหนังสือมันมีสัญลักษณ์อะไรบางอย่างที่เขียนด้วยชอล์กได้แถมยังมีกองเส้นผมสีดำที่น่าขยะแขยงด้วยแม่ของ “เอเด็น” จะต้องเป็นคนทำมันขึ้นมาตอนที่ฉันเดินไปหยิบน้ำให้เธอแน่ๆ
ฉันรู้สึกใจหายจากนั้นฉันจึงกำจัดของพวกนั้นออกไปจากบ้านรวมทั้งยื่นหนังสือเล่มนั้นทิ้งไปด้วยเชื่อหรือไม่ว่านับตั้งแต่นั้นมาก็ไม่มีอะไรแปลกๆ เกิดขึ้นกับพวกเราอีกเลยฉันไม่เคยเล่าเรื่อง “เอเด็น” รวมถึงเรื่องพ่อแม่ของเขาและบทเรียนเวทมนต์ต่างๆ ให้พ่อกับแม่ฟังเพราะถึงอย่างไรพวกเขาก็คงจะไม่เชื่อฉันอยู่ดีฉันเองก็ไม่คาดคิดมาก่อนว่าเรื่องราวแบบนี้จะต้องมาเกิดขึ้นกับฉันฉันได้แต่หวังว่าทั้งหมดนี้มันคงจะเป็นแค่เรื่องบังเอิญหรือโชคชะตาเล่นตลกอะไรสักอย่างกับฉันพูดตามตรงว่าฉันเองก็ยังไม่เข้าใจมันเหมือนกัน
แล้วคุณล่ะมีเรื่องอะไรแปลกๆ แบบนี้เกิดขึ้นกับคุณบ้างไหมคุณหาเหตุผลมาอธิบายมันได้อย่างไรกับสิ่งที่เกิดขึ้นเล่าให้เราฟังได้ในช่องคอเม้นต์ด้านล่างกับคุณกล้าพอ