ย่าของผมเสกคำสาปวูดูใส่เพื่อนสนิทผม มันได้ผลด้วย!
ไงทุกคน ผมชื่อ “เคเล็บ” ผมอายุ 16 ปี ผมเกิดและเติบโตในนิวออลีนและนี่ก็คือข้อเท็จจริงที่สำคัญอย่างหนึ่งเพราะเรื่องราวของผมเกี่ยวกับคำสาปวูดูอันเก่าแก่และเพื่อนรักของผมก็ตกเป็นเหยื่อผมรู้นะว่าคุณไม่เชื่อเพื่อนผมก็เหมือนกันก่อนที่พวกผีดิบจะเริ่มเดินไปเดินมาผ่านหน้าต่างห้องเขาทุกคืนเพื่อนรักของผมมีชื่อว่า “เฮนรี่” ครอบครัวของเขาย้ายมาจากนิวเจอร์ซีนีมาอยู่นิวออรีนเมื่อ 6 เดือนก่อนและ “เฮนรี่” ก็ไปโรงเรียนเดียวกับผมเขาเป็นผู้ชายที่เจ๋งมากแล้วไม่นานเราก็รู้ว่าเรามีอะไรหลายๆอย่างที่เข้ากันได้และกลายเป็นเพื่อนกัน “เฮนรี่” ไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับเมืองใหม่ของเขามากนักแล้วเขายังอยากรู้อยากเห็นในทุกสิ่งทำไมย่านเฟร้นซ์ถึงต้องเรียกว่าเฟร้นซ์ทำไมนักท่องเที่ยวถึงต้องมาดูสุสานของที่นี่ทำไมสุสานถึงมีอนุสาวรีย์แล้วไม่ฝังร่างผู้ตายไว้เฉยๆ
ผมต้องบอกก่อนว่าผมเป็นไกด์นำเที่ยวที่ดีบางทีผมอาจทำเงินด้วยการพาคนเที่ยวในเมืองก็ได้นะแต่นั่นคงไม่เกิดขึ้นตอนนี้หรอกเรื่องของเรื่องก็คือครอบครัวของผมมีความเกี่ยวพันใกล้ชิดกับนิวออร์ลีนส์แล้วผมก็โตขึ้นมาโดยที่รู้เรื่องหรอกนั้นตระกูลพูดของผมสืบเชื้อสายย้อนกลับไปได้ถึงกลางศตวรรษที่ 19 และลูกหลานแต่ละรุ่นของเราต่างก็อาศัยอยู่ที่นี่ก่อนหน้านี้บรรพบุรุษของผมอาศัยอยู่ในเฮติคุณได้หรือยังว่าผมกำลังพยายามจะบอกอะไรผมจะบอกคุณตรงๆนะว่ามีเจ้าแห่งวูดูอยู่ในครอบครัวของผมจริงๆใช่เลยหมายถึงคนที่พูดกับวิญญาณเก่าแก่ประกอบพิธีร่ายมนต์คาถาทำเครื่องรางและเปลี่ยนคนธรรมดาธรรมดาให้กลายเป็นผีดิบได้นั่นแหละ อืม…อย่างน้อยนั่นก็คือสิ่งที่พวกเขาบอกว่าพวกเราเป็นอะไรแน่ละผมทำอะไรแบบนั้นไม่ได้แต่คุณย่าของผม “เวอร์จิเนีย” น่ะทำได้
เธอเป็นเจ้าของร้านขายของฝากที่นักท่องเที่ยวแวะเวียนมาเพื่อซื้อเครื่องรางเวทย์มนต์เพื่อถามเรื่องเกี่ยวกับวูดูหรือแม้กระทั่งมาเพื่อให้ญาติทำพิธีให้ผมไม่ได้สนใจงานของคุณย่ามากนักเพราะเรื่องแปลกปละหลาดสำหรับคนอื่นนี้เป็นเรื่องปกติธรรมดาในชีวิตประจำวันของผมแต่ “เฮนรี่” ให้ความสนใจอย่างมากเขาถามคำถามมากมายเกี่ยวกับคุณย่า “เวอจิเนีย” แต่ไม่ใช่แบบที่ผมคาดคิด “เฮนรี่” ไม่ได้ปิดบังความสงสัยที่มีต่อทักษะด้านเวทมนตร์คาถาของคุณย่าผมเลยและที่เขายังไม่ถึงขั้นเรียกเธอว่านักต้มตุ๋นที่หาประโยชน์จากพวกนักท่องเที่ยวเพียงเพราะว่าเขาไม่ต้องการทะเลาะกับผมผมจะไม่โกหกนะผมเองยังคุ่นเคืองกับทัศนคติของเขานิดหน่อยเลยดังนั้นผมเลยเสนอว่าให้เขามาที่ร้านของคุณย่ากับผมเพื่อที่อยากจะได้พิสูจน์ทุกอย่างให้เขาเห็นด้วยตัวเอง
“เฮนรี่” ตอบตกลงและกระทั่งพาคนมาที่ร้านของคุณย่าด้วยนั่นก็คือ “จิว” น้องสาวของเขาซึ่งอายุน้อยกว่า “เฮนรี่” 1 ปีเมื่อย่า “เวอจิเนีย” ของผมเห็นเพื่อนผมครั้งแรกที่ร้านย่าดีใจมากเธอคิดว่าผมพาลูกค้ามาให้และพยักหน้าให้ผมแทนคำขอบคุณยาพาพวกเขาไปดูรอบรอบร้านด้วยความกระตือรือร้นและโฆษณาสินค้าในร้านด้วยท่วงท่าที่ดูมีเสน่ห์น่าเชื่อถือเต็มที่แล้วมันก็คุ้มค่าจริงๆกระทั่งในสายตาผมไม่ต้องพูดถึง “เฮนรี่” และ “จิว” เลย “จิว” ไม่ได้ปิดบังความตื่นเต้นยินดีและ “เฮนรี่” ที่มาด้วยความสงสัยก็ยังมองทั้งเครื่องรางที่ดูแตกต่างกันหัวกะโหลกลูกปัดหลากสีโหลแก้วที่มีน้ำยาต่างๆหน้ากากที่ช่วยให้สื่อสารกับวิญญาณได้และแน่นอนตุ๊กตาวูดูตัวเล็กๆที่ใช้ประกอบพิธีกรรมและความสนใจอย่างมากย่าของผมให้ความใส่ใจกับพวกเขาอย่างเต็มที่และอธิบายให้ฟังว่าสิ่งของแต่ละชิ้นเอาไว้ทำอะไรแล้วไม่ลืมบอกราคาของเครื่องรางของขลังแต่ละชิ้น
แน่นอนว่าในหัวเธอก็กำลังคำนวณกำไรอยู่ด้วยคุณภาพออกไหมว่าเธอผิดหวังแค่ไหนเมื่อ “เฮนรี่” บอกเหตุผลจริงๆในการมาเยือนครั้งนี้ออกไปคุณย่าของผมขมวดคิ้วแล้วตอบว่าเธอจะไม่ทำพิธีอะไรให้ดูทั้งนั้นเพราะ “เฮนรี่” มาหาเธอด้วยความประสงค์ที่ต้องการลบหลู่ทุกอย่างที่เธอคิดชีวิตให้ตั้งท่าที่จะค้านแต่มันสายเกินไปแล้วย่าบอกเขาว่าความโง่เขลาและความไร้ซึ่งศรัทธาจะไม่ทำให้วูดูทำงานและเมื่อ “เฮนรี่” แอบหัวเราะเธอก็บอกว่าพลังแห่งเบื้องบนจะมีวิธีลงโทษคนโอหังที่แสดงอาการลบหลู่เสมอและเธอยังเปลี่ยน “เฮนรี่” และ”จิว” ให้กลายเป็นผีดิบได้ง่ายๆแต่ในเวลานั้นเธอยังไม่ได้ต้องการพนักงานคนใหม่ผมหัวเราะนึกขึ้นได้ว่าทำไมผมถึงรักคุณย่าแล้วรีบพาเพื่อนไปสำรวจร้านต่อ “เวอร์จิเนีย” ให้พวกเขาดูข้าวของตามสบายโดยไม่เข้ามาแนะนำ
แต่ทั้ง “เฮนรี่” และ “จิว” ไม่ได้สนใจดูของฝากสำหรับนักท่องเที่ยวอีกแล้วพวกเขาขอให้ผมเอาของที่ไม่ได้มีไว้ขายให้ดูแทนผมเคยบอกพวกเขาเรื่องนี้ระหว่างทางมาที่ร้านของในตู้ที่เวอจิเนียเก็บไว้เป็นของที่เอาไว้ใช้ประกอบพิธีและใช้แสดงให้นักท่องเที่ยวดูเพราะฉะนั้นผมเลยไม่เห็นว่าการแอบดูสักแว๊บหนึ่งจะเป็นเรื่องเป็นราวขึ้นมาได้ผมคิดผิดทันที่ผมหันไป “เฮนรี่” กำลังเปิดกล่องใบหนึ่งโดยไม่ทันระวังและของเล็กๆที่มีน้ำหนักเบาชิ้นหนึ่งก็ร่วงลงพื้นผมกลัวว่าเขาจะทำอะไรตกแตก “เฮนรี่” และ “จิว” ไม่ได้คิดถึงเรื่องนั้นเลยพวกเขาจ้องมองด้วยความตื่นเต้นวัตถุที่ตกลงสู่พื้นนั้นดูเหมือนชิ้นส่วนกระดูกนิ้วมนุษย์ที่ฟอกสีแล้วก็บอกให้เขาเอากลับไปในกล่องเดียวนี้แต่ช้าเกินไป “เวอร์จิเนีย” ไม่ได้ยินเสียงดังจึงเดินมาทางเราและชี้นิ้วใส่ “เฮนรี่” ด้วยน้ำเสียงแฝงชัยชนะว่าฉันขอเตือนว่าผลกรรมจะตามสนองเธอในอีก
ไม่นานเธอกล่าวด้วยรอยยิ้มกระหยิ่มและเสริมว่ากระดูกชิ้นนั้นเป็นของนักบวชที่มีพลังแข็งแกร่งที่สุดผู้หนึ่งอาจารย์ของฉันผู้ถ่ายทอดแม้กระทั่งความรู้ที่เล็กน้อยที่สุดให้ฉันการไม่เคารพต่อสิ่งที่เหลืออยู่ของเขาแบบนี้จะทำให้เธอต้องพบหายนะแน่นอนเด็กน้อยคุณย่าของผมแอบขยิบตาให้ผมเล็กน้อยและหลังจากที่เธอรู้ว่า “เฮนรี่” จะไม่ซื้ออะไรทั้งนั้นเขาก็ไม่ควรอยู่แถวนี้เพื่อทำให้เธอเสียสมาธิในการทำงานและนั่นก็คือจบการไปเยือนร้านของ “เวอร์จิเนีย” ของเราเห็นได้ชัดว่า “เฮนรี่” ไม่เชื่อเรื่องคำสาปแต่ก็หยุดถาม คำถามผมเรื่องวูดูตอนนั้นทุกคนต่างยืนกรานมุมมองในแบบของตนพวกเราทั้งหมดเลยรู้สึกเคืองกันนิดหน่อยนั่นจึงเป็นเหตุที่ทำให้ผมไม่ได้สังเกตเลยว่าตั้งแต่วันนั้นเห็นพี่ก็เริ่มเปลี่ยนไปแบบแปลกๆเขากลายเป็นคนขี้ตื่นเมื่อผมเห็นเพื่อนของผมเข้าแต่มองข้ามไหล่สะดุ้งเพราะเงาเอาตัวเองและผงะกับทุกสิ่งที่เกิดในโรงเรียนหรือบนท้องถนน
เมื่อผมมองเขาใกล้ๆผมก็เห็นเลยว่าตาของ “เฮนรี่” ดูร้างเต็มไปด้วยเส้นเลือดฝอยแดงก่ำเหมือนเขาไม่ได้นอนหลับติดต่อกันมาหลายคืนแล้วในที่สุดผมก็ลืมความขุ่นเคืองที่มีเข้าไปหาและถามเขาว่าเกิดอะไรขึ้นและ “เฮนรี่” ก็สารภาพสิ่งที่เขาไม่เคยเชื่อเมื่อหลายวันก่อนเลยว่าหลังจากที่เขาไปร้านของ “เวอร์จิเนีย” ในวันนั้นเรื่องเหนือธรรมชาติที่ไม่อาจอธิบายได้บางอย่างก็เริ่มเกิดกับเขาและยังไม่ใช่เรื่องดีเลยด้วยตอนกลางคืนขณะที่เขาอยู่ในห้องของตนเอง “เฮนรี่” เริ่มได้ยินเสียงแปลกๆและเสียงดังออกมาจากใต้หน้าต่างห้องแต่เมื่อเปิดไฟแล้วออกไปด้านนอกกลับไม่เห็นใครอยู่ตรงนั้นและเมื่อเขาพยายามจะหามีใครอยู่โดยไม่เปิดไฟผลก็ยังเป็นเหมือนเดิมตอนแรกมีแค่เสียงหลังจากนั้นสักพักเขาก็ได้ยินเสียงฝีเท้าหนักๆเคลื่อนตัวช้าๆแล้วพอมองออกไปตรงนั้นก็ไม่มีใครเช่นเคยยิ่งกว่านั้นเมื่อพ่อแม่ของ “เฮนรี่” ย้ายมาอยู่เมืองใหม่พวกเขายังติดกล้องวงจรปิดไว้ทุกหนทุกแห่ง
“เฮนรี่” ไปดูวีดีโอที่บันทึกได้แต่ไม่เห็นอะไรในนั้นเลยแต่ “เฮนรี่” มาตระหนักตอนไหนเข้าจริงๆในตอนที่ซึ่งที่จริงก็คือสาเหตุที่ทำให้เขายอมบอกผมทุกอย่างนั้นคือเขาสังเกตเห็นรอยเท้าบนกำแพงรอยเท้านั้นเปรอะเปื้อนไปด้วยดินเลนและโคลนตรงไปยังหน้าต่างห้องนอนของเขา “เฮนรี่” ยังไม่ได้บอกใครเลยนอกจากผมเขากลัวว่าคนอื่นจะคิดว่าเขาบ้าแต่เขาไม่ลังเลอีกต่อไปแล้ววิญญาณของนักบวชส่งผีดิลตัวจริงมาไล่ล่าเขาอยู่แน่ “เฮนรี่” ขอให้ผมช่วยแต่ผมกำลังสับสนโดยส่วนตัวผมคิดว่าผมไม่แน่ใจว่าผมเชื่อเรื่องผีดิบหรือไม่แต่สิ่งหนึ่งที่ผมเชื่ออย่างแน่นอนคือเพื่อนรักของผมไม่ได้กำลังเล่นเกมโง่เง่าาอะไรกับผมอยู่การตัดสินใจที่เป็นเหตุเป็นผลและเรียบง่ายที่สุดก็คือขอให้คุณย่าของผมช่วย แต่ผมจำได้ว่าย่าขยิบให้ผมอย่างรื่นเริงหลังจากที่บอก “เฮนรี่” ว่าเขาต้องคำสาปแล้วย่าจะอยากช่วยเขาหลังจากที่เขากล่าวหาเธอด้วยความเชื่อถือเหรอ
แต่ผมก็ไม่มีโอกาสรู้เรื่องนี้ได้เพราะ “เฮนรี่” ปฏิเสธทันควันว่าจะไม่ขอให้คุณย่าของผมช่วยยิ่งกว่านั้นถึงเขาจะกลัวเขาก็ยังมีศักดิ์ศรีอยู่หรือไม่ก็คงเป็นความดื้อรั้นนั่นแหละเอาเถอะผมเป็นคนที่ต้องจัดการกับผีดิบที่ว่า “เฮนรี่” เห็นด้วยกับเรื่องนั้นซึ่งนั้นช่วยเตือนผมว่าผมเป็นลูกหลานของหมอผีแต่ผมรู้ว่าเรื่องไม่ได้ง่ายขนาดนั้นอย่างไรก็ตามเรื่องหนึ่งเกี่ยวกับพวกผีดิบที่ผมรู้แน่ๆก็คือแค่เกลือธรรมดาก็มากพอจะปลูกสัญชาตญาณกลับบ้านในผีดิบตัวใดก็ตามเพื่อบังคับให้พวกมันกลับไปยังกลุ่มของตนได้แต่ก็ยังมีปัญหาอยู่อีกนิดหน่อยเกลือต้องเข้าไปทางปากของผีดิผมก็เลยคิดวิธีที่ดีกว่าการป้อนเกลือผีดิบทีละช้อนขึ้นมาเพื่อให้แผนประสพผลผมไปอยู่ค้างที่บ้านของ “เฮนรี่” ผีดิบมาทุกคืนดังนั้นเราเลยคิดว่าคืนนี้ก็ต้องมาอีกพูดกันตามตรงผมประหม่ามากนะการรอคอยน่าตื่นเต้นมากเลยไม่ได้แบบเดียวกับที่ “เฮนรี่” บรรยายผมก็กลัวมากจริงๆ
อย่างไรก็ตามผมเตรียมพร้อมแล้วรู้ด้วยว่าผมต้องทำอะไรบ้างเมื่อผมได้ยินเสียงงึมงำประหลาดดังขึ้นมาจากใต้หน้าต่างซึ่งหมายถึงผีดิบยืนอยู่ตรงนั้นเพราะปากกว้างอยู่ผมก็รีบเทในถังลงไปยังทิศทางของเสียงผมแกะห่อเกลือเทลงถังไว้เป็นกำๆคิดว่าเท่านี้คงพอและเห็นได้ชัดว่าผมเล็งได้แม่นมากผมไม่เคยคิดเลยว่าผีดิบจะร้องเสียงแหลมได้แต่สาบานได้ว่ามีเสียงวี๊ดร้องมาจากข้างล่างแล้วจากนั้นทุกอย่างก็เงียบกริบเห็นแล้วผมมองหน้ากันหายใจเข้าลึกๆแล้วรีบวิ่งออกไปดูข้างนอกไม่มีใครอยู่ตรงนั้นนี่หมายความว่าแฟนของผมใช้ได้ผลบอกตรงๆผมภูมิใจในตัวเองมากเลยนั่นเป็นครั้งแรกที่ผมคิดว่าผมได้ดำเนินตามรอยของคุณย่าบางทีผมอาจมีพรสวรรค์ด้านเวทมนตร์จริงๆก็ได้มั้งแต่เมื่อเรากลับเข้าไปด้านในความหวาดกลัวก็ทำให้เราชนะอีกครั้งเราเห็นรอยเท้าเปียกอยู่บนพื้นเป็นไปได้ไหมว่าพี่จะตัดสินใจเข้ามาถึงด้านในและรอยเท้าก็ยังมุ่งหน้าไปยังที่ห้อง “จิว”
หวังว่าจะไม่สายเกินไปนะเราตรงไปยังห้องนอนของเธอทันเวลากับที่เธอพยายามสลัดภาพเปรียบที่เกาะหนีบกับตัวเธอออกใช้เป็น “จิว” นั้นเองที่กลั่นแกล้งพี่ชายผู้ช่างสงสัยและหยิ่งยโสของเธอโดยได้รับแรงบันดาลใจจากคำพูดของ “เวอร์จิเนีย” ที่พูดถึงคำสาป “จิว” รู้พาสเวิร์ดของกล้องวงจรปิดและปิดกล้องตามจุดที่เธอต้องการโดยการทดลองและล้มเหลวหลายครั้งในที่สุดเธอจึงพบจุดที่ไม่อาจมองเห็นได้จากหน้าต่างชั้น 2 และซ่อนตัวอยู่ที่นั่นตามที่ “จิว” สารภาพภาพเธอก็เหนื่อยกับการทำอะไรแบบนี้แหละเล่นเป็นผีดิบตอนกลางคืนมากแล้วและนี่จะเป็นครั้งสุดท้ายไม่ว่าอย่างไรแต่ดูเหมือนว่า “เฮนรี่” จะไม่รู้สึกดีกับสิ่งที่ได้รู้นะผมควรบอกหรือเปล่าว่าเขาโกรธเธอมากจนผมต้องเป็นคนช่วยชีวิตเธอและป้องกันไม่ให้ “เฮนรี่” ก่ออาชญากรรมขึ้นกลายเป็นว่าไม่มีเรื่องเหนือธรรมชาติอะไรเลยแต่อย่างไรก็ตามไม่กี่วันหลังจากนั้น “เฮนรี่” ไปพบคุณย่า “เวอร์จิเนีย” ของผมอีกครั้งก็กร่าวขอโทษเธอสำหรับคำหยาบคายของเขาก่อนหน้านี้และซื้อจี้ห้อยคอเส้นหนึ่งเป็นเครื่องรางที่จะปกป้องคุณจากความชั่วร้ายเผื่อเอาไว้นะ
ช่วยบอกผมในช้องคอมเมนต์หน่อยนะว่าคุณชอบเรื่องนี้ไหมเคยมีเรื่องเหนือธรรมชาติเกิดขึ้นในชีวิตคุณและลงเอยด้วยการเป็นเรื่องที่อธิบายได้หรือเปล่าหรือบางทีอาจจะไม่เลยอย่าลืมกดติดตามช่องนี้ด้วยนะครับ