แม่แฟนของฉันตัดสินใจยุติความรักของเราและเธอทำแบบนั้นต่อหน้าคนอื่น!
สวัสดีฉันชื่อ “ออเดร์” และนี่คือคุณนาย “แมคแคนซี่” แม่ของแฟนแฟนฉันเองอันที่จริงเราไม่ได้คบกันแล้วล่ะเพราะผู้หญิงคนนี้คือต้นเหตุของทุกๆอย่างก่อนที่เรื่องที่จะเกิดขึ้นตอนนั้นคบกับพี่ “สจ๊วต” มาได้ 1 ปีละความสำคัญของเราเรียกว่าสมบูรณ์แบบเว้นอยู่อย่างเดียวคือแม่ของเขาที่คอยมายุ่มย่ามตลอดเวลาเห็นได้ชัดว่าเธอไม่เคยชอบฉันเลยแล้วตั้งแต่ฉันเริ่มคบกับ “สจ๊วต” เธอก็ไม่เคยต้องการที่ทำความรู้จักกับฉันและทุกครั้งที่ฉันถาม “สจ๊วต” ว่าทำไมเราไม่ไปที่บ้านของเขาบ้างเขาตอบว่าแม่ของเขาคิดว่าการไปพบพ่อกับแม่น่ะเป็นอะไรสำหรับคนที่จริงจังจนพร้อมจะแต่งงานกันแล้วเท่านั้นและพวกเราก็ถือว่ายังไม่ใช่แต่มันไม่ทำให้ฉันเศร้าหรืออะไรหรอกนะแต่ว่าแม่ของฉันรู้จักกับ “สจ๊วต” แล้วฉันเลยคิดว่ามันคงจะดีถ้าได้รู้จักกับพ่อแม่ของเขาบ้างก็เท่านั้นเอง
ยังไงก็ตามสุดท้ายที่ฉันได้เจอแม่ของเขามันเป็นคืนเลี้ยงฉลองของคุณยายของเขาคุณยายก็เลยเชิญไปร่วมงานด้วยกลายเป็นว่าคุณนาย “แมคแคนซี่” ดูใจดีและสุภาพกับฉันมากเราพูดคุยกันเล็กน้อยแต่มันก็เพียงพอแล้วสำหรับคืนที่วุ่นวายแบบนั้นหลังจากนั้นประมาณ 1 สัปดาห์เธอก็เชิญฉันไปทานอาหารเย็นแล้วมันทำให้ฉันสัมผัสได้ถึงความตึงเครียดระหว่างเราก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่าฉันเป็นคนไม่กินเนื้อสัตว์และ “สจ๊วต” ก็ควรบอกแม่ของเขาเกี่ยวกับเรื่องนี้เขาบอกฉันว่าเขาบอกแล้วแต่พอฉันไปที่โต๊ะอาหารฉันกลับเห็นว่ามันมีอาหารที่ทำจากเนื้ออยู่เต็มโต๊ะตอนแรกคุณนาย “แมคแคนซี่” บอกฉันว่า “สจ๊วต” ไม่ได้บอกเธอแต่ต่อมาถูกกว่าพูดว่าบางที่เขาคงจะบอกตอนนี้เธอกำลังยุ่งอยู่เธอก็เลยเข้าใจอะไรบางอย่างผิดไปอ่ะฉันบอกว่าไม่เป็นไรและใช้เวลาตลอดทั้งมื้อค่ำนั้นเพื่อพยายามเขี่ยเนื้อออกไปจากการสลัดหลังจากจบมื้ออาหารคุณนาย “แมคแคนซี่” ก็บอกว่าเราจะไปดื่มน้ำชาและเค้กด้วยกันที่ห้องนั่งเล่น
ปกติแล้วนะฉันไม่ค่อยชอบเค้กหรือของหวานเท่าไหร่แต่ด้วยความที่ฉันรู้สึกไม่อิ่มประกอบกับว่านั่นเป็นเค้กที่เธออบเองฉันก็เลยคิดว่าแค่ชิ้นเล็กๆคงไม่เป็นไรบอกตรงๆเลยนะว่าฉันรู้สึกแย่ตั้งแต่กัดมันเข้าไปคำแรกแน่นอนฉันไม่กล้าแสดงออกว่าฉันไม่ชอบคือฉันคิดว่าแค่เรื่องที่ฉันไม่กินเนื้อมันก็มากพอแล้วฉันเลยไม่อยากทำตัวไม่สุภาพฉันจะพยายามอย่างแสนสาหัสฝืนกินเค้กบ้านั้นลงไปหลังจากอาหารเย็นพวกเราวางแผนจะไปดูหนังกันทันที่ไปถึงโรงหนังชั้นรู้สึกท้องไส้ปั่นป่วนมากบางทีอาจจะเป็นเพราะฉันกินแค่นั้นเร็วเกินไปหรือไม่ก็จัดขั้นตอนการทำของมันก็ไม่รู้เหมือนกันน่ะนะฉันเลยขอให้ “สจ๊วต” ไปซื้อโค้กให้เพื่อหวังว่ามันจะช่วยระบบการย่อยอาหารแต่กลายเป็นว่าหลังจากดื่มเข้าไปแล้วเนี่ยฉันต้องรีบวิ่งเข้าห้องน้ำทันทีแล้วตอนนั้นหนังก็เริ่มฉายแล้วด้วยคงไม่ต้องบอกนะว่าฉันใช้เวลานานแค่ไหนในห้องน้ำแต่นั่นไม่ใช่ประเด็นที่ฉันอยากจะพูดถึงเพราะประเด็นคือเรื่อง “สจ๊วต” ต่างหาก
พอฉันกลับมาที่ที่นั่งของฉันฉันบอกเขาว่าเป็นอาจเป็นเพราะเค๊กที่แม่ของเขาทำเพราะเขาไม่ได้กินมันด้วยแต่เขาก็โทษว่าเป็นเพราะโค้กและเขาก็ดูไม่พอใจอย่างมากที่ฉันพูดเกี่ยวกับเรื่องอาหารของแม่เขาแบบนั้นอีกครั้งหนึ่งก็คือพอเรากำลังจะไปที่สวนน้ำด้วยกันแล้วต้องแวะเอาของบางอย่างที่ต้องเป็นที่บ้านของเขาแม่เขาก็พูดประมาณว่าทำไมฉันถึงกล้าใส่ชุดว่ายน้ำใช่มันฟังดูไร้มารยาทมากเลยมันเหมือนกับเธอพูดอ้อมๆ ว่าฉันอ้วนอะไรแบบนี้แล้วก็มีอยู่ครั้งหนึ่งเธอยังเคยพูดบางอย่างเกี่ยวกับการที่ฉันไม่รู้ว่าพ่อของฉันคือใครด้วยฉันหมายถึงใช่ฉันไม่เคยเห็นเขามาก่อนแต่นั่นมันก็ไม่ใช่ความผิดของฉันและเธอก็ไม่ควรมาตัดสินฉันด้วยเรื่องนี้ นี่ยังถือเป็นแค่บางตัวอย่างจากพิษสงของเธอที่มีกับฉันนะบางครั้งฉันถึงกับต้องแกล้งทำหูทวนลมกับคำพูดของเธอและฉันพยายามคุยกับ “สจ๊วต” เรื่องนี้แล้วแต่เขาเป็นคนประเภทที่ว่ารับไม่ได้ที่จะมีใครมาวิพากษ์วิจารณ์แม่ของเขา
ฉันก็เลยเลี่ยงจะไม่พูดถึงแม่ของเขาอีกเพื่อรักษาความสัมพันธ์ของเราให้ราบรื่นและด้วยความที่ตัวแก่กว่าฉันนิดหน่อยตอนนี้จนถึงเวลาที่เขากำลังเตรียมตัวเข้ามหาวิทยาลัยแล้วและแม่ของเขาก็ได้จัดการทุกอย่างแม้กระทั้งตัดสินใจแทนเขาแล้วก็คาดหวังให้เขาเดินตามรอยเท้าพ่อซึ่งเป็นทนายความคุณ “แมคแคนซี่” มักจะยุ่งอยู่เสมอซึ่งจะไม่เคยเจอเขาเลยอันที่จริงมันก็เป็นโอกาสที่ดีสำหรับ “สจ๊วต” ส่วนฉันเหลือเวลาอีก 1 ปีในโรงเรียนมัธยมและเราก็ได้เตรียมตัวไว้แล้วสำหรับการที่จะต้องอยู่ห่างกันคุณนาย “แมคแคนซี่” ดูมีความสุขซะเหลือเกินฉันแน่ใจว่าเธอคงคิดว่าพวกเราจะเลิกกันเธอเริ่มทำตัวเป็นมิตรกับฉันแล้วก็พูดประมาณว่าหนูจ๊ะไม่ต้องเสียใจหรอกนะเดี๋ยวปีหน้าเธอก็จะได้ตามเขาไปที่นั่นแล้วแม้ว่าเธอจะรู้ดีว่าแม่ของฉันไม่มีเงินพอจะส่งฉันเข้าเรียนมหาวิทยาลัยนั้นก็ตาม “สจ๊วต” ตั้งใจจะให้ของขวัญบ้างอย่างกับฉันแต่ฉันคิดว่านั่นคือจุดเริ่มต้นของจุดจบของเรามากกว่า
เราใช้ข้ามคืนสุดท้ายก่อนที่เขาจะไปมหาวิทยาลัยด้วยการไปดูหนังด้วยกันจากนั้นก็ไปนั่งเล่นที่สวนสาธารณะทันใดนั้นเขาก็หยิบกล่องเล็กๆออกมาจากกระเป๋าและแน่นอนฉันตื่นเต้นมากเพราะมันดูเหมือนเขากำลังจะขอฉันแต่งงานน่ะแต่แล้ว “สจ๊วต” ก็ดับจินตนาการของฉันด้วยกันบอกว่านี่ไม่ใช่การขอแต่งงานแต่มันคือสัญลักษณ์แทนใจความรักของเราเขามอบแหวนซึ่งเป็นของคุณยายที่เคยให้เขาไว้เมื่อหลายปีก่อนกับฉันทุกอย่างมันราวกับฝันแล้วแหวนเนี่ยก็สวยเหลือเกินฉันจึงรีบสวมมันไว้และฉันจะพูดยังไงดีฉันมีความสุขมากเลยที่ได้รับมันไว้แล้วว่าฉันต้องคิดถึงเขามากก็ตามทีนี้ลองนึกถึงหน้าคุณนาย “แมคแคนซี่” ในวันต่อมาดูสิ
ตอนที่พวกเราไปส่ง “สจ๊วต” ด้วยกันที่สนามบินแล้วเธอก็สังเกตเห็นแหวนบนนิ้วของฉันเห็นได้ชัดว่าลูกชายของเธอไม่ได้บอกเธอเรื่องแผนของเขาเธอหน้าซีดเผือกจากนั้นก็กลายเป็นหน้าแดงด้วยความโกรธพร้อมกับกัดฟันพูดว่าแหวนเนี้ยพอดีเป๊ะกับนิ้วของฉันอย่างน่าอัศจรรย์ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมแต่ฉันรู้สึกเหมือนฉันกำลังชนะฉัน ฉันคิดว่านี่มันหมายถึงวันนึงพวกเราจะต้องได้แต่งงานกันและเขาจะต้องเข้าข้างฉันหากมีปัญหาเกิดขึ้นในอนาคตแต่ว่าฉันคิดผิดไปถนัดหลังจากวันนั้นที่สนามบินประมาณ 2 เดือนฉันก็ได้เห็นพ่อของตัวในเมืองฉันไม่ได้ตั้งใจที่จะหลบหน้าพ่อแม่ของเขาแต่ฉันแค่ไม่รู้ว่าจะคุยอะไรกับแม่เขาแล้วฉันก็ไม่ได้ต้องการทำให้เธอหงุดหงิดอีกครั้งเมื่อต้องเห็นฉันพร้อมกับแหวนวงนั้นน่ะฉันจึงเลี่ยงด้วยกันเดินไปร้านกาแฟเพื่อซื้อลาเต้ซักแก้วและเมื่อฉันกำลังจะเข้าห้องน้ำฉันเห็นพ่อเขานั่งอยู่ที่โต๊ะในสุดตรงมุมของร้านกาแฟตอนแรกฉันกังวลมากเพราะคิดว่าแม่ของเขาจะต้องอยู่แถวนี้ด้วยแน่ๆแล้วฉันไม่อยากเจอเธอเลยและฉันก็คิดว่าบางทีพวกเขาอาจเห็นฉันแล้วแล้วมันก็คงเป็นการเสียมารยาทถ้าฉันแกล้งทำเฉยฉันจึงตัดสินใจเข้าไปทักเขา
แต่ไม่ทันที่ฉันจะก้าวไปถึงโต๊ะของพวกเขาฉันก็เห็นว่าคนที่มากับคุณ “แมคแคนซี่” น่ะไม่ใช่ภรรยาของเขาและเห็นได้ชัดว่าหญิงสาวคนนั้นก็ไม่น่าที่จะเป็นแค่เพื่อนของเขาด้วยนั่นคือเหตุผลว่าทำไมเขาถึงได้เลือกตั้งโต๊ะในสุดฉันคิดว่ามันน่าจะเป็นเรื่องอับอายแน่ๆฉันเข้าไปทักเขาตอนนี้และฉันก็ไม่อยากมีปัญหาทีหลังก็เลยจากมาอย่างเงียบๆ หลังจากวันนั้นมาฉันก็หยุดคิดเรื่องพ่อของ “สจ๊วต” ไม่ได้เลยฉันไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเรื่องพรรณนี้จะเกิดขึ้นกับผู้ที่แต่งงานอยู่กินกันมาแล้วหลายปีแล้วฝ่ายนึงกลับไปมีความสัมพันธ์กับผู้หญิงที่อายุน้อยกว่ามากๆ ลึกๆแล้วฉันแอบนึกเสียใจแทนแม่ของเขาด้วยฉันลองนึกถึงใจเธอและคิดได้ว่าถ้าฉันเป็นเธอฉันก็คงอยากรู้ความจริงเรื่องนี้เหมือนกันแต่แน่นอนฉันจะบอกเธอด้วยตัวเองแต่ฉัยตัดสินใจจะบอกเรื่องนี้กับ “สจ๊วต” เมื่อเขาโทรมาหาฉัน
จะบอกยังไงดีมันยากมากเลยที่จะพูดแบบบัวไม่ให้ช้ำน้ำไม่ให้ขุ่นและแน่นอนเรื่องนี้ทำให้เขาตกใจมากแล้วนี่มันเป็นเพียงโอกาสเดียวที่ฉันจะได้บอกเรื่องนี้กับเขาทันทีที่ฉันบอกเขาเขารีบวางสายแล้วฉันคิดว่าเขาคงได้โทรไปหาแม่ฉันได้แต่เก็บความสงสัยเกี่ยวกับปฏิกิริยาของเธอกระทั้งวันรุ่งขึ้นฉันจะต้องเซอร์ไพรส์อีกครั้งกับสิ่งที่ฉันไม่เคยคาดคิดว่าจะต้องเผชิญนั่นคือคุณนาย “แมคแคนซี่” ปรากฏตัวอยู่ที่หน้าโรงเรียนและดูเหมือนว่าเธอกำลังรอฉันอยู่ โอยอะไรมันจะดราม่าขนาดนั้นเธอเริ่มตะคอกใส่ฉันแล้วก็พูดว่าฉันไม่มีสิทธิ์ที่จะเข้าไปยุ่งยากในครอบครัวของพวกเขาและฉันคงจะมุ่งความสนใจไปที่ชีวิตของตัวเองมากกว่าและก็ยังพูดอะไรอีกหยาบคายตามมาอีกหลายอย่าง โอ้ว พระเจ้าคนทั้งโรงเรียนพากันได้ยินกันหมดแล้วเธอก็ปิดท้ายด้วยการบอกว่าเธอจะไม่มีวันให้ลูกชายได้คบกับผู้หญิงอย่างฉันนี่มันหมายความว่าอะไรกันเนี่ยเราก็ขอให้ฉันคืนแหวนให้กับเธอฉันอายแทบแทรกแผ่นดินหนีแน่นอนฉันคืนแหวนให้เธอไปแล้วก็รีบกลับบ้านไปส่งข้อความหา “สจ๊วต” ว่าเราจะต้องคุยกันด่วนที่สุดแต่คุณรู้อะไรไหมพอเขาโทรมาเขากลับไม่เชื่อว่าแม่ของเขาทำเรื่องหยาบคายแล้วเค้าก็บอกว่าแม่พูดถูกแล้วกับตัวฉันเขาก็เลยบอกเลิกฉันเนี่ยนะถามจริงผ่านมา 1 สัปดาห์แล้วหลังจากครั้งสุดท้ายที่เราคุยกันฉันได้แต่หวังว่าคุณคงจะใจเย็นลงแล้วก็โทรกลับมาหาฉันแต่ยังไงก็ตามแม่ฉันบอกว่าถึงแม้เขาจะกลับมาพวกเราก็จะไม่มีความสุขกันได้เหมือนเดิมเพราะเขาได้แสดงให้ฉันเห็นแล้วว่าไม่ว่ายังไงแม่ของเขาก็สำคัญกว่าฉันเสมอ
คุณคิดยังไงกับเรื่องนี้บ้างช่วยบอกให้ฉันดูในช่องคอมเม้นต์ด้านล่างและอย่าลืมกดไลค์ให้วีดีโอนี้กันด้วยนะคะ