ครอบครัว

พ่อแม่ของฉันอพยพและทิ้งฉันให้อยู่คนเดียว จากนั้นก็ไม่เห็นพวกท่านอีก

สวัสดีฉันชื่อ “แอนนา มาเรีย” อายุ 18 ปีฉันอยากจะส่งคำทักทายจากที่นี่แคลิฟอร์เนียสถานที่ที่ฉันเกิดและเติบโตขึ้นไปยังทุกๆคนที่กำลังฟังฉันอยู่ฉันเดาว่าพวกคุณส่วนใหญ่ต้องคิดถึงแคลิฟอร์เนียในรูปแบบที่แตกต่างกับฉันอย่างสิ้นเชิงก็นะฉันเป็นคนเม็กซิกันเกิดที่เมืองบาฮาแคลิฟอร์เนียและอาศัยอยู่ในเมืองใหญ่ใกล้ชายแดนประเทศอเมริกาวันนึ่งเมื่อนานมาแล้วพ่อแม่ของฉันเดินทางข้ามชายแดนและฉันก็ไม่เคยเห็นพวกเขาอีกเลยฉันเล่าให้คุณฟังได้มากมายเกี่ยวกับการอพยพครอบครัวแตกแยกเสียเพื่อนความยากจนและการแบ่งชนชั้นแต่ต่อวันนี้ฉันจะเล่าถึงสิ่งที่เกี่ยวข้องกับชีวิตของฉันมันเริ่มตอนนี้ฉันอายุ 7 ขวบพ่อแม่ทิ้งฉันอยู่ในบ้านที่ว่างเปล่าแล้วก็หนีไปมันอาจจะฟังดูน่ากลัวแต่นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นจริงมีอยู่วันนึงพ่อแม่บอกว่าจะบอกอะไรบางอย่างที่สำคัญมากกับฉัน ฉันไม่เข้าใจว่ามันเกิดอะไรขึ้นได้แต่เห็นสีหน้าของพ่อแม่ที่โศกเศร้าซึ่งมันก็เป็นแบบนี้บ่อยครั้งแต่ครั้งนี้แตกต่างออกไปว่ามันความมุ่งมั่นบางอย่างปนอยู่ในความเศร้าที่มีอยู่แล้วซึ่งทำให้พวกท่านดูหดหู่

ฉันกลัวมากแล้วก็เลยตั้งใจฟังพวกท่านบอกว่าจะต้องจากไปอาจจะใช้เวลานานแต่ก็ไม่มีอะไรต้องเป็นห่วงเพราะทุกอย่างที่พวกท่านทำก็เพื่อฉันแม่กอดฉันและสัญญาว่าเมื่อพวกท่านได้ชีวิตใหม่ที่ดีขึ้นจะกลับมาหาฉันแน่นอนใช่ฉันจำคำพูดเหล่านี้ได้แม่นเลยจากนั้นพ่อแม่ให้ของขวัญฉันไว้เป็นตุ๊กตางูผ้าที่มีสีหน้าใจดีแปลกจากงูทั่วไปฉันเก็บมันไว้ประหนึ่งเป็นเครื่องรางแล้วตอนนี้มันก็เก่ามากละแต่เมื่อตอนที่เจ้างูตัวนี้ยังใหม่ๆฉันเอามันมากอดแล้วก็หยุดร้องไห้ฉันเองก็พอมีของเล่นอยู่บ้างแต่ไม่มีชิ้นไหนใหม่และสวยเลยฉันยังคงกลัวและไม่เข้าใจว่าพ่อแม่ไปไหนแล้วไปเพราะอะไรแล้วทำไมถึงต้องทิ้งฉันไว้คนเดียวด้วย ด้วยเหตุผลบางอย่างพวกเราไม่มีญาติสนิทแต่แม่บอกว่าคุณ “โกเมส” และภรรยาของเขาจะดูแลฉันต่อจากนี้คุณ “โกเมส” และภรรยาเป็นเพื่อนบ้านของเราฉันรู้จักพวกเขามาทั้งชีวิตอย่างน้อยนี่ก็เป็นข่าวดีที่ให้กำลังใจฉัน

ฉันตั้งตารอคุณนาย “โกเมส” ส่วนพ่อแม่ของฉันได้เก็บกระเป๋าแล้วก็ออกจากบ้านไปโดยไม่หันกลับมาตอนนั้นฉันไม่เข้าใจว่าพ่อแม่ไม่เพียงแค่ออกไปไม่กี่วันแต่พวกเขาไปต่างประเทศเพื่อหางานที่ดีกว่าซึ่งไม่สามารถหาได้ในประเทศนี้และแน่นอนฉันไม่เข้าใจว่าพวกท่านกำลังไปที่นั่นอย่างผิดกฎหมายซึ่งคุณนาย “โกเมส” อธิบายให้ฉันเข้าใจในภายหลังสามีภรรยา “โกเมส” ไม่ได้ให้ฉันไปอยู่ในบ้านของพวกเขาบ้านของครอบครัวฉันเล็กมากและของพวกเขาด้วยแค่ลูกของพวกเขา 3 คนที่อยู่ในบ้านในก็ไม่มีที่พอสำหรับฉันแล้วอย่างไรก็ตามคุณ “โกเมส” สัญญากับพ่อแม่ฉันอย่างหนักแน่นว่าฉันจะปลอดภัยและเขาก็รักษาสัญญาเข้าไม่ได้แตะต้องอะไรในบ้านของฉันเลยส่วนคุณนาย “โกเมส” ก็ใช้เวลาอย่างน้อย 4 ชั่วโมงต่อวันกับฉัน ทั้งทำอาหารดูแลฉันแล้วก็ทำความสะอาดบ้านทุกๆ เช้าจะส่งฉันไปโรงเรียนพร้อมกับลูกๆของเธอฉันก็ยังได้เรียนหนังสืออยู่ครอบครัว “โกเมส” ตัดสินใจว่าไม่ควรมีใครรู้ว่าฉันอาศัยอยู่คนเดียวคุณ “โกเมส” ห้ามไม่ให้ฉันออกจากบ้านโดยไม่มีเค้าหรือคุณนาย “โกเมส” โดยให้ชวนแขกมาที่บ้านแทนนี่ทำให้ฉันไม่เคยคุยกับเด็กคนอื่นเล่นคนเดียวตอนกลางคืนเพื่อรอคุณนาย “โกเมส” มาหาฉัน เธอมีปัญหามากมายกับลูกๆช่วงเวลาที่มาหาฉันก็เลยไม่แน่นอนบางครั้งฉันต้องเข้านอนเร็วก่อนตะวันตกและบางครั้งก็ต้องรอจนถึงหลังเที่ยงคืนเพื่อให้เธอมาใช้เวลากับฉันแต่โดยรวมแล้วชีวิตของฉันสงบสุขดีแค่รู้สึกเหงานิดหน่อย

เมื่อฉันโตขึ้นคุณ “โกเมส” ได้ซื้อคอมพิวเตอร์เก่าๆ ที่ยังใช้ได้มาให้ฉันพร้อมกับโทรไปบริษัทโทรศัพท์เพื่อเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตให้ฉันสามารถติดต่อกับพ่อแม่ที่อเมริกาแทนที่จะคุยโทรศัพท์นานๆครั้งแต่ตอนนี้ฉันเข้าใจแล้วว่าเขาเพียงต้องการให้ฉันได้มีโอกาสเรียนรู้เพราะพ่อแม่ไม่ได้คุยกับฉันบ่อยขึ้นเลยแม้จะมีอินเตอร์เน็ตก็ตามแรกๆพวกเขาส่งเงินให้ฉันผ่านทางครอบครัว “โกเมส” แต่นานไปก็ยิ่งน้อยลงจนไม่ได้ส่งมาอีกไม่นานหลังจากนั้นพ่อแม่ก็หยุดเขียนจดหมายหรือโทรมาหาฉันกลายเป็นคนอยู่ฟรีกินฟรีในครอบครัว “โกเมส” แต่พวกเขาก็ยังดูแลฉันเท่าที่จะทำได้แล้วก็จ่ายไหวซึ่งฉันจะไม่มีวันลืมเลยแล้วจะจดจำบุญคุณนี้ไปตลอดชีวิตคุณนาย “โกเมส” บอกกับฉันบ่อยๆว่าที่พ่อแม่ของฉันไม่กลับเม็กซิโกเพราะว่าอาจจะเจอปัญหาทางกฎหมายก็ได้แต่แน่นอนว่าเธอแค่ไม่ต้องการทำให้ฉันเสียใจข้อความสุดท้ายที่ฉันได้รับจากพ่อแม่คือตอนอายุ 11 ขวบหลังจากนั้น 7 กว่าปีฉันไม่ได้รับรู้เรื่องราวเกี่ยวกับพวกท่านอีกเลยฉันต้องพยายามคุ้นชินแล้วก็หลอกตัวเองว่าพ่อแม่ทำงานหนักมาก  แต่ก็ยังยากจนทำให้พวกท่านไม่มีโอกาสได้กลับมาเม็กซิโกและอายที่จะบอกลูกสาวว่าพวกท่านกลายเป็นคนขี้แพ้ฉันสัญญากับตัวเองไว้ว่าหลังจากเรียนจบจะไปอเมริกาแล้วก็จะไปเรียนมหาวิทยาลัยที่นั่นเลือกคณะที่ดีๆทำงานได้เยอะๆเพื่อช่วยพ่อแม่จากสภาพยากจน ใช่ฉันจินตนาการว่าตัวเองจะเป็นซุปเปอร์ฮีโร่เลยแหละอย่างน้อยก็เป็นฮีโร่หญิงในหนัง

ฉันอาจจะอ่อนต่อโลกแต่ก็เริ่มที่จะทำตามแผนอย่างจริงจังอย่างแรกมันต้องฝึกภาษาอังกฤษให้เพอร์เฟคแต่เนื่องจากไม่มีเงินพอที่จะลงคอร์สเรียนภาษาอังกฤษหรือจ่ายเพิ่มเรียนตัวต่อตัวฉันจึงศึกษาจากเนื้อหาฟรีบนอินเตอร์เน็ตฉันต้องพยายามทำทุกอย่างด้วยตัวเองมันไม่ง่ายและเกิดจะกินเวลาว่างทั้งหมดของฉันแต่ก็คุ้มนะเพราะเมื่อฉันเรียนจบในเม็กซิโกฉันรู้ภาษาอังกฤษดีกว่าทุกคนในห้องแล้วก็ชนะงานแข่งขันระหว่างโรงเรียนหลายครั้งเลยแต่ถึงอย่างนั้นมันก็ยังไม่พอเพราะการไปอเมริกาจะต้องจ่ายค่าทดสอบความรู้ภาษาอังกฤษค่าธรรมเนียมของรัฐและจะต้องใช้เงินมากมายซึ่งฉันไม่มีครอบครัว “โกเมส” ก็คงไม่สามารถช่วยฉันได้เนื่องจากพวกเขาทำอะไรมากมายไปแล้วเพื่อฉัน และฉันก็จะไม่ขอเงินพวกเขาอีกเด็ดขาดฉันจึงต้องทำงานกับใครก็ตามที่จ่ายเงินฉันได้ทั้งล้างจานในร้านอาหารถูพื้นช่วงเช้าและทำความสะอาดให้เพื่อนบ้านที่ฐานะดีกว่าฉันทำทุกอย่างเพื่อทำให้ฝันของตัวเองเป็นจริงในที่สุดเมื่อฉันอายุ 18 ปีแล้วก็สามารถไปแคลิฟอร์เนียในอเมริกาได้อย่างถูกกฎหมายเท่าที่ฉันรู้พ่อแม่อาศัยอยู่สักแห่งที่นั่นไม่ไกลจาก ซานฟานซิสโก อย่างน้อยครั้งสุดท้ายที่เราคุยกันพวกท่านก็อยู่ที่นั่นเมื่อฉันไปถึงฉันได้รับอนุญาตให้สมัครเพียงแค่มหาวิทยาลัยเดียวฉันจึงตัดสินใจสมัครที่มหาวิทยาลัยแห่งซานฟานซิสโก 

อีกทั้ง “คาร่า” ซึ่งเป็นเพื่อนของแม่โชคดีสามารถอพยพเข้าไปอเมริกาได้อย่างถูกกฎหมายเธอก็อยู่ที่นี่ด้วยจะได้รับคำเชิญให้ไปทำงานสถานที่เป็นพลเมืองของอเมริกาฉันกับ “คาร่า” ได้ส่งจดหมายหากันอยู่บ้างแต่เนื่องจากเธอไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับพ่อแม่จะบอกฉันแล้วการคุยทางจดหมายพึ่งหยุดไปโดยปริยายแล้วตอนนี้ฉันพิมพ์ไปหาเธอว่าฉันกำลังจะไปที่เมืองนั้นเธอตอบกลับมาอย่างกะทันหันว่าเธอพร้อมที่จะคุยกับฉันเรื่องพ่อแม่ของฉันแล้วแต่ต้องคุยกันต่อหน้าเท่านั้นฉันรู้สึกร้อนรนแล้วก็โกรธ “คาร่า” มากถ้าเธอรู้ว่าพ่อแม่ฉันอยู่ที่ไหนทำไมหลายปีที่ผ่านมาถึงปิดปากเงียบล่ะแต่เมื่อเราเจอกันในสวนสาธารณะ “คาร่า” และบอกความจริงให้ฉันรู้มันก็ไม่มีคำถามไหนที่ไร้คำตอบอีกต่อไปก็ชีวิตของพ่อแม่ฉันในอเมริกาค่อนข้างลำบากเลยเนื่องจากพวกท่านไม่มีเอกสารทางกฎหมายและไม่สามารถหางานดีๆได้และถูกบังคับให้ย้ายจากที่หนึ่งไปอีกที่นึงอยู่ตลอดเวลาทั้งยังกลัวตำรวจกับหน่วยงานตรวจคนเข้าเมืองต่อมาพ่อก็เข้าไปพัวพันกับอาชญากรซึ่ง “คาร่า” ไม่แน่ใจว่าท่านทำอะไร เธอไม่ได้พูดตอนที่เล่าให้ฟังและขอให้ฉันทำเช่นเดียวกันเพราะยังไงพ่อก็เสียไปแล้วและการตัดสินท่านก็ไม่ทำให้อะไรดีขึ้น

พ่อฉันเสียชีวิตจากการยิงกันบนถนนแต่ชีวิตของแม่ฉันก็ไม่ได้แย่ท่านเป็นแม่หม้ายแล้วก็มองหาผู้ชายคนใหม่แถมยังได้แต่งงานกับชาวอเมริกันทำให้ท่านสามารถอยู่ที่นี่ได้อย่างถูกกฎหมายท่านอาศัยอยู่สักแห่งในซาคาแมนโต้ “คาร่า” พร้อมจะให้ที่อยู่ของแม่กับฉันต้องการฉันใช้เวลาคิดเรื่องนี้สักพักก่อนจะตอบว่าไม่ค่ะขอบคุณมากนี้ฉันรู้แล้วว่าแม่ได้พบกับชีวิตที่เจริญรุ่งเรืองที่ตามหาในอเมริกาและฉันตระหนักได้ว่าที่นั่นพี่ของฉันนี่เป็นตอนจบเกี่ยวกับพ่อแม่ของฉันมันเป็นความจริงที่ปวดร้าวแต่ฉันตัดสินใจที่จะมองมันอีกมุมนึงสิ่งที่ดีที่สุดที่พ่อแม่ทำได้คือหายไปจากชีวิตฉันทำให้ฉันตื่นขึ้นมาอย่างแข็งแกร่งโดยไม่มีพวกเขาอีกทั้งยังเป็นแรงจูงใจให้ฉันเรียนหนักแล้วก็มุ่งมั่นกับชีวิตฉันเขียนเรื่องนี้ในเรื่องความสร้างแรงบันดาลใจให้คณะกรรมการรับสมัครของมหาวิทยาลัยปีนี้ฉันก็ยังไม่ได้ทุนแต่ก็ได้รับคำชมมากมายจากคณะกรรมการรวมถึงคำให้กำลังใจแล้วก็บอกให้กลับมาลองใหม่อีกครั้งปีหน้า

ขอบคุณที่ฟังเรื่องราวของฉันตั้งแต่ต้นจนจบจำไว้ไม่ว่าชีวิตจะลำบากแค่ไหนหรือไม่ว่าคุณจะเคยเจอโศกนาฏกรรมหรือมีปัญหามากมายอย่ายอมแพ้เพราะมันจะทำให้คุณเข้มแข็งขึ้นดังนั้นจงมีความสุขอยู่เสมอและอย่าลืมกดติดตามช่องนี้ด้วยล่ะ 

เรื่องเล่าที่เกี่ยวข้อง

0 0 votes
Article Rating
Subscribe
Notify of
guest
0 Comments
Inline Feedbacks
View all comments
Back to top button
0
Would love your thoughts, please comment.x
()
x

ปิดโปรแกรมบล็อคโฆษณา

กรุณาปิดโปรแกรมบล็อคโฆษณาก่อนนะ เพราะเว็บจะอยู่ได้ก็จากป้ายโฆษณา