โรงเรียน

ผมอายุ 23 ปีและยังเรียนอยู่ชั้นมัธยม

เฮ้ผมชื่อ “อดัม” ผมอายุ 23 ปีและยังคงพยายามจะเรียนให้จบชั้นมัธยมปลายครอบครัวของผมเอาใจใส่กันดีแล้วรักกันมากแต่เราแทบจะไม่มีเงินมากพอให้ใช้ชีวิตอย่างสุขสบาย

พ่อของผมทำงานหลายอย่างเพื่อให้เรามีรายได้และแม่ก็ทำงานหนักเช่นกันผมไม่มีกระทั่งเวลาที่จะคิดเรื่องเกรดเฉลี่ยเรื่องโรงเรียน ผมตัดสินใจไปหางานแบบไม่เป็นทางการทำผมยังไปโรงเรียนและหลังจากนั้นก็ไปทำงานเล็กๆ น้อยๆ อย่างยกของช่วยแม่ทำงานเป็นคนทำความสะอาดผมพยายามทำงานหลายๆ อย่างจำนวนมาก

แล้วตลอดเวลาพวกอาจารย์ก็จะโกรธผมเรื่องเกรดหรือไม่ส่งงานตามกำหนดผมจึงตัดสินใจว่าจะไม่รบกวนพวกเขาอีกและดรอปการเรียนของตัวเองไว้แค่นั้น ผมมีเงินมากพอจะช่วยครอบครัวและยังมีเหลือเก็บอีกนิดหน่อยให้ตัวเองทันทีที่

ผมอายุครบ 18 ปีผมก็ได้งานในโรงงานเหล็กและเมื่อผมมีประสบการณ์ทำงานมาแล้ว 2 ปีผมจึงเรียนรู้งานได้อย่างรวดเร็วพร้อมทำงานหนักและไม่พูดมากเป็นคนงานที่ยอดเยี่ยมไร้ที่ติไม่นานผมก็เริ่มคุ้นเคยกับงานจนเจ้านายให้ผมใช้โทรศัพท์ได้ในระหว่างที่ไม่มีอะไรทำ นั้นเป็นอภิสิทธิ์อย่างมากระหว่างที่มีเวลาว่างผมจะออกไปข้างนอกกับเพื่อนส่วนใหญ่พวกเขาเป็นนักดนตรีเราจะมากไปที่คอนเสิร์ตหลายแห่งแล้วก็

เอิ่ม ที่บาร์แต่เดิมผมเคยปรารถนาอยากเป็นนักกีฬาฟุตบอลผมดูทุกนัดและทุกการแข่งขันชิงแชมป์อย่างใกล้ชิดมันเป็นหนทางนี้ออกจากชีวิตจริงที่มีแต่ปัญหาของผม น่าเศร้าที่พ่อของผมจากไปเราอยู่ที่โรงพยาบาล ผม แม่ และน้องของผม เราทั้งหมดร้องไห้และพยายามจะทำความเข้าใจเรื่องอื่นๆ ผมสัญญาว่าจะหาเงินให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้

แต่แม่ห้ามผมไว้แล้วบอกว่า “อดัม ย่าทำร้ายชีวิตตัวเองนี่ไม่ใช่สิ่งที่พ่อต้องการจากลูกกลับไปเรียนหนังสือนะแม่ขอร้อง” ผมไม่อยากเลยแต่ผมก็รู้ว่าแม่พูดถูกดังนั้นผมจึงกลับไปเข้าโรงเรียนลดชั่วโมงการทำงานที่โรงงานเหล็กแทนที่จะออกเลยวันแรกของผมที่โรงเรียนนั้นประหลาดครูแนะนำผมหน้าห้องให้คนทั้งชั้นฟังแล้วทุกคนก็จ้องผมเหมือนมนุษย์ต่างดาวเธอขอให้ผมเล่าเรื่องของตัวเองให้ทุกคนฟังสักนิดแล้วผมพูดว่า “ไงผมชื่อ อดัม แล้วผมก็อายุมากแล้ว” ตอนคนหัวเราะคิกคักแต่ส่วนใหญ่แค่จ้องมองนิ่งๆ เหมือนผมเป็นตัวประหลาดระหว่างช่วงวันแรกๆ ไม่มีใครคุยกับผมแล้วผมก็ไม่ได้ติดใจอะไรช่วงพักผมก็แค่นั่งมองนอกหน้าต่าง

วันหนึ่งในกลุ่มเด็กผู้ชายและผู้หญิงมาหาผมแล้วเริ่มถามว่าทำไมผมถึงโรงเรียนตอนอายุขนาดนี้ผมตอบแบบติดตลกทำนองว่า “โอ้ อยู่ๆ ผมก็แค่ลืมไปว่าต้องมาโรงเรียน จากนั้นก็แบบอ้อใช่โรงเรียนผมต้องไปเรียนนี่นา” พวกเขาหัวเราะคิกคักเริ่มถามคำถามผมมากมายเกี่ยวกับงานและเรื่องนั้นเรื่องนี้ ผมเดาว่าบางทีผมคงเป็นที่พูดถึงอยู่เหมือนกันและอาจป๊อปปูล่าเกินไป

เด็กผู้หญิงคนหนึ่งดูเหมือนจะชอบผมและพยายามจะมานั่งกับผมในแต่ละวิชาที่เราเรียนร่วมกันหรือในโรงอาหารเธอถามเรื่องของผมมากมายและผมก็ตอบในเชิงขบขันเหมือนปกติแล้วเธอก็หัวเราะจนโอเวอร์ ผมไม่อยากมีปัญหาดังนั้นผมจึงพยายามจะนั่งห่างๆ เธอและจำกัดบทสนทนาของเราไว้โดยไม่ทำร้ายความรู้สึกของเธอ แต่ทุกครั้งที่ผมหนีไปนั่งที่อื่นเธอจะหาผมเจอแล้วมานั่งข้างผมตลอดเหมือนลูกดิ่งโยโย่เลย

การทำงานก็ทำให้ชีวิตผมวุ่นวายเช่นกันตอนที่ผมทำกะดึกตามปกติหัวหน้าของผมหาตบไหล่และถามว่า “อดัม อยากเลื่อนตำแหน่งไหม” ผมตอบว่า “ครับนั่นคงดีมากเลยแล้วเขาก็บอกผมว่าผมจะได้เงินเพิ่มเท่าไหร่” จากนั้นจบลงที่ “แน่นอนว่าเธอต้องมาทำงานเต็มเวลา” ผมบอกว่าผมทำไม่ได้เพราะผมต้องไปโรงเรียนหน้ายิ้มของเขาเปลี่ยนเป็นบึ้งอย่างรวดเร็ว “โอเคถ้างั้นเธอห้ามใช้โทรศัพท์ระหว่างเข้ากะอีก”

โอ๊ะโอ นั่นแหละครับเกรดของผมที่โรงเรียนไม่ได้ดีเพราะผมต้องหาเวลาไปทำงานด้วยเพราะฉะนั้นผมจึงล้มเหลวทุกอย่างทั้งที่โรงเรียนแล้วที่ทำงานผมตื่นไปโรงเรียนจากนั้นไปทำงานต่อทันทีและผมได้นอนแค่ 3 ถึง 5 ชั่วโมงต่อวันแม้กระทั่งวันหยุดสุดสัปดาห์ผมไม่อาจตั้งสมาธิได้ที่โรงเรียนหรือที่ทำงานอาจารย์เข้าใจสถานการณ์ของผม

แต่ก็ยังสังเกตด้วยว่ามีเด็กผู้หญิงติดตามผมและพวกเขามักมองเราด้วยความสงสัยทุกครั้งที่เรานั่งด้วยกันเช่นกันทุกครั้งที่ผมเห็นเจ้านายในที่ทำงานเขาก็จะพูดทำนองว่า “เธอทำงานช้าลงนะ อดัม เธอต้องขอบคุณฉันที่ยังให้เธอทำงานที่นี่” หลังจากเขาพูดแบบนี้เป็นร้อยๆ ครั้งได้ผมก็ยืนขึ้นแล้วบอกว่า “โอเคถ้างั้นผมลาแล้วครับ” ขณะนี้ผมเดินออกไปเขาก็ตามมาแล้วบอกว่า “ไม่เอาน่า อดัม เธอก็รู้ว่าคงหาอะไรที่ดีกว่านี้ไม่ได้แล้ว เธอควรจะรู้สึกดีกับสิ่งที่มี”

ณ จุดนี้ผมก็ฟิล์วขาดแล้วตะโกนใส่เขาด้วยถ้อยคำที่ไม่ใช่คำที่ดีนักแต่คำพูดของเขายังติดอยู่ในหัวผมเหมือนอย่างที่เขาบอกเธอก็รู้ว่าคงหาอะไรที่ดีกว่านี้ไม่ได้แล้วผมจดจำคำพูดนั้นไว้แล้วเลิกไปโรงเรียนเช่นกัน ผมหนีไปใช้เวลาตามลำพังแทนและผมก็รู้สึกละอายที่ต้องบอกว่าส่วนใหญ่ผมจะคลุกอยู่ที่บาร์พวกเพื่อนๆ เริ่มพยายามหาทางติดต่อเพราะอยู่ๆ

ผมก็หายตัวไปทั้งสัปดาห์วันหนึ่งพวกเขามาหาผมที่บาร์ที่ผมไปประจำผมเดาว่าเพราะผมเป็นคนคาดเดาได้ง่ายนั่นเป็นบาร์ที่ดีที่สุดสำหรับการดูแข่งฟุตบอลพวกเขาเริ่มถามผมว่าผมทำอะไรอยู่ทำไมไม่รับโทรศัพท์ผมเล่าทุกอย่างบอกว่าผมไม่เห็นอนาคตของตัวเองเลยสักนิด พวกเขาชี้ไปที่จอถามว่าแล้วนี่ล่ะผมถามว่าหมายความว่ายังไงเขาบอกว่าในเมื่อผมรู้เรื่องฟุตบอลดีกว่าใครๆ

บางทีผมอาจหาทางทำให้มันเป็นอาชีพขึ้นมาได้ ผมคิดถึงเรื่องนี้แล้วจำได้ว่าผมก็อยากเป็นนักพากย์กีฬามาตลอดต่อนั้นเองผมจึงตัดสินใจว่าผมจะเรียนให้จบแล้วไปเรียนด้านการข่าวและผมก็อยากเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านกีฬาผมคุยกับแม่เรื่องนี้ แม่ดีใจมากที่ในที่สุดผมก็เห็นเส้นทางในชีวิตของตัวเองและพ่อก็คงภูมิใจในตัวผมมากเช่นกัน สิ่งเดียวที่เขาต้องการคือให้ผมมีความสุขและไม่ต้องมีชีวิตแบบเดียวกับเขาเมื่อผมกลับไปที่โรงเรียนพวกครูโกรธผมมากแล้วผมถูกเรียกไปพบผู้อำนวยการเธอขอว่าอย่าหายตัวไปเฉยๆ แบบนั้นอีกผมเล่าทุกอย่างให้เธอฟังทั้งเรื่องงานเรื่องการนอนและกระทั้งเด็กผู้หญิงที่ทำให้ชีวิตผมยุ่งยากขึ้นเธอรับฟังและเข้าใจผมมากบอกว่าผมสามารถทำงานเป็นภารโรงที่โรงเรียนหลังเลิกเรียนได้แล้วทุกคนจะช่วยผมแต่ผมต้องมาโรงเรียนและเรียนหนังสืออย่างจริงจังผมตอบตกลง มันไม่ง่ายแต่ผมก็ตั้งใจเรียนอย่างหนักและทำความสะอาดโรงเรียนหลังเลิก ผมได้นอนมากขึ้นและรักษาเกรดไว้ได้ในระดับพอใช้แบบนั้นอยู่ 2 ปีเกรดที่ได้ดีบ้างแย่บ้างแต่ผมไม่เคยขาดเรียนเลยแม้กระทั่งตอนป่วยและตอนนี้ผมก็เกือบจะเรียนจบแล้วผมไม่อยากเชื่อเลยทุกคนให้การสนับสนุนผมดีมากและพยายามจะช่วยผมหามหาวิทยาลัยดีๆ สิ่งที่ผมอยากบอกพวกคุณก็คือขอให้เชื่อมั่นว่าทุกสิ่งจะเป็นไปด้วยดีกระทั่งในช่วงเวลาที่เลวร้ายอย่างมากอย่าท้อแท้หมดหวังกับชีวิตของคุณ

แบ่งปันเรื่องราวนี้กับใครก็ตามที่กำลังหมดหวังหรือคิดว่าชีวิตไม่มีทางออกไม่มีใครสมควรยอมแพ้ทั้งนั้นครับ 

เรื่องเล่าที่เกี่ยวข้อง

0 0 votes
Article Rating
Subscribe
Notify of
guest
0 Comments
Inline Feedbacks
View all comments
Back to top button
0
Would love your thoughts, please comment.x
()
x

ปิดโปรแกรมบล็อคโฆษณา

กรุณาปิดโปรแกรมบล็อคโฆษณาก่อนนะ เพราะเว็บจะอยู่ได้ก็จากป้ายโฆษณา