ความรัก

ผมยากจนและแฟนผมรวย เธอทำให้ผมขายหน้าด้วยเรื่องนี้ในที่สาธารณะ

สวัสดีทุกคนชื่อของผมคือ “ไมค์” ผมอายุ 17 ปีแล้ว ถึงผมกำลังจะเล่าเรื่องของสาวที่ครั้งหนึ่งเคยชอบมาก แต่นี่ไม่ใช่เรื่องรักหวานซึ้งแน่นอน แทนที่จะเป็นแบบนั้น นี่ยังเป็นเรื่องที่เจ็บปวดน่าอายแล้วเป็นฝันที่ไม่นานมานี้ผมนึกอยากไม่ให้มันเกิดขึ้นจริงๆ เลย

หลายปีก่อนปู่และ ย่าผมมาที่ประเทศนี้ด้วยความปรารถนาอันแรงกล้าที่จะทำให้ลูกหลานคนรุ่นหลังของครอบครัวเรามีอนาคตที่ดีกว่าเดิมและครอบครัวของเราปีแล้วปีเล่าก็ยังคงประสบปัญหายากลำบากเรื่องเงินเงินทองทองที่เป็นหนึ่งในเหตุผลที่ผมมองหางานกระทั่งตั้งแต่ก่อนเรียนจบชั้นมัธยมแต่บอกกันตามตรงนะที่ผมอยากไปทำงานเหตุผลส่วนใหญ่เป็นเพราะผมอยากเข้ามหาวิทยาลัยมาตลอดและกลายเป็นคนแรกในครอบครัวของเราที่มีใบปริญญาก่อนที่คุณย่าของผมจะเสียชีวิต ผมยังเคยสัญญาไว้กับท่านเลยว่าเขาจะทำให้ได้ตามนั้นและตอนนี้ผมก็ไม่มีสิทธิ์ทำให้ท่านผิดหวังแล้ว 

ผมเคยทำงานที่โรงอาหารในโรงเรียนที่ปั๊มแก๊สและอีกหลายๆ ทีแต่ไม่นานก่อนจะเกิดเรื่องทั้งหมดผมโชคดีที่ได้งานพาร์ทไทม์ที่ดีที่สุดเท่าที่จะนึกฝันได้ด้วยการเป็นเด็กเสิร์ฟในภัตตาคารที่หรูหราและเป็นที่นิยมที่สุดที่นั้นไม่เพียงแต่ให้เงินดีแต่ผมยังได้ทิปดีๆ จากแขกผู้ร่ำรวยด้วย ซึ่งหมายความว่าผมจะเก็บเงินไว้สำหรับเรียนมหาวิทยาลัยได้ภายใน 1 ปีหรือราวๆ นั้น แล้วผมก็พยายามอย่างมากที่จะไม่ทำให้มันพัง ครั้งหนึ่งผมสังเหตุเห็นผู้หญิงสวยๆ คนหนึ่งที่ร้านบ่อยมากเธอมักมีเพื่อนหลายคนห้อมล้อมรอบตัวและดูจากการแต่งตัวแล้วท่าทางของพวกเขาทั้งหมดนั้นแล้วพวกเขาดูเหมือนจะมาจากครอบครัวที่ร่ำรวยมาก แต่ส่วนใหญ่เธอชอบนั้งโต๊ะที่ผมไม่ได้เป็นคนเสิร์ฟ ดังนั้นผมจึงไม่มีเหตุผลอย่างเป็นรูปประธรรมที่จะได้พูดกับเธอ อีกอย่างในฐานะที่เป็นพนักงานแน่นอนว่าผมจะต้องไท้ได้รับอนุญาตให้จีบลูกค้าเว้นแต่ว่าผมอยากจะถูกโยนออกไปเพราะฉะนั้นผมได้ทำได้แค่มองเธอทำนองว่าแอบดูอยู่ห่างๆ 

แต่วันหนึ่งเด็กเสิร์ฟเป็นคนที่เคยเสิร์ฟโต๊ะของเธอเป็นไข้หวัดจนต้องนอนซมอยู่บ้าน เขาขอให้ผมช่วยจัดการดูแลโต๊ะในกะของเขาซึ่งมันเป็นวันที่เธอมาที่ร้านตามลำพังขณะที่เข้าไปที่โต๊ะของเธอเพื่อรับออเดอร์ผมรู้สึกมันอยู่ในจุดที่สูงที่สุดในโลกและยังตื่นประมาทสุดขีดในเวลาเดียวกัน แน่ละผมอยากบอกความรู้สึกที่มีต่อเธอออกไปอยู่แล้วแต่ทันใดนั้นเธอก็พูดขึ้นว่า เธอสังเกตว่าผมมองเธออย่างไรแล้วจากนั้นก็ถามผมว่าผมจะขอเธอเดทด้วยหรือเปล่าผมพูดไม่ออกโดยสิ้นเชิงแล้วเธอก็หัวเราะบอกที่อยู่ของร้านกาแฟที่เธอจะไปหลังจากนี้หลังจากนั้นเธอสั่งสลัดทูน่าสดและพอผมกลับมาที่ห้องครัวผมก็เพิ่งรู้สึกตัวว่าฉันจะเป็นฝ่ายขอคบกับผม 

แน่นอนว่าผมต้องทำทุกอย่างเท่าที่จะทำได้เพื่อไปพบเธอ และหลังจากเดทกันต่ออีกหลายครั้งเราก็กลายเป็นแฟนกันอย่างเป็นทางการ แต่ยังมีปัญหาอีกอย่างนึง เพราะเดทครั้งหลังๆ ของเราทำให้บางครั้งผมไปทำงานสายบ่อยจนเจ้านายของผมต้องบอกผมว่าความอดทนของเขากำลังลดลงทุกทีและ ผมก็ใกล้จะต้องตกงานแล้ว ผมพยายามอธิบายทุกอย่างกับ “โซฟี่” นั่นคือชื่อของเธอนะแต่เธอไม่ยอมฟังเลย กระทั่งเริ่มบอกผมเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของพวกเพื่อนๆ เธอ แล้วบอกว่าแฟนหนุ่มของพวกหล่อนยอมทำอะไรก็ตามให้ ผมพยายามบอกตัวเองว่าเราแค่กำลังจะผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากนิดหน่อย หรืออะไรทำนองนั้น และสัญญากับ “โซฟี่” ว่า ผมจะทำเพื่อเธอให้ดีกว่านี้ แต่แล้วบางอย่างก็เกิดขึ้นซึ่งทำให้ผมถึงก็หมดความอดทนโดยสิ้นเชิง 

“โซฟี่” กำลังเตรียมตัวจัดงานปาร์ตี้ที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมี ตามที่เธอเรียก แล้วผมก็พยายามจะทำทุกอย่างที่ต้องทำที่บ้านและที่โรงเรียนให้เสร็จเพื่อที่ผมจะได้ไปงานอย่างที่รับปากเธอไว้ แต่ในวันเดียวกันนั้นเจ้านายผมก็เรียกไป แล้วบอกว่าเรากำลังจะมีงานเลี้ยงมื้อค่ำครั้งสำคัญที่ภัตตาคารในคืนเดียวกันและพนักงานทุกคนต้องมาทำงานไม่อย่างนั้นเขาจะยินดีมาก ที่จะไล่พวกเราทั้งหมดออกผมรู้สึกเหมือนถูกฉีกกระชากไปเสี่ยงๆ ผมรู้ว่า “โซฟี่” จะต้องไม่ยกโทษให้ผมที่โดดงานปาร์ตี้ของเธอ แต่แน่นอนว่าผมไม่อยากรับการสูญเสียงานของผมได้โดยเฉพาะเมื่อรวมกับเรื่องที่ว่าพ่อผมก็ตกงานแล้วตอนนี้ชีวิตความเป็นอยู่ของเราทั้งครอบครัวต้องพึ่งพาเงินเดือนของผมแทบทั้งสิ้น

เพื่อให้มั่นใจวันนั้นผมจึ่งพยายามติดต่อ “โซฟี่” ทั้งโทรศัพท์หลายหน แต่สายของผมถูกต่อไปที่วอยเมล์บางทีเธอคงอยู่กับการจัดงานเลี้ยงอะไรอีกหลายอย่างอยู่ สุดท้ายผมเลยทิ้งข้อความไว้เรา 10 ข้อความบอกว่าผมเสียใจแค่ไหนและพยายามจะอธิบายทุกอย่างกับเธอหวังว่าเธอจะเข้าใจ ผมต้องหันเหสมาธิไปทุ่มเทกับงานแล้วบอกได้เลยว่านั่นคืออาหารค่ำที่ยุ่งวุ่นวายที่สุดเท่าที่เคยเจอผมจึงไม่มีเวลาเช็คโทรศัพท์เลยจนหมดคืนนั้น และผมต้องประหลาดใจ ในแบบที่ไม่ทำให้รู้สึกดีด้วยว่าผมไม่ได้รับข้อความหรือมิสคอลจาก “โซฟี่” 

เช้าวันต่อมา ตอนที่ผมหลับพอแล้ว หลังจากเข้ากะคือก่อนหน้า ผมก็พยายามโทรหา “โซฟี่” อีก แต่ไม่ประสบผล ผมแน่ใจว่าผมจะต้องพบเธออีกครั้งที่ร้านอาหารก็เลยรีบลงไปทำงานแล้วผมก็ไม่พลาดจริงๆ เธออยู่ที่นั่นห้อมล้อมด้วยเพื่อนฝูงเหมือนเคย โดยมีผู้ชายคนหนึ่งที่ผมไม่เคยเห็นนั่งข้างๆ เขาทำเหมือนตัวเองเป็นแฟนของ “โซฟี่” ซึ่งเธอก็ดูจะไม่ถือสาเลยสักนิด ลองนึกภาพดูสิว่าผมประหลาดใจแค่ไหนโต๊ะของเธอขอให้ผมเป็นคนยกอาหารไปเสิร์ฟข้างนอกของสงบนิ่งและเข้าไปรับใช้พวกเขาเค้า ทำไปตามสถานการณ์ ทั้งที่ลึกลงไปข้างในคุ้มคลั่งด้วยพายุแห่งความโกรธเกรี้ยวและเจ็บปวดกับการถูกเหยียบยั่มศักดิ์ศรีเพื่อนของ “โซฟี่” ก็ยิ่งห่างไกลจากความสุภาพโดยเฉพาะผู้ชายที่นั่งข้างๆ เธอ แล้วเธอก็ทำเหมือนระหว่างเราไม่เคยมีความรักหวานชื่นต่อกันมาก่อนเลย

ในที่สุดเมื่อพวกเขาลุกออกไปอย่าง ยังไม่แม้แต่ให้ทิปผมสักเพนนีเดียวแล้วผมก็รู้ว่าผมทำอะไรไม่ได้อีกแล้วนอกจากลบเธอออกไปทั้งจากบนโทรศัพท์และจากชีวิตของผม เวลาผ่านไปแล้วผมก็ทำใจยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้นได้แล้ว แม้ก็น่านั่นจะเป็นประสบการณ์ที่น่าอับอายขายหน้าที่สุดเท่าที่ผมเคยเผชิญในชีวิตพ่อของผมได้งานอื่นซึ่งให้เงินดีกว่าของผม ผมเลยเก็บเงินทั้งหมดไว้เรียนมหาวิทยาลัยได้อีกครั้ง ผมยังได้เพื่อนใหม่ในที่ทำงานคือ “แมรี่” ซึ่งดูท่าทางจะเป็นเด็กสาวนิสัยดีไม่นานหลังจากนี้ผมว่าผมอาจขอคบกับเธอ ถ้าพูดถึง “โซฟี่” ผมยังเห็นเธออีกหลายครั้งหลังจากนั้นแต่ตอนที่เธอมาที่ร้านครั้งสุดท้ายเธอทะเลาะกับผู้ชายคนนั้นรุนแรงมากเลวร้ายขนาดนี้เขาตะโกนใส่เธอบอกว่าเธอเป็นยัยเด็กน้อยที่พ่อแม่ตามใจจนเคยตัว และทิ้งไว้แบบนั้นนั่งอยู่ที่โต๊ะเพียงลำพังแล้วร้องไห้อย่างหนักบางส่วนของผมรู้สึกเวทนาอยู่บ้างแต่ส่วนใหญ่ผมก็คิดว่าสมควรแล้ว

พวกคุณชอบหรือเปล่าของผมหรือเปล่าคุณเคยมีประสบการณ์กับคนอื่นในทำนองเดียวกันนี้ไหม แบ่งปันความคิดเห็นของคุณในช่องคอมเม้นต์และอย่าลืมกดติดตามข้างล่างนะ 

เรื่องเล่าที่เกี่ยวข้อง

0 0 votes
Article Rating
Subscribe
Notify of
guest
0 Comments
Inline Feedbacks
View all comments
Back to top button
0
Would love your thoughts, please comment.x
()
x

ปิดโปรแกรมบล็อคโฆษณา

กรุณาปิดโปรแกรมบล็อคโฆษณาก่อนนะ เพราะเว็บจะอยู่ได้ก็จากป้ายโฆษณา