ผมพยายามเผาคนกลุ่มหนึ่งเพื่อสร้างความประทับใจให้ผู้หญิง
สวัสดีผมชื่อ “ทิม” เรื่องราวนี้มันเกี่ยวกับการที่ผมต้องการสร้างความประทับใจให้กับผู้หญิงคนหนึ่งจนผมเกือบจะเผาบ้านที่กำลังมีคนอยู่ในนั้นผมไม่ได้ตั้งใจแล้วไม่อยากจะเชื่อว่ามันจะเกิดขึ้นแบบนั้นและทุกอย่างของเรื่องนี้เริ่มต้นด้วยการโกหกก่อนหน้านี้ผมตกหลุมรักผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งเธอเป็นรุ่นพี่ผม 1 ปีที่โรงเรียนเธอชื่อ “โอลิเวีย” และผมพยายามหาทางเข้าไปคุยกับเธอมานานหลายสัปดาห์แล้วผมคอยอยู่ใกล้ๆเธอเสมอในช่วงพักกลางวันด้วยหวังว่าจะมีโอกาสให้เราได้ร่วมพูดคุยกันบ้างแต่จนแล้วจนรอดก็ยังไม่มีอะไรคืบหน้าแล้วผมก็อายเกินกว่าที่จะเข้าไปคุยกับเธอตรงๆกระทั้งช่วงพักกลางวัน
ในวันหนึ่งผมแอบได้ยิน “โอลิเวีย” พูดคุยกับเพื่อนของเธอเกี่ยวกับกลุ่มนักเรียนรุ่นพี่ที่ค่อนข้างป๊อปปูล่าในโรงเรียนผมขอเรียกเขาว่ากลุ่มคูลแล้วกันมันพูดยากว่าพวกเขามีอะไรที่น่าสนใจเป็นพิเศษบ้างบางทีอาจจะทุกอย่างก็ได้มั้งพวกเขาคือนิยามของคำว่ายอดเยี่ยมอย่างแท้จริงกลุ่มของพวกเขามีผู้ชาย 3 คนและผู้หญิง 2 คนและทำวงดนตรีอิเล็กทรอนิกส์ด้วยกันวงของพวกเขาได้ขึ้นโชว์ไม่เฉพาะแค่ในโรงเรียนแต่ยังได้แสดงในสถานที่อื่นในเมืองด้วยพวกเขาดูเหมือนคนอายุ 25 และดูเท่และป๊อปปูล่าแล้วไม่เคยรังแกใครยิ่งไปกว่านั้นถ้าพวกเขาเห็นใครกำลังถูกรังแกพวกเขาจะเข้าไปช่วยปกป้องแต่พวกเขายังคงรักสันโดษและไม่ค่อยชอบสุงสิงกับคนอื่นๆ “โอลิเวีย” เพิ่งเข้ามาเรียนที่โรงเรียนนี้ได้ไม่นานนักเธอจึงบอกเพื่อนเธอว่ารู้สึกสนใจและอยากทำความรู้จักพวกเขามากขึ้นแต่เธอก็ไม่รู้ว่าจะเริ่มยังไงตอนนั้นผมและเพื่อนชื่อ “จิม” ซึ่งนั่งอยู่โต๊ะข้างๆเธอได้ยินทุกอย่างผมไม่รู้เหมือนกันว่าตอนนั้นผมคิดอะไรอยู่แต่ผมแค่คิดว่านี่คงเป็นโอกาสทองของตัวเอ
งจึงได้หันไปหาเธอแล้วเริ่มพูดคุยกับเธอได้บอกเธอว่าผมรู้จักกับกลุ่มคูลค่อนข้างดีทีเดียวและผมสามารถแนะนำให้เธอรู้จักกับพวกเขาได้ผมรู้ว่ามันเป็นคำโกหกที่น่าละอายมันเป็นแค่อารมณ์ชั่ววูบที่ผมพูดออกไปโดยไม่คิดเธอบอกว่าเยี่ยมไปเลยงั้นไปคุยกับพวกเขาตอนนี้กันเถอะและนั่นก็ทำให้ผมเริ่มสติแตกผมไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไงผมเริ่มถ่วงเวลาแต่โชคยังเข้าข้างผมที่ไม่กี่นาทีต่อมาพวกเขาก็ลุกออกไปผมก็เลยแบบว่าโอ้วไม่นะพวกเขาเพิ่งลุกออกไปงั้นไว้โอกาสหน้าแล้วกันผมไม่สนเลยว่าโอกาสหน้าที่ว่ามันคือเมื่อไหร่แต่ตอนนี้ผมและเธอเราได้คุยกันแล้วผมไม่สนเลยว่าโอกาสหน้าที่ว่ามันคือเมื่อไหร่แต่ตอนนี้เธอและผมได้คุยกันแล้วผมได้แต่ภาวนาว่าเธอจะลืมสัญญาที่ผมให้ไว้แต่ไม่สามารถลืมความจริงที่ว่าเราได้รู้จักกันผมรู้ว่ามันไม่สมควรแต่เรื่องแบบนี้มันมักจะเกิดขึ้นเวลาที่คุณปิ๊งใครสักคนเป็นครั้งแรกผมว่าเราทุกคนต่างก็เป็นแบบนั้นกันเย็นวันนั้นผมไม่รู้จะเรียกว่ามันดีหรือร้ายกันแน่
เธอส่งข้อความมาหาผมใน IG ใช่เธอค้นหา IG ผมแล้วกดติดตามเธอพิมพ์มาเตือนเรื่องสัญญาที่ผมให้ไว้พวกเราคุยกันนานเป็นชั่วโมงแล้วผมรู้สึกมีความสุขที่สุดในโลกแต่ในเช้าวันถัดมาความรู้สึกมีความสุขของผมมันก็หายไปหมดแล้วผมกลับรู้สึกกลัวขึ้นมาแทนในช่วงที่ตื่นขึ้นมานั้นผมได้แต่คิดว่าผมจะต้องแนะนำใครสักคนให้กับคนที่ผมไม่รู้จักซึ่งนั่นมันไม่มีทางเป็นไปได้เลยผมเริ่มคิดว่าจะทำอย่างไรถึงจะได้รู้จักกับกลุ่มแต่คูลแบบแนบเนียนแต่คุณคงจะเดาออกว่าผมไม่ใช่คนที่มีพรสวรรค์ด้านนั้นเลยและยิ่งไปกว่านั้นพวกเขาก็ถูกห้อมล้อมไปด้วยเด็กนักเรียนรุ่นน้องทั้งหญิงและชายที่พยายามเข้าไปทำตัวรู้จักด้วยอยู่ตลอดเวลาแล้วพวกเขาก็คิดว่าเด็กๆพวกนี้ไร้สาระตอนนี้ผมต้องการตัวช่วยจริงๆดังนั้นจึงตัดสินใจขอร้อง “จิม” เพื่อนของผมซึ่งเป็นคนเดียวที่ผมไว้ใจได้มากที่สุดในโรงเรียนและผมต้องขอบอกกับพวกคุณว่าไอเดียบ้าๆ ที่ผมกำลังจะบอกนี้มันเป็นไอเดียของ “จิม”
เขาตกลงที่จะช่วยผมดังนั้นเรื่องนี้จึงมีเขาเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดด้วยจริงไหมเอาล่ะแล้วนี่คือแผนของเรา “จิม” รู้จักโรงรถที่พวกเขามักไปซ้อมดนตรีกันมันไม่ได้ตั้งอยู่ในบ้านแต่มันสร้างขึ้นในโกดังที่อยู่ด้านนอกเมืองพวกเขาจะไปซ้อมดนตรีที่นั่นกันทุกๆวันพฤหัสและวันเสาร์แผนของเราจะเริ่มจากเตรียมน้ำมันเชื้อเพลิงนิดหน่อยและจุดไฟเผาโรงรถนั่นแบบว่าเอาแค่ให้มันไม่นิดหน่อยเท่านั้นและพวกเราก็จะสร้างสถานการณ์ว่าไฟไหม้แล้วผมก็จะเข้าไปช่วยพวกเขามาจากกองไฟและเริ่มทำความรู้จักพวกเขาแบบเนียนๆ โอ้วพระเจ้านี่มันเป็นความพยายามทำความรู้จักใครสักคนแบบโง่ งี่เง่าที่สุดเลยจริงๆผมและ “จิม” ตกลงจะเริ่มแผนนี้ก็ในวันเสาร์และเมื่อกลุ่มคูลเข้าไปอยู่ในโรงรถเรียบร้อยแล้วผมก็เริ่มเทน้ำมันไปที่กำแพงข้างๆประตูผมจุดไม้ขีดและหนึ่งในกลุ่มเดินออกมาด้านนอกและเห็นทุกอย่างว่าผมกำลังจะจุดไฟเผาที่นั่นผมอึ้งมองเขาอยู่ 2-3 วินาทีและวิ่งหนีออกมา “จิม” ผู้ซึ่งคอยช่วยอยู่เห็นดังนั้นก็วิ่งตามผมออกมาอย่างบ้าคลั่งตอนนี้ผมไม่อยากบอกเลยว่าปัญหามันยิ่งใหญ่บานปลายไปขนาดไหน
วันต่อมาที่โรงเรียนผมพยายามใช้เวลาในห้องโถงโรงเรียนให้น้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ผมกินอาหารก่อนข้างนอกและพยายามหลบหน้าหลบตาผู้คนและทั้งเดอะคูลและ “โอลิเวีย” ต่างก็ไม่สังเกตเห็นผมแต่ผมก็หนีไม่พ้นอยู่ดีหลังจากจบคาบเรียนผมรีบกลับบ้านโดยไม่ทันระวังมองทางให้ดีผมจึงชนเข้ากับใครบางคนเขาคือสมาชิกกับเดอะคูลคนที่เห็นผมในวันนั้นสมาชิกคนอื่นๆ ก็อยู่ตรงนั้นด้วยและพวกเขาต้องการรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ที่โรงรถในคืนก่อนหน้านี้ผมพยายามอธิบายโดยกุเรื่องอะไรขึ้นมาสักอย่างประมาณว่าผมต้องการจะแกล้งเพื่อนที่อาศัยอยู่ข้างรถนั่นผมเล่าเรื่องผสมปนเปกันไปหมดแล้วมันฟังไม่ขึ้นเลยสักนิดแต่ผมคิดว่าพวกเขาอาจจะเริ่มเชื่อหรือไม่ก็คงคิดว่าผมบ้าใช้คิดว่าผมบ้ายังจะดีซะกว่าแต่หลังจากนั้นผมก็ได้ยินเสียงที่แสนคุ้นเคยดังขึ้นมาข้างๆผม
ผมหันไปก็เห็นว่าเป็น “โอลิเวีย” เธอเห็นผมกำลังคุยกับเดอะคูลเธอคิดว่านี่คงเป็นโอกาสที่เหมาะเจาะสำหรับเธอ เธอยิ้มและถามผมต่อหน้าพวกเขาว่าตอนนี้นายคงจะแนะนำให้ฉันรู้จักเพื่อนๆของนายได้สักทีนะผมอายมากจนแทบลืมชื่อของตัวเองผมมองหน้าเธอและมองหน้าที่เต็มไปด้วยความงกของกลุ่มเดอะคูลแล้ววิ่งหนีออกมาโดยไม่หันกลับไปมองตอนนี้ผมยังคงพยายามหลบหน้า “โอลิเวีย” และพวกเดอะคูลทุกครั้งที่เจอและผมมักจะเจอพวกเขาพร้อมกันเสมอเพราะตอนนี้พวกเขาเริ่มใช้เวลาด้วยกันแล้วใช้ “จิม” บอกผมว่าพวกเขาเริ่มเป็นเพื่อนกันตั้งแต่วันที่พวกเขาคุยกันเรื่องความประหลาดเกี่ยวกับตัวผมและไม่ได้ล้อเล่นนะแต่ผมได้ทำให้พวกเขาสนิทสนมกันตามที่สัญญาไว้จริงๆแม้ว่าจะไม่เป็นไปตามแผนก็ตาม
ผมรู้ว่ามันไม่ควรเกิดขึ้นแบบนี้ถ้าผมไม่โกหกตั้งแต่แรกแต่ถ้าไม่มีไอเดียว่าบ้าๆ นั่นเรื่องราวมันก็คงไม่แย่ขนาดนี้ช่วยแบ่งปันเรื่องราวของพวกคุณในคอมเม้นและอย่าลืมกดไลค์และกดติดตามด้วยนะครับ