ฉันยากจนและทุกคนคิดว่าฉันเป็นขโมย
สวัสดี ฉันชื่อ “นิว” ไม่นานมานี้ฉันได้ถูกกล่าวหาว่า ขโมยเงินในโรงเรียน ฉันเป็นผู้บริสุทธิ์นะ แต่ว่าไม่มีใครเชื่อฉันเลย
ฉันก่อปัญหามากมาย พวกอาจารย์ก็รู้เรื่องนี้ และพวกเค้าก็ไม่คอยชอบหน้าฉันเท่าไหร พวกเค้าเรียกผู้ปกครองฉันมาพบบ่อยๆ และพ่อแม่ของฉันก็ไม่ได้สนใจอะไร มันค่อนข้างยากที่จะหาเพื่อนที่นี่ และหลายๆคนก็คิดว่า ฉันเป็นคนแปลกๆ ไม่เคยมีใครเดินมาคุยกับฉันแบบตัวต่อตัวเลยสักคน เพราะดูเหมือนพวกเค้ากลัวฉันอะนะ แต่ยังโชคดีที่ฉันมีเพื่อนอยู่คนหนึ่ง ตั้งแต่สมัยที่ฉันยังเป็นเด็ก เค้าชื่อ “แมท” และเราเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่ป.1 แล้ว อยู่มาวันหนี่งครูของเราก็เรียกฉันไปพบ ที่ห้องของเธอ และบอกฉันว่า “เอาละนิวครูรู้ความจริงแล้วนะ บอกครูมาเถอะว่ามันอยู่ที่ไหน” ฉันก็แบบว่าครูกำลังพูดถึงเรื่องอะไรครับ คุณครูยังจ้องมองฉันอย่างจริงจังหลังจากความเงียบที่น่าอึดอัดสักพักผ่านไป เธอก็บอกฉันว่า “ครูรู้นะว่าเธอเอาเงินสำหรับการทัศนศึกษาของเราไปจากโต๊ะ ถ้าเธอคืนเงินนั้นมาครูจะไม่ทำไห้เธอเดือดร้อนเลย” ครูสัญญา.. ฉันไม่รู้ว่าจะพูดยังไง อันที่จริงแล้วชั้นเรียนของรุ่นน้องเรา เก็บรวบรวมเงินสำหรับไปทัศนศึกษากัน และครูของเราก็ว่างมันไว้บนโต๊ะของเธออย่างเปิดเผย
และวันหนึ่งเงินนั้นก็หายไป ฉันโกรธมากเพราะฉันถูกปรักปรําจึงได้ขึ้นเสียงไปว่า “ผมไม่ได้เอาเงินนั้นไป ผมไม่เคยแตะต้องมันด้วยซ้ำ” ครูถอนหายใจแล้วพูดว่า “พวกเราทุกคนรู้ว่าเป็นเธอ “นิว” จะเป็นใครอื่นไปได้ละ” ฉันตอบอาจเป็นใครก็ได้ทั้งนั้นแหละ เพราะครูนั่นแหละที่ไม่ฉลาดพอที่ตั้งมันเอาไว้บนโต๊ะแบบนั้นน่ะ หลังจากนั้นฉันก็เดินหัวเสียออกไป
ฉันคิดว่าเรื่องมันจะจบลงแค่นั้น และครูคนนี้คงจะไม่รบกวนฉันอีกต่อไป แต่มันกลับตรงกันข้าม นั่นเป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้น วันต่อมาฉันถูกเรียกตัวไปที่ห้องทำงานของอาจารย์ใหญ่ ฉันไปที่นั่น และฉันก็ต้องประหลาดใจว่าอาจารย์ใหญ่กำลังรอฉันอยู่กับครูอีก2คน และหนึ่งในนั้นก็เป็นคนที่กล่าวหาว่าฉันขโมยเงินไป ฉันโกรธมากและเริ่มพูดคุยกับเค้าด้วยอารมณ์เกรี้ยวกราด แต่เค้ากลับตอบโต้อย่างใจเย็นมากเกินไปด้วยซ้ำ พวกเค้าบอกว่า พวกเค้ารู้ว่าฉันเป็นคนทำและมันไม่เป็นไร เพราะฉันมีปัญหาที่บ้านและฉันต้องการเงิน พวกเค้าพยายามแสดงออกว่าเข้าใจฉัน แต่ฉันก็ยังยืนยันว่า ฉันไม่ได้ทำ ฉันไม่เคยแม้แต่จะแตะต้องเงินนั้น แต่พวกเค้าก็ยังคงกดดันฉันต่อไป ฉันถามว่า พวกเค้ามีหลักฐานอะไรมายืนยัน นอกเหนือจากกิตติศัพท์ของฉัน และพวกเค้าก็บอกว่า “มีหลายคนยืนยันว่า เห็นฉันเอาเงินไป” เหตุการณ์ดำเนินไปแบบนี้ทุกวัน พวกเค้าจะเรียกไห้ฉันเข้ามาพบและถามคำถามเดิม ๆซ้ำๆ และฉันก็ยังปฏิเสธทุกอย่าง และพวกเค้าก็ยังทำไห้ฉันอยู่ต่อหลังเลิกเรียน และทำแม้กระทั่งค้นกระเป๋าเป้ฉัน
แต่ไม่มีใครเชื่อฉันเลยทุกคนในโรงเรียนรู้ข่าวลือที่วันฉันขโมยเงินนั่น และทุกคนเชื่อข่าวลือนั้น พูดตามตรงฉันเกือบพร้อมที่จะยอมรับสารภาพ เพราะมันง่ายกว่าที่จะมานั่ง ในห้องเล็กๆ กับผู้ใหญ่ 3 คนที่ใช้เวลาหลายชั่วโมงในชีวิต เพื่อพิสูจน์ไห้ได้ว่าฉันเป็นขโมย และคอยแอบเกียดชังฉัน พวกบอกว่าถ้าฉันไม่รับสารภาพพวกเค้าก็ไม่มีทางเลือก นอกจากจะต้องไล่ฉันออกจากโรงเรียน
วันนั้นฉันกลับบ้านและเตรียมพร้อมที่จะยอมรับว่าฉันเป็นคนทำมันในวันถัดไป แต่โชคดีที่ “แมท” อดทนรอฉันเพื่อที่เราจะได้กลับบ้านพร้อมกัน ฉันเล่าไห้เค้าฟังทุกอย่างและเค้าบอกว่าฉันไม่ควรยอมรับสารภาพ ฉันบอกว่าพวกเค้าจะไล่ฉันออกนะ ถ้าฉันไม่ยอมรับ “แมท” หัวเราะ และพูดว่า “555 ไม่หลอกน่า พวกเค้าก็แค่ขู่เพื่อไห้นายยอมพูดมันออกมาพวกเค้าคงเรียกตำรวจแล้วถ้าพวกเค้ามีหลักฐานจริงๆ พวกเค้าก็แค่ต้องการใครสักคนมารับผิด และฉันรู้ว่านายไม่ได้เอาเงินนั้นไป” ฉันถาม “แมท” ว่าฉันควรทำอย่างไรต่อไป และเค้าก็พูดว่า “ไม่ใช่แค่นายแต่เป็นเราที่ต้องทำอะไรต่อไป” จริงๆแล้วเค้าแผนการบางอย่าง “แมท” ฉลาดกว่าฉันในเรื่องนั้น เค้าบอกว่าเราควรจับตาดูคนในฉันเรียนของรุ่นน้องที่วางแผนจะไปทัศนศึกษาด้วย หนึ่งในนั้นอาจเป็นคนที่เอาไป และบางเราอาจสังเกตเห็นบางสิ่ง ดังนั้นเราจึงเริ่มสอดแนมพวกเค้า พยายามหาสิ่งที่ผิดปกติ เราคิดว่ามันจะยากและใช้เวลานาน แต่เปล่าเลยเราค้นพบความจริงแค่ในหนึ่งวัน
มีเด็กคนหนึ่งพึงมี “Nintendo switch” ใหม่เอียม ใช้บางทีพ่อแม่เค้าจะเป็นคนซื้อไห้ แต่มันเป็นเรื่องค่อนข้างบังเอิญที่เค้าจะได้มันมาตอนนี้ และเค้าก็อวดมันไห้กับทุกๆ คนรอบตัวเค้าได้เห็น และที่น่าสงสัยก็คือราคาของมันไกล้เคียงกับจำนวนเงินที่ถูกขโมยไป
ฉันโกรธมากและเดินตรงเข้าไปหาเค้าแต่ “แมท” ห้ามฉันไว้และพูดว่าเราควรต้องรอบคอบเกี่ยวกับเรื่องนี้ เพื่อทำไห้เค้าสารภาพไห้ได้ พอเด็กคนอื่นๆ เห็นฉันพวกเค้าทุกคนก็วิ่งหนีไป ดังนั้นจึงเหลือเพียงแค่ เด็กคนฉันและก็ “แมท” ฉันถามเค้าว่านายเอาเงินจากไหนมาซื้อเกมเครื่องนี้ เค้ายิ้มไห้แล้วพูดว่า “พ่อแม่ของฉันไห้เงินมานะสิ” แมท ยิ้มแล้วพูดว่าเรารู้ความจริงหมดแล้วละ เพื่อนของนายคนหนึ่งบอกทุกอย่างกับหมดแล้ว เด็กคนนั้นสติแตกอย่างเห็นได้ชัด แต่ยังคงยิ้มและปฏิเสธทุกอย่าง จากนั้น “แมท” จึงพูดว่า “โอเคเราแค่มาขอไห้นายมอบเกมเครื่องไห้กับเรา และเราจะไม่พูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่เราจะไห้เพื่อนของนายบอกทุกอย่างกับครูเอง” เค้าพูดว่า “ไม่มีใครเชื่อนายหรอก” และ “แมท” พูดว่า”โอเคเอางั้นก็ได้” และเราก็แค่เดินออกมาฉันเริ่มประหม่าแต่ “แมท” นั้นดูมั้นใจมาก จากนั้นเด็กคนนั้นก็วิ่งตามพวกเรามาแล้วก็พูดว่า “โอเคฉันจะเอามันไห้พวกนาย แต่ได้โปรดอย่าบอกคุณครูเลยนะ” “แมท” พูดว่า “ไม่ละขอบใจ”
และเราก็เดินจากไป “แมท” ดึงโทรศัพท์ออกมาและไห้ฉันดูว่าเค้าได้บันทึกเสียงการสนทนาไว้ทั้งหมดเราไปพบอาจารย์ใหญ่และแสดงหลักฐานที่เรามี แต่เค้าบอกว่าเค้าไม่เชื่อเราและหาว่าพวกเราบังคับไห้เด็กคนนั้นยอมรับสารภาพ ฉันบอกว่า “ก็นั่นมันคือสิ่งที่ครูทำกับผมมาตลอดทั้งสัปดาห์เลยไม่ใช้เหรอ!?” ฉันโกรธขึ้นมาอีกครั้งแต่ “แมท” พูดว่า “งั้นครูจะไม่ลองโทรหาผู้ปกครองของเด็กคนนี้และลองถามพวกเค้าว่าได้ซื้อเกมใหม่ไห้ลูกเค้าหรือป่าวละครับ อาจารย์ใหญ่รับฟัง “แมท” และหลังจากนั้นเค้าก็บอกว่า “พ่อแม่ของเด็กคนนี้ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเกมเครื่องนี้เลย” อาจารย์ใหญ่ขอโทษฉัน
แต่ว่าครูที่กล่าวหาฉันปฏิเสธที่จะขอโทษ แต่ฉันไม่สนใจแล้ว เพราะในที่สุดฉันก็เป็นอิสระ ส่วนเด็กคนนั้นก็ต้องคืนเงินทั้งหมด และประสบกับปัญหามากมาย ฉันถาม “แมท” ในตอนหลังว่าทำไมเค้าถึงยอมช่วยฉันและเค้าก็พูดว่า “นายคอยช่วยฉันทุกครั้งที่มีใครมาหาเรื่องฉัน ไม่มีไครอยากมีปัญหากับนายเพราะนายตัวใหญ่กว่า แต่คราวนี้ถึงเวลาที่ฉันรู้สึกว่าฉันสามารถช่วยนายได้จริงๆ” ฉันมีความสุขมากที่มีเพื่อนอย่าง “แมท” ในชีวิตของฉัน
ช่วยกดไลค์วีดีโอนี้และกดติดตามหากคุณมีเพื่อนแท้ซึ่งเป็นคนที่คุณไว้ใจได้ และเป็นคนที่คอยช่วยเหลือคุณในยามที่ใครคนอื่นๆนั้นไม่เชื่อคุณ