ฉันถูกปีศาจคุกคามหลังจากเปิดเผยตัวตนของตัวเอง
สวัสดีผมชื่อ “ชาว” ล่าสุดผมพึ่งเปิดตัวให้ทุกคนรู้ว่าผมเป็นเกย์และจากนั้นก็มีเรื่องแปลกปละหลาดเกิดขึ้นตามมาตอนที่ผมอายุ 15 ปีผมมีแฟนเป็นผู้หญิงชื่อ “รีเบกก้า” ผมชอบเธอมากจนถึงขั้นเรียกว่ารักเธอเลยก็ว่าได้แต่ลึกๆ ในใจผมกลับรู้สึกแปลกๆ จากนั้นผมจึงเริ่มสังเกตตัวเองได้ว่าจริงๆ แล้วผมรู้สึกว่าชอบผู้ชายมากกว่า แบบว่าชอบมาโดยตลอดเพียงแค่ผมไม่เคยรู้ตัวเท่านั้นเองผมคบกับ “รีเบกก้า” มาได้สักระยะหนึ่งแล้วก่อนที่ผมจะค้นพบรสนิยมของตัวเองดังนั้นผมจึงต้องการเคลียร์กับเธอให้ชัดเจน
ผมอธิบายให้เธอฟังอย่างดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ ว่าทุกอย่างไม่ใช่ความผิดของเธอ แต่เป็นตัวผมเองผมยังคงต้องการให้เรายังเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันเพราะเธอเป็นคนที่ค่อนข้างพิเศษสำหรับผมถึงแม้เธอจะโกรธแต่ฉันก็พยายามทำความเข้าใจแล้วมันก็ทำให้ผมโล่งใจมากต่อมาผมก็ได้สารภาพเรื่องนี้กับเพื่อนๆ ทุกคนตอนแรกผมก็กลัวว่าพวกเขาจะล้อเลียนผมหรือไม่ก็แบบว่าเซอร์ไพรส์แต่เอาเข้าจริงพวกเขาก็ไม่ได้แคร์สักเท่าไหร่มิหนำซ้ำบางคนยังคิดอยู่แล้วว่าผมน่าจะเป็นด้วยซ้ำ
ทุกอย่างมันง่ายกว่าที่ผมคิดไว้จริงๆ ผมคิดว่าในไม่ช้าคนอื่นก็ต้องรู้เรื่องนี้อย่างแน่นอนเพียงแต่ผมไม่คิดว่าจะมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นตามมาวันหนึ่งที่โรงเรียนในขณะที่ผมกำลังค้นหาหนังสือในกระเป๋าจู่ๆ ผมก็พบกับจดหมายผมเปิดอ่านมัน และมันเอ่อ…เป็นจดหมายข่มขู่งั้นเหรอเนื้อหาในจดหมายเต็มไปด้วยการดูถูกเหยียดหยามผมไม่อยากยกคำพูดมาได้ทั้งหมดรวมแล้วก็ประมาณว่าย้ายออกจากโรงเรียนนี้ไปซะทีนี้ไม่ต้องการคนแบบแก
ผมได้แต่มองดูรอบรอบแล้วก็ไม่มีใครอยู่แถวนั้นเลยผมรู้สึกกลัวและคิดว่ามีเพื่อนบางคนแค่เล่นตลกอะไรกับผม แต่ไม่มีทาง พวกเค้าไม่น่าจะทำอะไรแบบนี้ ไม่นานผมก็ลืมเรื่องนี้ไปแต่กลายเป็นว่ามันก็เกิดขึ้นอีกครั้งคราวนี้มีบุคคลปริศนาส่งข้อความมาหาผมทาง อินสตราแกรม ด้วยความเหยีดหยามและข่มขู่อีก ผมถามว่าเขาเป็นใครแต่เขาก็ไม่ตอบผมเล่าเรื่องนี้ให้ “รีเบกก้า” ฟังคนเดียวเท่านั้นและเธอก็ตกใจมาก
แต่ที่พีคที่สุดสำหรับผมก็คือผมเจอกล่องแปลกๆ ตั้งอยู่ที่ระเบียงหน้าบ้านโชคยังดีที่ผมเจอมันก่อนที่พ่อกับแม่จะมาเห็นมันเข้า พอผมเปิดกล่องออกดูในนั้นมันเต็มไปด้วยขยะพร้อมกับจดหมายที่มีใจความว่าแกสมควรที่จะอยู่กับขยะพวกนี้จริงๆ นี่มันอะไรกันเนี่ยตอนนี้ผมเริ่มกลัวที่จะไปโรงเรียนและรวมถึงที่อื่นๆด้วยผมได้แต่เฝ้ามองไปรอบๆ เพื่อค้นหาบุคคลลึกลับนี้ผมไม่เคยเล่าเรื่องนี้ให้ใครฟังเลยแม้กระทั่งกับ “รีเบกก้า” และจากนั้นอีกไม่นานก็มีเรื่องแปลกๆ อีกเรื่องเกิดขึ้น วันหนึ่งพบว่าทุกคนทั้งโรงเรียนรู้หมดว่าผมเป็นเกย์ผมไม่รู้เหมือนกันว่าพวกเขารู้ได้อย่างไรแต่คิดว่าต้องมีใครสักคนที่แพร่กระจายข่าวนี้คุณรู้อะไรไหมพวกคุณครูก็ยังรู้เรื่องของผมด้วยก็พูดตามตรงว่ามันก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรนะเพราะไม่มีใครสนใจสักเท่าไหร่แถมยังมีหลายคนคอยให้กำลังใจผมอีกต่างหาก แต่มีผู้ชายคนหนึ่งที่ผมไม่ค่อยสนิทด้วยที่ชื่อว่า “ชอน” เขาคอยจ้องมองผมแปลกๆ ไม่เพียงแค่นั้นเขายังเลิกทักทายผมแล้วพยายามอยู่ห่างจากผมให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ผมคิดว่าเขาน่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้หรือบางทีอาจเป็นเขานั่นแหละที่เป็นคนคอยส่งข้อความข่มขู่มาหาผม
วันหนึ่งผมกลับมาถึงบ้านแล้วพ่อแม่ก็เริ่มตั้งคำถามเกี่ยวกับรสนิยมทางเพศของผม ผมก็แบบว่าอะไรนะผมเดาว่ามันต้องมีใครมาฟ้องพวกเขาแน่ๆ ข่าวมันแพร่กระจายรายได้เร็วขนาดนั้นผมเลยถามกลับไปว่าพวกเขารู้เรื่องนี้ได้ยังไงเพราะเขาตอบว่า มีผู้ปกครองใครบางคนโทรมาถามเกี่ยวกับเรื่องนี้ แหม..จมูกไวกันจริงๆ นะคนเราและแล้วผมก็ต้องสารภาพกับพวกเขาด้วยผมบอกไม่ได้หรอกนะว่าพวกเขาจะมีความสุขที่ได้ยินเรื่องนี้พวกเราคุยกันนานมากแล้วพวกเขาก็ถามคำถามผมเยอะแยะไปหมดแต่สุดท้ายพวกเขาก็เริ่มทำใจยอมรับในสิ่งที่ตัวผมเป็นหลังจากที่ทุกๆ คนรู้เรื่องนี้แล้วมันค่อนข้างไปได้สวยทีเดียว เพราะมีคนอีกมากมายที่ต้องต่อสู้กับเรื่องนี้เป็นปีๆ แต่ผมว่าผมโชคดีนะยกเว้นก็แต่เรื่องที่มีคนคอยข่มขู่ผมอยู่แล้วผมก็ไม่อยากปล่อยให้มันเป็นแบบนี้ต่อไปผมคิดว่าผมควรจะทำอย่างไรกับมัน
บางที่ผมควรจะไปพบอาจารย์ใหญ่หรือพูดคุยกับตำรวจแต่ผมก็ไม่อยากทำอะไรผลีผลามเกินไปผมเริ่มถามคนรอบตัวโดยเฉพาะเพื่อนของผมว่าพวกเขารู้อะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้บ้างหรือเปล่าผมถึงกับเทียบลายมือของพวกเขากับลายมือของ เออม…ศัตรูของผมได้แล้วผมก็ไม่พบอะไรเลยนอกจากจะทำให้เพื่อนๆ รู้สึกรำคาญกับความขี้ระแวงของตัวเองพวกเขาคิดว่าอาจมีใครสักคนกำลังแกล้งผมอยู่ แต่ผมคิดว่ามันต้องมีอะไรที่ร้ายแรงและชั่วร้ายยิ่งกว่านั้น แต่มีอยู่คนหนึ่งที่ผมยังไม่ได้ถามนั่นก็คือ “ชอน” เขายังคงคอยหลบหน้าหลบตาและอาจจ้องมองผมตอนที่ผมเผลอ ดังนั้นผมจึงเดินเข้าไปถามเขาซึ่งๆ หน้าเลยว่าทำไมเขาถึงได้มองผมแบบนั้นเขาก็แบบหมายความว่ายังไงในกำลังพูดถึงอะไรหรอ ผมโมโหมากเขาจะต้องรู้อะไรบางอย่างได้แน่ๆ ผมจึงถามเขาต่อไปว่าเรื่องกล่องและจดหมายเหล่านั้นล่ะมันยังไงกันเขาตอบว่า หยุดกวนใจฉันสักทีและพยายามเดินหนี แล้วพยายามเดินหนี
แล้วผมควรทำยังไงหยุดเขาไว้เหรอ แต่เอาล่ะตอนนี้ผมค่อนข้างแน่ใจว่าเขาคือคนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้แน่นอนหลังจากนั้นผมจึงเล่าเรื่องทั้งหมดให้ “รีเบกก้า” ฟังแล้วเธอก็รู้สึกแปลกใจกับมันมากแล้วพูดว่าโหนี่มันแปลกจริงๆ เลยเธอทำไมเธอยังคงคิดถึงเรื่องนี้อีกละหลังจากเรื่องกล่องนั้นแล้วยังไม่จบอีกเหรอผมถึงกับพูดไม่ออกก็ไม่เคยเล่าเรื่องกล่องนั้นให้ “รีเบกก้า” ฟังผมถามเธอว่านี่มันยังไงกันเธอก็อ้อมแอ้มบอกว่า อ๋อ ก็เธอเป็นคนเล่าให้ฉันฟังเองนี้นา ผมมั่นใจ 100% เลยว่าผมไม่เคยเล่า ผมเลยถามเขาไปตรงๆ ว่าเธอเป็นคนอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ใช่ไหมเธอพยายามหาคำแก้ตัวแต่สุดท้ายก็ยอมรับว่าเธอเป็นคนทำทั้งหมดเธอลงทุนถึงขั้นยอมแปลงลายมือของตัวเองผมช๊อกมากและถามเธอว่าทำไมเธอถึงทำอะไรแบบนั้น เธออธิบายว่าเธอเสียใจมากที่ผมขอเลิกกับเธอแล้วรู้สึกดูไม่ดีเพราะใครๆ ก็ต้องรู้ว่าเราคบกันก่อนที่ผมจะเปิดเผยตัวตนเธอเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำอะไรแบบนั้นเพื่ออะไรบางทีอาจแค่ต้องการแก้แค้นหรือบางทีอาจจะทำให้ผมหยุดที่จะบอกใครต่อใครว่าตัวผมเป็นเกย์สักทีผมยอมรับว่าผมโกรธมากผมไม่รับเธอเป็นเพื่อนอีกต่อไปเถอะขอร้องไม่ให้ผมบอกเรื่องนี้กับใครแม้กระทั่งตำรวจผมตอบว่าได้แต่ผมบล๊อกเธอทุกช่องทางการติดต่อเพราะว่าเธอเคยเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของผม
ว่าแต่ว่าทำไม “ชอน” ถึงได้ทำตัวแปลกๆ แบบนั้นกับผมล่ะผมไปถามเขาอีกครั้งว่าเกิดอะไรขึ้นทำไมเขาถึงได้จงเกลียดจงชังผมนักเขาหน้าแดงแล้วตอบว่าฉันไม่ได้เกลียดนายเลยมันแบบว่าตรงกันข้ามซะด้วยซ้ำผมเลยถามว่าทำไมเขาจะไม่ยอมบอกผมเค้าอธิบายว่าเขาเก็บมันไว้เป็นความลับแล้วพ่อกับแม่เขาคงจะไม่ปลื้มแน่ถ้ารู้เรื่องนี้ดังนั้นเขาจึงพยายามปิดบังทุกคนแล้วพยายามไม่เข้าใกล้ผมเพื่อที่ทุกอย่างมันจะได้ง่ายขึ้นสำหรับตัวเขาเองแล้วหลังจากนั้นพวกเราก็ได้กลายเป็นเพื่อนกันไม่ใช่แบบคู่รักหรอกนะแต่แค่เพื่อนกันจริงๆ ผมเองยังคงรู้สึกผิดหวังกับเรื่องระหว่าง “รีเบกก้า” และยังคงปรับตัวลำบากกับพ่อแม่ แต่ผมมีความสุขอย่างเหลือเชื่อที่ทุกคนต่างยอมรับตัวตนที่ผมเป็นซึ่งผมไม่เคยคาดหวังเลยว่าทุกอย่างมันจะเป็นไปได้ดีขนาดนี้
ยังไงก็ขอบคุณที่รับฟังและอย่าลืมกดไลค์วีดีโอนี้และแชร์ให้กับเพื่อนๆคนอื่นด้วยนะครับ